ตนละฟากฟ้า - บทที่ 58
 

เช้าวันรุ่งขึ้นพราวพรายตื่นนอนตอนที่นิคแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะออกไปทำงาน พอเห็นเธอเขาก็ยิ้มให้ราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีปากมีเสียงกัน ส่วนพราวพรายก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งๆที่เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะคิดหนัก

“ผมต้มน้ำไว้ให้แล้วนะ เดี๋ยวตอนเที่ยงจะให้ทหารเอาอาหารกลางวันมาให้ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ที่พีเอ๊กซ์มีของขายเยอะแยะ”

เขาหมายถึงร้านค้าสวัสดิการทหาร ที่มีสินค้าหลากหลายส่งจากสหรัฐฯมาขายให้เฉพาะพวกทหารในราคาถูกเป็นพิเศษ

พราวพรายทำหน้าเฉยๆเมื่อถามเขาว่า “ดิ๊กจะกลับเมื่อไรคะ”

นิคมองหน้าเธออย่างสงสัยว่าเธอถามทำไม แล้วยังสงสัยอีกด้วยว่าทำไมเช้านี้เธอพูดเพราะเป็นพิเศษ

“อีกสองสามวัน มีอะไรหรือ”
“ฉันอยากออกไปซื้อของข้างนอกหน่อย เมื่อคืนเห็นมีร้านขายของชำสองสามร้าน”
“ทำไมไม่ซื้อที่พีเอ๊กซ์ที่ผมบอกล่ะ”
“ของที่ฉันอยากได้ต้องซื้อที่ร้านขายของชำน่ะค่ะ บางอย่างอาจจะต้องซื้อในตลาดสดด้วย”

“งั้นรอตอนเย็นได้ไหม เลิกงานแล้วผมจะพาไปเอง ถ้าไงไปทานมื้อเย็นข้างนอกก็ได้”

เขาพยายามเอาใจ แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ได้ก็รีบพูดต่อว่า “ที่นี่มีร้านอาหารใช้ได้อีกหลายร้าน จะพาไปลองชิม เผื่อจะชอบ”

“ไม่ละค่ะ เย็นนี้ฉันตั้งใจจะทำอาหารกินเอง เห็นที่นี่มีเครื่องครัวครบทุกอย่าง ขาดแต่พวกของสดของแห้งเท่านั้น แต่คงหาจากข้างนอกโน่นได้” เธออธิบายเรียบๆ

ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจ “จะทำอะไรให้กิน ข้าวผัด แกงจืดกับพวกไข่ต้มไข่ทอดอีกหรือ?”

“แหม! ดูถูกจังเลยนะ ฉันทำอาหารอื่นได้อีกเยอะแยะ รู้สึกว่าฉันจะเคยบอกคุณแล้วนี่ว่าฉันกับพี่สาวถูกแม่จับเข้าครัวตั้งแต่เด็กๆ ถึงไม่อยากทำก็ต้องทำเป็นจนได้แหละ”

แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “คุณจะให้ลูกน้องขับรถพาฉันออกไปซื้อของได้ไหม”
“ตกลงจะไม่รอผมหรือ”
“รอไม่ได้หรอก เดี๋ยวทำอาหารไม่ทัน เรื่องรถว่าไงคะ”
“ได้ จะไปกี่โมงล่ะ”
“หลังเที่ยงก็ได้ ชวนดี๊กมาทานด้วยกันนะคะ ว่าแต่ดิ๊กทานอาหารไทยได้หรือเปล่า”

“ทำไมจะไม่ได้ ของชอบของมันเลยแหละ แต่อย่าให้เผ็ดนักก็แล้วกัน”

นิคมีสีหน้าสงสัย เมื่อคืนนี้เธอยังทำท่าไม่พอใจเพื่อนเขาอยู่เลย แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่เธอมีทีท่าที่ดีขึ้นต่อเพื่อนรักของเขา

“เดี๋ยวผมจะชวนมัน งั้นผมไปก่อนนะ ก่อนเที่ยงจะส่งพลขับมาให้ แต่พราวอย่าเลยไปที่อื่น ซื้อของแถวหน้าค่ายเสร็จก็รีบกลับนะ ผมเป็นห่วง”

