The Pirates of Silicon Valley – แด่ สตีฟ จ๊อบส์

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา tech savvy ทั้งหลายก็ต้องเศร้าสลดไปกับการจากไปของ Steve Jobs เจ้าพ่อ Apple ที่หลายคนชื่นชอบ ไอเกิล ขอร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงด้วยการนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ สตีฟ จ๊อบส์ มาฝากนะครับ



เรื่องของสตีฟ จ๊อบส์ทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง The Pirates of Silicon Valley ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1998 ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเรื่องของ Bill Gates เพื่อนรัก เพื่อนชังของสตีฟนั่นเอง แต่มีพาดพิงถึงสตีฟเยอะมาก แม้ไม่เป็นฮีโร่เหมือนบิลล์ แต่ชีวิตจริงในวันนี้เขาคือฮีโร่ในใจของหลายๆ คนเลยทีเดียว


สตีฟค่อนข้างจะเก็บเนื้อเก็บตัวเรื่องส่วนตัวของเขา พวกเรารู้จักเขาจากผลงานของเขา โดยเฉพาะซีรี่ของผลิตภัณฑ์ “i” ต่างๆ ของเขา ไม่ว่าจะเป็น iMac, iPhone, iPod, iPad, iStudio, iTune, iCloud โอ้ย…เยอะแยะไปหมด ผมล่ะก็สาวกตัวยงของเขาเลยทีเดียวคอมพิวเตอร์เครื่องของผมก็ Macintosh นั่นล่ะครับ ชอบมากจริงๆ ใช้ง่ายและมีกราฟฟิกให้เล่นเยอะ


วันนี้ผมเลยขอเก็บเรื่องความประทับใจของผมเกี่ยวกับสตีฟมาฝากกันนะครับ แต่ก่อนอื่นลองมารู้จักกันก่อนว่า เขาคนนี้เป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงคิดอะไรออกมาได้ขนาดนี้นะครับ สตีฟเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ผมเชื่อว่าเขาเกิดที่มลรัฐวิสคอนซิน นะครับ เพราะพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาเป็นนักเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แต่บางคนก็บอกว่าเขาเกิดที่ซานฟรานซิสโก ตอนที่สตีฟเกิดนั้นคุณพ่อAbdulfattah “John” Jandali ซึ่งเป็นชาวซีเรียน และคุณแม่ Joanne Carole Schieble ของเขายังเป็นนิสิตอยู่ เลยต้องยกลูกให้คนอื่นไปเลี้ยง ก็เป็นไปได้ครับที่สตีฟเกิดที่ซานฟรานซิสโก เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับสตีฟไปเลี้ยงนั้นอยู่ที่ซานฟรานซิสโก



ครอบครัวใจดีที่รับสตีฟไปเลี้ยงคือ Paul และ Clara Jobs คุณพ่อพอลเคยเป็น Coast Guard หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งพอเกษียณแล้วก็มาเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์ และคุณแม่คลาร่าจะเป็นนักบัญชี ครอบครัว จ๊อบส์อาศัยอยู่ที่บ้านในเมือง Mountain View ใน Silicon Valley มลรัฐแคลิฟอร์เนีย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สตีฟสร้างอาณาจักรของเขาที่นี่


ในวัยเด็กสตีฟฉายแววอัจฉริยะของเขาให้ทุกคนได้เห็น ครูของเขาต้องการให้เขาพาสชั้นจากมัธยมต้นไปมัธยมปลายเลย แต่พ่อแม่เขาไม่ยอม สตีฟเลยนั่งเซ็งในชั้นเรียนแล้วเลยเริ่มซ่า จนครูต้องจ้างให้เรียนซึ่งสตีฟก็สามารถสอบได้คะแนนนำในระดับต้นๆ


เมื่อเข้าเรียนในมัธยมปลาย สตีฟจะใช้เวลาว่างของเขาที่ Hewlett-Packard ซึ่งที่นี่คือที่ๆ เขาได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับคอมพิวเตอร์กูรู Steve Wozniak จนเป็นที่มาของ Apple Inc.


ผมเชื่อว่าหลายท่านที่เป็นแฟนของสตีฟอ่านประวัติช่วงขาขึ้น-ขาลงและขึ้นสุดๆ ของเขาจนหนำใจไปแล้วเพราะเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ข่าวพาดหัวที่กระหึ่มไปทั้งโลกก็คงไม่พ้นการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ สตีฟ จ๊อบส์ และตำนานของเขาถูกนำกลับมาเล่าขานกันอย่างกว้างขวาง ความประทับใจของผมกับสตีฟ จ๊อบส์ ผู้นี้ก็คือ เป็นคนที่เชื่อมั้นในตัวเอง และผลักดันชีวิตให้ทะยานไปไกลมาก ไกลขนาดเลยขอบฟ้าไปก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีปริญญาใดๆ หนุนหลังเลย แต่ก็ใช่ว่าชีวิตเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบนะครับ ล้มลุกคลุกคลานก็มาก บางทีก็เหมือนคนไม่ดี เห็นแก่ตัว แต่ก็อัจฉริยะจริงๆ


เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Walter Isaacson นักเขียน อัตชีวะประวัติชั้นเซียนได้เปิดตัวหนังสืออัตชีวะประวัติของสตีฟ โดยใช้ชื่อว่า Steve Jobs by Walter Isaacson และกลายเป็น best-seller ในชั่วข้ามคืนสนุกไม่สนุกอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไปนะครับผมจะนำมาเสนอโดยด่วนนะครับเอาละครับผมเกริ่นเรื่องสตีฟจนหนำใจผมแล้ว คราวนี้ผมขอแชร์คำพูดของสตีฟที่โดนผมอย่างจัง และหวังว่าท่านผู้อ่านที่รักจะเอ็นจอยไปกับผมนะครับ


• “ทำในสิ่งที่คุณรัก” สตีฟ เคยพูดไว้ว่า “คนที่มีความชอบหรือหลงไหลในบางสิ่ง สามารถทำสิ่งให้โลกของเราดีขึ้นได้” (People with passion can change the world for the better)
• “ชนจักรวาลให้บี้เลย” (Put a dent in the univers) สตีฟเชื่อในอำนาจของวิสัยทัศน์ เขาเคยพูดกับ John Scully ประธานของบริษัท Pepsi ว่า “คุณจะใช้ชีวิตกับการขายน้ำผสมน้ำตาล หรือคุณต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในโลกนี้” เพาะฉะนั้นอย่าได้ละสายตาจากวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าสตีฟจะเสียใจมากน้อยแค่ไหนที่เอา Scully มาทำงานด้วย เพราะในที่สุดเขาก็ไล่ฮีโร่ของผมออกจาก Apple Inc.
• “สร้างการเชื่อมต่อ” (Make connections) สตีฟเคยพูดไว้ว่าความคิดสร้างสรรค์คือการเชื่อมต่อของสิ่งต่างๆ ซึ่งหมายถึงคนที่มีประสบการณ์ในชีวิตหลากหลายสามารถมองเห็นบางอย่างที่คนอื่นอาจมองข้ามไป
• “ปฏิเสธพันครั้ง” (Say no to 1,000 things) เมื่อสตีฟกลับมาทำงานที่ Apple Inc. อีกครั้งในปี 1997 Apple มีผลิตภัณฑ์กว่า 350 ชนิด เขาตัดทิ้งเหลือเพียง 10 ชนิดเท่านั้น เขาบอกว่าเขาจะได้เอาทีมหัวกะทิมาดูแล 10 ผลิตภัณฑ์นั้นอย่างเต็มที่ ผลก็คืออย่างที่เราเห็นนี่ล่ะครับ
• “สร้างสรรค์ประสบการณ์ที่หลุดโลก” (Create insanely different experiences) ตอนที่สตีฟจะเปิดร้าน Apple Store เขาบอกว่าเขาไม่ใช่แค่ต้องการขายของอย่างเดียว เขาต้องการสร้างประสบการณ์ที่เพิ่มคุณค่าให้ชีวิตของลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้าและ Apple แบรนด์ ผมละชอบร้านของเขาซะจริงๆ มันสนุกและตื่นตาตาใจทุกครั้งที่ไปจริงๆ นะครับ โดยเฉพาะที่อเมริกา
• “สื่อสารขั้นเทพ” (Master the message) สตีฟบอกว่าต่อให้เราคิดทุกอย่างได้เก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่องก็จบเห่ สตีฟน่ะเขาขั้นเทพเลยเพราะไม่เพียงแต่อธิบายให้ชัดเจน แต่เขาทั้งสอน ทั้งสร้างแรงบันดาลใจ ทั้งเอ็นเทอร์เทน คนฟังในคราวเดียวกัน ดูแต่ละครั้งที่เขาเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของเขาสิครับอลังการตื่นตาตื่นใจด้วยตัวเขาเองทั้งนั้น ชุดก็ง่ายเสื้อยืดดำ กางเกงยีนส์ สบายๆ แต่ข้อมูลแน่นด้วยสาระและบันเทิงเลยนะครับ
• “อย่าขายแต่ของ ขายฝันด้วย” (Sell dreams, not products) อันนี้อย่าเขาใจผิดนะครับของสตีฟเขาลึกครับ อ่านดีๆ นะครับ สตีฟเขาเข้าใจความต้องการของลูกค้าของเขาอย่างดี เขารู้ว่า tablet จะไม่กระตุ้นต่อมใดๆ ของลูกค้าถ้ามันใช้ยากเกินไป iPad ของเขาจึงมีแค่ปุ่มเดียวและใช้ง่ายขนาดหลานชายผมไม่กี่ขวบยังใช้ได้เลย สตีฟบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความหวังหรือความทะเยอทะยานของพวกเขา สตีฟสอนให้เรารู้ว่าถ้าเราช่วยทำให้ฝันของลูกค้าเป็นจริงได้แล้วล่ะก็ เราก็จะได้ใจของพวกเขา


จริงๆ แล้วมีอีกเยอะนะครับ ที่ผมชอบ แต่วันนี้เอาพอหอมปากหอมคอให้หายคิดถึงกูรูคนโปรดของผมก่อนผมแอบเห็นโฆษณาหนังสืออัตชีวะประวัติเล่มใหม่ของสตีฟแล้ว รู้สึกมีอะไรมันๆ อยู่เหมือนกัน อดใจรอสักนิดนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ


 ติดตามเราได้ที่


Aigle Magazine 





Create Date : 02 ธันวาคม 2554
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 15:11:25 น.
Counter : 976 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Samitivejhospitals.BlogGang.com

samitivej
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด