Q :คุณณัน ทำบล็อกมากี่ปีแล้วคะ ทำไมถึงเลือกมาทำบล็อกที่บล็อกแก๊งค์ล่ะคะ
A : เริ่มทำบล็อกเมื่อประมาณกลางปี ๔๘ รู้จักบล็อกครั้งแรกก็ในพันทิปนี่แหละค่ะ เข้าไปอ่านกระทู้แล้วเห็นคนอื่นมีบล็อกก็อยากมีมั่ง ทั้งที่โลว์เทคมากถึงมากที่สุด ไม่คิดว่าพอสมัครบล็อกแกงค์ปุ๊บ ก็มีชื่อบล็อกต่อท้ายชื่อเวลาตอบกระทู้ทันที ทีนี้ก็กลุ้มละซิ เพราะทำอะไรก็ไม่เป็น ไม่รู้จักโค้ดอะไรกับเขาเลยแต่จะปล่อยบล็อกให้ว่าง ๆ ก็ใช่ที่ เลยต้องขวนขวายเขียนบล็อกให้เป็น ดีที่บล็อกแกงค์ทำระบบดี ใช้งานไม่ยาก แล้วได้เพื่อนบล็อกที่สอนเขียนบล็อกที่ดีมากอย่าง ป้ามด กับ คุณรำเพย พอเล่นบล็อกได้สักพักก็นึกอยากแต่งหน้าตาบล็อกให้ดูดีขึ้น โชคดีได้เพื่อนบล็อกแรกรุ่นอย่างหลานพจ (Million Stars) และหลานจี้ (Angy11) ช่วยสอนแบบเต็มอกเต็มใจมาก ต้องขอบคุณไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ
Q: ชื่อล็อกอิน "Haiku" สื่ออะไรถึงตัวคุณณันหรือในเนื้อหาของบล็อกบ้างคะ
A: ใช้ชื่อนี้เพราะชอบบทกวีไฮกุค่ะ เคยเรียนเขียนไฮกุตอนอยู่มหาวิทยาลัย พอรู้จักก็หลงรักเลย รู้สึกถูกชะตากับงานเขียนแบบนี้มากๆ
Q: เท่าที่ทำบล็อกมา ได้รับอะไรจากการทำบล็อกบ้างคะ
A :คิดว่าคงคล้ายกับบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆ คือได้ความรู้ใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเพื่อนบล็อก ได้รู้จักผู้คนในแวดวงหลากหลาย
ที่สำคัญคือ ได้เห็นนำ้ใจและมิตรภาพระหว่างเพื่อนบล็อกด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามาก อันนี้ไม่จำกัดว่าเป็นเพื่อนบล็อกหน้าเก่าหรือใหม่ รู้สึกได้เลยว่ามีมิตรจิตมิตรใจต่อกันแบบน่ารักได้ใจจริงๆค่ะ
Q :บล็อกของคุณณัน เสนอเนื้อหา แบ่งปันให้กับคนในชุมชนบล็อกในด้านใดบ้างคะ
A: บล็อกเราจะออกแนวจับฉ่ายค่ะ อัพเรื่องราวหลากหลายตามใจฉัน ก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนที่เข้ามาอ่านจะได้อะไรจากบล็อกเราบ้าง ตั้งคำขวัญบล็อกไว้ว่า Happy Memories เพราะงั้นก็จะเลือกเรื่องที่ชอบมาอัพ ได้พูดถึงแล้วมีความสุขเป็นหลัก อย่างบทกวีไฮกุ ศิลปะ หนัง ละคร เพลง ถ้าใครเป็นคอเดียวกันก็แวะมาแจมได้ แต่ออกตัวไว้ก่อนว่า เนื้อหาไม่ใช่วิชาการจ๋า จะออกแนวชิลล์ ๆ ในแบบของเรามากกว่า
Q : ช่วงที่คุณณันขวนขวายเขียนบล็อกในเบื้องต้น เริ่มมองเรื่องที่จะมาอัพบล็อกยังไงบ้างคะ
A : ช่วงแรกที่เขียนบล็อกก็อัพเรื่องที่ชอบนั่นแหละค่ะ อย่างการวาดรูป แต่งไฮกุ หรือเขียนถึงหนังหรือละครที่ชอบ ใช้เวลาไม่เท่าไหร่ เพราะไม่ต้องหาข้อมูลอะไรมากมาย มีงานที่ทำเก็บไว้เยอะ ก็แค่สแกนรูป ไม่ก็พิมพ์เรื่องที่เขียนไว้แล้วมาลงบล็อก ตอนนั้นยังหารูปไม่ค่อยเก่ง บล็อกเลยมีแต่ตัวหนังสือเป็นส่วนใหญ่ ช่วงหลังๆ จะใช้เวลามากขึ้น อยู่ที่ความยาก-ง่ายของเนื้อหา พอนึกเรื่องที่อยากจะอัพได้แล้ว ก็มาหารูปและข้อมูล จากนั้นก็รวบรวมความคิด เขียนลำดับความออกมา แล้วก็ต้องมาแต่งบล็อกให้เข้ากับเนื้อหา ไม่ได้แต่งแบบหวือหวา แต่กว่าจะเลือกบีจีและของแต่งบล็อกให้ลงตัวได้ ก็จะกินเวลามากเหมือนกัน รวมๆแล้ว ปกติบล็อกนึงจะใช้เวลาเขียนประมาณสองถึงสามวัน แต่บางทีกว่าจะเขียนเสร็จเป็นอาทิตย์ก็มี
บล็อกแรกสุด สแกนภาพสเก็ชต์ดินสอมาลง วาดไว้เยอะ เก็บกระดาษที่วาดไว้เป็นตั้ง ๆ เมื่อก่อนชอบออกแบบเสื้อผ้า วาดชุดได้ แต่วาดคนไม่ค่อยเป็น เลยฝึกวาดแบบตั้งใจมาก วาดตามแบบหนังสือAnatomy ของน้องชาย ลายเส้นสวยมาก มีอยู่สามเล่ม ก็วาดหมดทั้งสามเล่มอยู่สองสามรอบ จากนั้นก็ฝึกวาดภาพคนจากแคตตาล็อกแฟชั่น หนังสือภาพวาดของ Frank Frazetta ศิลปินท่านนี้วาดกล้ามเนื้อคนสวยเหมือนเสกได้ เป็นอัจฉริยะ วาดรูปได้ตั้งแต่สามขวบ มีอาชีพวาดการ์ตูน, โปสเตอร์หนัง,ออกแบบปกหนังสือ งานปั้นก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน อ้อ แล้วก็ฝึกวาดจากภาพวาดของครูจักรพันธุ์ด้วยเรียกว่าวาด วาด แล้วก็วาด แต่สุดท้าย พอวาดเองจริงๆ ก็วาดได้ไม่สวยเท่าไหร่ คิดว่าตัวเองคงถนัดก็อบมากกว่าละมั้ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า
Q : บล็อกของคุณณัน หลากหลาย อยากให้เล่าถึงแต่ละกลุ่มบล็อกที่ทำน่ะค่ะ
Song Seungheon
ทำบล็อกนี้เป็นแฟนคลับพี่ชายค่ะ หลงรักหนุ่มคนนี้จากเรื่อง Autumn in My Heart พี่ชายเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ ทั่วเอเชีย รวยและหล่อแบบไม่ผ่านมีดหมอ จนเดี๋ยวนี้สามสิบฝ่าๆ แล้ว แต่หน้าก็ยังใสกิ๊ง แถมมีน้ำใจอีกต่างหาก คนในวงการชื่นชมนิสัยใจคอกันมาก ยิ่งแฟนๆ ไม่ต้องพูดถึง มีหลากหลายวัย แล้วรักพี่ชายแบบเหนียวแน่นมาก กับแฟนคลับ พี่ชายก็เอาใจใส่ความรู้สึกเสมอ เรื่องความมีนำ้ใจ ขอยกตัวอย่างสักเรื่องละกันค่ะ อย่างจีซอพ (หลายคนเรียกว่าจีซบ แต่คนที่รู้ภาษาเกาหลีเคยบอกว่า ที่ถูกต้องเรียกจีซอพค่ะ) เคยได้รับนำ้ใจและความช่วยเหลือจากพี่ชายก่อนที่จะดัง สองหนุ่มเจอกันครั้งแรกตอนที่คัดตัวเป็นนายแบบเสื้อผ้า ตอนนั้นจีซอพยังจน ไม่มีรถขับและอยากประหยัดค่าแท๊กซี่ พอพี่ชายรู้เข้าก็เลยให้มาอยู่ด้วยกันเป็นนานสองนาน สองคนเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกันจนเดี๋ยวนี้
พูดถึงพี่ชาย แฟน ๆ ส่วนใหญ่จะนึกถึงซีรีส์สุดประทับใจ Autumn in My Heart เนื้อเรื่องซาบซึ้ง บทเศร้ากินใจ ผู้กำกับก็เก่งมาก ที่สำคัญคือเลือกนักแสดงได้ลงตัวที่สุด โดยเฉพาะตัวละครอย่างจุนโซที่ซง ซึงฮอนเล่นบทนี้ได้สมบทบาท จนคนดูเรียกว่าพี่ชายแทนชื่อจริงไปเลย แล้วตัวจริงของซึงฮอนก็คล้ายจุนโซด้วย พี่ชายมีแฟนคลับหลายประเทศ มีเวบของพี่ชายมากมาย เวลาหารูปหรือตามข่าวสารก็เลยไม่ยาก เวบในไทยที่หลัก ๆ ที่เข้าไปอ่านประจำมีสองเวบคือ seungheonthailand และ ไร่ข้าวโพด