ชายหนุ่มเดินเข้ามากอดเธอ ก้มลงจูบสองสามครั้งก่อนจะลงจากบ้านขึ้นรถขับออกไป พราวพรายอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ออกมานั่งดื่มกาแฟกับขนมปังกรอบ เมื่อคืนนี้หลังจากนิคหลับเป็นตายไปแล้ว เธอก็นอนทบทวนถึงรูปร่างหน้าตาของสาวสวยที่ชื่อเหงียน ฟาย เห็นสายตาอ่อนหวานที่มองนิคก็เข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าหล่อนคงชอบเขา ส่วนเขาจะชอบตอบหรือเปล่าเธอยังไม่แน่ใจ

แต่พอฟังที่นิคบอกว่าเคยคิดจะจีบเหงียนเหมือนกันถ้าไม่มีเธอ ทำให้หญิงสาวเกิดความกังวลขึ้นมาทันที ทั้งๆที่พยายามบอกตัวเองว่าไม่แคร์เพราะไม่ได้รักเขาสักนิด เขาอยากจะไปจีบใครก็เรื่องของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกหวงเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ ปกตินิคจะเข้าอุบลฯและพบกับเธอเดือนละครั้งๆละสามถึงห้าวันแล้วแต่สถานการณ์ คิดดูซิ เขาอยู่กับเธอเพียงเดือนละไม่กี่วัน ส่วนอีกหลายสิบวันที่เหลือเขาอยู่ที่นี่ เขาคงจะออกไปกินข้าวกินเหล้าที่ร้านของเหงียนเกือบทุกวัน ได้พูดจาปราศัยมองกันไปมองกันมามากกว่าเธอหลายเท่า

แต่ก่อนพราวพรายไม่เคยคิดอะไรเลย เพราะคิดว่านิคคงกินนอนอยู่ในค่ายตลอดเวลา ค่ายก็คงตั้งอยู่ในป่าในดง คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนมาวอแวได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร หญิงสาวก็เริ่มคิดว่าจะต้องเอาใจเขาบ้างเสียแล้ว เขาจะได้ไม่ลืมว่ามีเธอเป็นเมียอยู่ทั้งคน คิดไปคิดมาแล้วก็คิดออกว่าน่าจะแสดงฝีมือแม่บ้านให้เขาประจักษ์สักหน่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอยังไม่เคยทำอาหารดีๆที่ต้องใช้ฝีมือให้เขากินสักมื้อ อย่างเก่งก็แกงจืดง่ายๆ ข้าวผัดต่างๆบ้าง ไข่ดาวบ้าง ไข่เจียวบ้าง เธอไม่สนใจอยากจะทำอะไรที่ยุ่งยากกว่านั้นและเขาเองก็ไม่เคยเรียกร้อง

เมื่อนึกถึงเรื่องอาหาร พราวพรายก็คิดว่าจะทำอาหารไทยแปลกๆให้เขาและดิ๊กได้ลองชิมดูบ้าง เขาสองคนคงจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารไทย อร่อยๆบ่อยนัก ที่หน้าค่ายแม้จะมีร้านอาหารหลายร้านแต่ก็ไม่มีอาหารไทย เห็นแต่อาหารเวียตนาม อาหารจีนและอาหารฝรั่งเท่านั้น แม้แต่เมื่อคืนสองหนุ่มก็สั่งแต่อาหารเวียตนามมาจนเต็มโต๊ะ มีแต่ผัก..ผัก..แล้วก็ผัก เชอะ..อยากจะมีเมียญวนกันนักหรือไง หญิงสาวคิดอย่างหมั่นไส้แกมอิจฉานิดๆ อีตาดิ๊กนั่นก็ท่าทางชีกอเชียว มีลูกมีเมียแล้วยังทำตาเจ้าชู้มองแม่เหงียนฟายคนสวยอยู่ได้ ดีละ..เจอสมพรเมื่อไรจะเผานายดี๊กนั่นให้ไหม้เกรียมไปเลย

พรายพราวนั่งคิดรายการอาหารที่ตั้งใจว่าจะปรุงอย่างสุดฝีมือ ให้ผู้ชายสองคนนั้นติดใจ จนลืมอาหารเวียตนามของแม่เหงียนไปเลย เรื่องการทำกับข้าวประเภทที่ต้องใช้ฝีมือนั้น แม้หลังๆนี้จะไม่ได้ลงมือทำเลยแต่เธอก็ไม่กังวล เพราะแม้แต่คุณจิตราผู้ยอดฝีมือยังเคยชมเปาะ เวลาที่สั่งให้ลูกสาวสองคนปรุงอาหารให้เธอลองชิมเพื่อเป็นการฝึกฝีมือ มารดาของเธอเคยออกปากว่า ‘ยายพราวรสมือดีกว่ายายเจิด ทำอะไรก็อร่อย เสียแต่ขี้เกียจ ให้ทำแต่ละทีก็หน้าหงิกหน้างอยังกะทัพพีตักข้าวไม่มีผิด’

พราวพรายแต่งตัวใหม่เรียบร้อยแล้ว ตอนที่พลทหารแมกซ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน เขาลงจากรถหอบกล่องอาหารกลางวันและถุงสีน้ำตาลใบใหญ่ ขึ้นมาวางให้เธอบนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินกลับลงไปรอที่รถ

นิคก็มาด้วย พอเห็นเธอเขาก็บอกว่า “ผมแวะไปพีเอ๊กซ์ ซื้อเหล้ากับเบียร์มาเพิ่ม กลัวจะไม่พอ” รีรออยู่หน่อยเพราะไม่รู้ว่าเธอจะโวยวายอีกหรือเปล่า ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมบอกเจ้าดิ๊กว่าคุณจะทำอาหารไทยเลี้ยง มันดีใจใหญ่เลย เออ..พราว ถ้าผมชวนเพื่อนมาเพิ่มอีกสักสองคนจะรับไหวไหม ”

เห็นท่าทางลังเลไม่ค่อยแน่ใจของเขาแล้ว พราวพรายก็รีบส่งยิ้มหวานให้ 

"ได้สิคะ คุณอยากจะชวนใครมาเพิ่มมากกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าเก้าอี้จะพอหรือเปล่า” เธอหมายถึงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีอยู่เพียงสี่ตัว

ชายหนุ่มทำท่าโล่งใจที่ไม่ต้องเจอพายุ “เรื่องเก้าอี้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวให้แมกซ์ไปขอยืมจากคลังพัสดุได้ งั้นผมจะชวนเพื่อนมาอีกสองคนรวมเจ้าดิ๊กด้วยก็เป็นสาม พราวรับไหวแน่นะ”

“ไหวค่ะ มากกว่านี้ก็ยังไหว ตกลงคุณจะไปซื้อของกับฉันด้วยหรือคะ”

“ไปไม่ได้หรอก บ่ายโมงครึ่งผมต้องประชุม แค่แวะซื้อเหล้าแล้วก็มาบอกพราวเรื่องเพื่อนเท่านั้นแหละ เดี๋ยวออกไปพร้อมกันเลย ให้แมกซ์ส่งผมลงตรงที่ทำงานแล้วพาคุณไปตลาดเลย”

นิคเดินเข้ามากอดพราวพราย จูบแก้มใสๆของเธอสองสามทีอย่างขอบใจ

“ขอบใจมากนะพราว รู้ไหมวันนี้คุณน่ารักมาก พูดก็เพราะเป็นพิเศษด้วย”

ความจริงเขาอยากจะต่ออีกหน่อยว่า ไม่ทำหน้ายักษ์พูดจาห้วนๆรวนๆเหมือนเมื่อคืนนี้เลย

ทันทีที่กลับถึงบ้านและพลทหารแมกซ์กลับไปแล้ว หลังจากช่วยขนของหอบใหญ่ที่เธอซื้อมาขึ้นมาวางให้บนโต๊ะสี่เหลี่ยมบริเวณครัว พราวพรายก็เริ่มลงมือทำกับข้าวเพราะขณะนั้นเกือบบ่ายสองโมงแล้ว เพื่อนของนิคคงจะมาถึงบ้านประมาณหกโมงเย็น อาหารที่เธอกะจะทำเลี้ยงแขกคือมัสหมั่นไก่ บร็อคโคลี่ผัดกุ้งกับเห็ด ยำมะเขือยาวเผาไฟ แกงจืดเกี้ยมฉ่ายกระป๋องต้มซี่โครงหมูและไข่เค็มทอด พราวพรายได้ไข่เค็มดิบมาหกใบจากร้านขายของชำ ซึ่งเธอกะจะทอดเหมือนไข่ดาว แต่จะทอดจนกรอบเหลืองน่ารับประทาน เธอเชื่อว่าพวกเพื่อนๆของนิคคงเคยทานแต่ไข่เค็มต้ม ที่เห็นขายอยู่ตามร้านแผงลอยทั่วไปทั้งที่อุบลฯและที่นี่ คงไม่เคยได้ลิ้มลองไข่เค็มทอดซึ่งอร่อยกว่ามาก

หญิงสาวคิดว่าเนื้อเค็มกับหมูแดดเดียวทอดที่คุณจิตราทำส่งมาให้ น่าจะใช้เป็นของแกล้มเหล้าได้ ส่วนของหวานก็มีลูกตาลลอยแก้วและผลไม้สดจำนวนหนึ่ง เครื่องแกงมัสหมั่นนั้นเธอซื้อแบบสำเร็จรูปจากเมืองไทย ที่บรรจุซองวางขายอยู่ในร้านขายของชำ

หญิงสาวง่วนอยู่กับการทำอาหารจนเสร็จเรียบร้อยเมื่อประมาณห้าโมงเย็น หลังจากใส่ข้าวสารที่ซาวเรียบร้อยลงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า กดสวิชต์ให้ทำงาน จัดถ้วยจานชามสำหรับคนห้าคนวางลงบนโต๊ะอาหารแล้ว พราวพรายก็รีบอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อเตรียมรับแขก

ตอนนี้ไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเสื้อผ้าหน้าตาเท่าไรแล้ว เพราะทำใจได้แล้วว่าช่วยไม่ได้ เพื่อนของนิคจะเห็นเธอไม่สวยก็ช่างปะไร แต่อย่างน้อยก็ขอให้ประทับใจกับฝีมือการปรุงอาหารของเธอบ้างก็พอใจแล้ว คนสำคัญที่สุดคือนิค เธอต้องการให้เขาติดใจฝีมือทำอาหารไทยของเธอ จนลืมอาหารเวียตนามที่ร้านของแม่สาวเหงียนคนนั้นไปเลย

พราวพรายค้นกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กที่นำมาจากอุบลฯ พบกางเกงยีนส์ขาสั้นชายรุ่ยร่าย ก็นำมาสวมกับเสื้อยืดแขนล้ำคอตั้งสีเหลืองทอง เธอรู้มานานแล้วว่าสีเหลืองเหมาะกับสีผิวของเธอ มันช่วยขับผิวละเอียดนวลเนียนสีชาใส่นมของเธอให้ผุดผาดบาดตายิ่งขึ้น และเข้ากับผมยาวเลยบ่าสีน้ำตาลไหม้ที่ตอนนี้หวีเสยขึ้นไป เปิดให้เห็นหน้าผากนูนงามที่มีลูกผมอ่อนๆขดเป็นวงๆ วันนี้เธอมีแป้งแล้วเพราะแอบซื้อแป้งตลับสีเนื้ออ่อนๆ มาจากร้านเล็กๆหน้าค่ายนี่เอง หน้าใสๆของเธอเมื่อทาแป้งบางๆลงไป ก็ผุดผ่องเปล่งปลั่งขึ้นมาทันตาเห็น แต่เธอก็ไม่มีลิปสติกอยู่ดี เพราะรีบร้อนกลัวจะกลับมาทำกับข้าวไม่ทันเสียจนลืมซื้อ

เมื่อมองสำรวจหน้าตาโดยรวมในกระจก พราวพรายก็ไม่ผิดหวังมากนัก เพราะแม้จะไม่ได้ใช้เครื่องสำอางเลยนอกจากแป้งที่เพิ่งซื้อมา แต่เธอก็เห็นว่าหน้าตาเธอไม่เลว ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกขอบใจคิ้วหนาๆดำยาวของตัวเองที่ไม่เคยนึกชอบ เพราะเห็นว่ามันดกดำเกินไปและทำให้หน้าเธอเข้มจนเกือบดุ พราวพรายผู้ไม่มีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ร่ำๆจะถอนหรือโกนคิ้วธรรมชาติออกให้เกลี้ยง แล้วเขียนเอาใหม่ตามสมัยนิยมหลายครั้งแล้ว แต่ก็ถูกสุนิสาคัดค้านจนต้องเปลี่ยนใจทุกครั้ง ที่ขอบใจก็เพราะถ้าคิ้วเธอบางไม่เป็นรูปเป็นทรง แล้วยังไม่มีดินสอเขียนคิ้วมาช่วยเสริมให้เข้มขึ้นอีก หน้าตาคงดูไม่ได้มากกว่านี้

นิคกลับมาถึงบ้านพอดีตอนที่พราวพราย เพิ่งเสร็จจากเพ่งพิศโฉมตัวเองในกระจกเงาเป็นครั้งที่สิบ เขาเดินเข้ามาหาเธอในห้อง  

“อาหารเสร็จหรือยัง พราว” แล้วเขาก็ชะงักเมื่อเห็นเธอถนัด ผิวปากหวือ“ว๊าว วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง”

“จริงหรือเปล่าคะ นิค ฉันน่ารักจริงๆหรือ” พราวพรายต้องการคำยืนยันเพื่อความมั่นใจ

“น่ารักมาก ว่าแต่กางเกงไม่สั้นไปหน่อยหรือ” เขามองขาอ่อนของเธอ ที่พ้นชายกางเกงออกมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก

หญิงสาวก้มลงมองตัวเอง “รู้สึกเหมือนกันว่าสั้นไปหน่อย แต่ฉันไม่มีกางเกงตัวอื่นอีกแล้วนี่ หรือจะเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวตัวเมื่อคืนดี”

นิคนิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ดีเหมือนกัน พวกเพื่อนผมมันจะได้รู้ว่าเมีย..เอ๊ย..แฟนผมขาสวย”

พราวพรายทำหน้านิ่ว แม้แต่เสียงก็ห้วนไปเล็กน้อย “อย่าลืมเป็นอันขาดนะนิค ต้องแนะนำว่าฉันกับคุณแค่กำลังคบกันอยู่เท่านั้น ยังไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

ชายหนุ่มทำตาค้อนๆ “ไม่ลืมหรอกน่า สั่งอยู่เรื่อย” แล้วพอนึกได้ก็ถามแบบประชดว่า “อ้าว..ทำไมไม่ให้บอกว่าเป็นน้องสาวหรือเป็นญาติอีกล่ะ”

หญิงสาวค้อนขวับ “ปากดีนัก เอาอีกสักตุ้บไหม”

นิคหัวเราะแล้วถอดเสื้อเครื่องแบบออก “ขอผมอาบน้ำเดี๋ยว อ้อ..พราว ดอกไม้ข้างนอกนั่นว่าไง ซื้อมาทำไมหรือ”

พอนึกขึ้นได้หญิงสาวก็ร้องลั่น “โอ๊ย..ลืมสนิทเลย ตั้งใจจะเอามาจัดแจกัน บ้านจะได้สดใสขึ้น”

แล้วเธอก็รีบร้อนออกจากห้อง คว้ากุหลาบสีแดงเข้มหอบใหญ่ที่ซื้อมาจากตลาดและแช่น้ำไว้ มาตัดปลายออกแล้วปักลงไปในแจกันแก้วเจียรนัยใบสูงแต่ปากผายกว้าง ที่เธอซื้อมาจากตลาดขายของเก่าเล็กๆที่อยู่ข้างตลาดสด ที่ลงทุนซื้อมาก็เพราะเห็นว่ามันสวยแปลกดี

ระหว่างที่กำลังบรรจงจัดดอกไม้อยู่นั้น นิคซึ่งคงเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบร้อนออกมาหาพราวพรายทั้งๆที่ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว

“พราว เกือบลืมบอก จะมีผู้หญิงมาทานข้าวด้วยเพิ่มอีกคนนะ รวมเป็นสี่คนทั้งหมด”

หญิงสาวชะงักมือที่กำลังจะเสียบดอกกุหลาบลงไปในแจกันใบสวย ระแวงทันทีว่าผู้หญิงคนที่ว่านี่น่าจะเป็นแม่สาวเหงียนละมัง แล้วก็คิดอย่างรวดเร็วว่าจะปฏิเสธอย่างไร ที่จะไม่ทำให้นิครู้ว่าเธอกำลังระแวงเขากับแม่คนนั้น จนต้องลงทุนทำอาหารเลี้ยงแขก เพื่อโชว์ฝีมือแข่งกับแม่เหงียนหรือร้านของเจ้าหล่อน

แต่แล้วก็ลอบถอนหายใจโล่งอกเมื่อนิคพูดต่อว่า “แคทลิน ทหารหญิงฝ่ายธุรการน่ะ สนิทกับผมดี เขาชอบอาหารไทยมาก เลยชวนมาด้วย คงไม่เป็นไรนะ พราวจะได้มีเพื่อนคุย”

“ไม่เป็นไรค่ะ หลายคนก็สนุกดี กับข้าวก็มีตั้งหลายอย่าง”
“แมกซ์เอาเก้าอี้มาเพิ่มให้หรือยัง”
“เอามาแล้วค่ะ เอาน้ำแข็งก้อนกับถังใส่น้ำแข็งมาให้ด้วย”

นิคกลับเข้าไปอาบน้ำต่อ สักครู่ก็เดินออกมาหาพราวพรายข้างนอก สวมเชิร์ตแขนสั้นไหมไทยสีน้ำเงินแกมเขียวตัวใหม่ ที่เธอซื้อเก็บเอาไว้ให้เขาและนำติดตัวมาให้ที่นี่ ชายหนุ่มเปิดฝาที่ครอบอาหารแต่ละจานออกดู

“ทำไมทำหลายอย่างล่ะ พราว กินกันแค่หกคนเท่านั้น”

“กลัวเหลือหรือคะ คงไม่เหลือหรอก ฉันทำหลายอย่างก็จริง แต่ก็อย่างละนิดละหน่อย ที่มากหน่อยก็คงมัสหมั่นนี่แหละเพราะเป็นอาหารหลัก ถ้าเหลือก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้กินต่อวันหลังได้”

นิคก้มหน้าลงไปดมมัสหมั่น “สงสัยจะอร่อย หอมดี”
“เคยทานไหมคะ อาหารพวกนี้” พราวพรายถาม

ชายหนุ่มมองสำรวจอาหารบนโต๊ะที่พราวพรายจัดวางไว้อย่างสวยงาม ก่อนตอบอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่า “ไข่นี่คุณเคยทำให้กินแล้ว แกงจืดก็เหมือนกัน แต่ไอ้นี่ไม่รู้จัก” เขาหมายถึงแกงมัสหมั่น “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพราวทำกับข้าวเก่ง ทำเร็วด้วย นึกว่าจะทำเป็นแต่ทอดไข่ ต้มไข่ แล้วก็ข้าวผัดกับแกงจืดเท่านั้นเสียอีก ทำไมไม่เห็นเคยทำอะไรแบบนี้ให้ผมกินมั่งล่ะ ต้องไปกินกันข้างนอกทุกที”

“ก็ไม่รู้นี่ว่าคุณอยากให้ฉันทำให้กิน นึกว่าติดใจอาหารนอกบ้านมากกว่า” เธอกระแนะกระแหนเลยไปถึงร้านอาหาร ของแม่สาวเวียตนามคนนั้นนั่นแหละ

“ไม่รู้ละ คราวหน้าไปอุบลฯคุณต้องทำอะไรแบบนี้ให้ผมกินมั่ง อยากกินอาหารฝีมือเมีย นานๆครั้งก็ยังดี”

“ถ้าไม่อร่อยแล้วอย่ามาบ่นให้รำคาญหูนะ”

“ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าหูคุณนี่ นอกจากชอบหาเรื่องแล้ว ยังชอบรำคาญโน่นรำคาญนี่อยู่เป็นประจำ”

“แหงสิ ไหนจะแสนดีแสนน่ารักเหมือนใครบางคนล่ะ” ขอให้ได้ประชดเลยไปถึงหน้าค่ายโน่นสักนิดสักหน่อยก็ยังดี





















 

 




Create Date : 08 มีนาคม 2566
Last Update : 8 มีนาคม 2566 10:13:51 น.
Counter : 604 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณRain_sk, คุณกิ่งฟ้า, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณโอพีย์, คุณSweet_pills

  
หลายคนอาจจะรู้สึกว่านิยายเรื่องนี้เยิ่นเย้อมาก นางเอกก็งี่เง่าไม่เลิกจนน่ารำคาญ ก็คงต้องบอกว่าอีกไม่นานเกินรอ นางเอกคนนี้ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ที่ทำให้เธอต้องพัฒนวตัวเองไปโดยอัตโนมัติ แล้วก็ผู้อ่านก็อาจจะสงสารเธอนะคะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:10:26:58 น.
  
ค่ะ
จะรอดูว่าจะมีปัจจัยอะไร
ที่ทำให้นางเอกกลับมาน่ารักค่ะ
ลุ้นๆๆๆ ค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:11:23:39 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:16:16:59 น.
  
แหมคุณคุ้ยเล่นออกตัวแทนเสียแบบนี้
ว่านางเอของคุณตุ้ยไม่ลงแล้วค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:18:38:43 น.
  
แวะมาอ่านยามดึกค่ะคุณตุ้ย อ่านเพลินเลย ส่งกำลังใจให้นางเอกค่ะ

Literature Blog

หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 9 มีนาคม 2566 เวลา:1:58:04 น.
  
สวัสดียามเช้าครับ
โดย: **mp5** วันที่: 15 มีนาคม 2566 เวลา:9:39:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2566

 
 
 
1
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com