ออทั่มเข้ามาฉายครั้งแรกเมื่อปี ๒ooo เป็นช่วงที่เริ่มรู้จักอินเตอร์เนทใหม่ๆ ตอนนั้นยังมีอคติกับการเล่นเนท เพราะมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับการเล่นเนทเยอะ ด้วยความที่รักซีรีส์เรื่องนี้มากแต่หาคนคุยด้วยไม่ได้ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักเวบ autumnthai2001 ลองเข้าไปอ่านแล้วชอบมาก มีทุกอย่างเกี่ยวกับออทั่ม แรกๆ ก็เข้าไปอ่านเฉย ๆ พออ่านนานเข้าอดไม่ได้ ต้องเม้นท์บ้าง มีอยู่หนนึงเขียนเล่าเรื่องไปลงเวบแบบสั้นๆ แล้วเพื่อนในเวบชอบกัน อยากให้เขียนอีก เราก็เลยเขียนเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ พอโพสเรื่องจบ มีน้องในเวบมาขอให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ทีแรกก็ลังเลไม่แน่ใจว่าจะแปลได้ พอดีได้คนใจดี คุณ kmmมาช่วยแปลจนสำเร็จ
ตอนที่โพสเนื้อเรื่องออทั่มได้เจอเรื่องที่ดีๆ หลายอย่าง ได้รู้จักคนคอเดียวกัน ถึงไม่เคยเห็นหน้าก็คุยกันได้ถูกคอมาก บางคนเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี เท่ากับเวลาที่ดูออทั่มเลย เรื่องที่สองคือ พอเขียนเล่าไปเกือบจบเรื่อง เพื่อน ๆ ในเวบชอบกันมาก มาชวนให้พิมพ์เป็นหนังสือ แต่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ โครงการก็เลยค้างเติ่งอยู่ แล้วที่ประทับใจที่สุดก็คือ คุณนาตาลีที่เป็นแฟนคลับออทั่มเหมือนกัน เข้ามาอ่านกระทู้เล่าเรื่องแล้วชอบมาก ถึงขนาดเขียนไดอารี่มาให้เล่มนึง เป็นไดอารี่ที่เขียนตลอดหนึ่งปีที่ตามอ่าน
AUTUMN IN MY HEART(1)
บล็อก Movies in Memories ทำบล็อกนี้เพราะชอบดูหนังกับละคร ดูได้ไม่จำกัดเชื้อชาติ ขอให้เป็นแนวโรแมนติค จะดราม่าหนัก ๆ หรือเบาสมองก็ได้ ก็เพราะหนังกับละครนี่แหละ ที่ทำให้ได้รู้ว่าตัวเองเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวได้ เวลาที่ชอบหนังหรือละครเรื่องไหน จะเขียนบรรยายความรู้สึกลงสมุดเก็บไว้ ไม่ใช้คำว่าวิจารณ์หนัง เพราะเขียนชมอย่างเดียว ก็ชอบนี่นา ถึงจะมีข้อด้อยหรือผิดตรงไหนก็มองผ่านหรือทำลืมๆ ไป อิ อิ ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบมากๆ ก็จะอัดวิดีโอเก็บไว้ดูหลายๆ รอบ ตอนนั้นมีเวลาเยอะ ไม่แค่ดูเฉยๆ ยังลอกบทพูดเก็บไว้อ่านด้วย พอมีบล็อกก็ถูกใจมาก ได้เก็บเรื่องที่เขียนไว้ในบล็อก และได้เขียนถึงหนังและละครที่ชอบ หารูปประกอบ แถมใส่เพลงด้วย แล้วยิ่งปลื้มมากก็ตรงที่ มีคนเข้ามาอ่านแล้วบอกว่าชอบด้วยนี่แหละค่ะ
บล็อกของฝากจากคุณก๋า
อัพบล็อกนี้ด้วยความประทับใจในความใจดีของคุณก๋า คุณก๋าเป็นคนเก่งหลายอย่าง ทั้งเขียนหนังสือ แต่งกลอน วาดการ์ตูน และความสามารถที่โดดเด่นมากคือ การวาดภาพพู่กันเดียว วิธีวาดคือ การสะบัดพู่กันเป็นรูปต่าง ๆ ด้วยลมหายใจเดียว เป็นการฝึกสมาธิที่ดีมากอย่างนึง คุณก๋าจะแต่งบทกวีประกอบแต่ละภาพด้วย ถือเป็นงานศิลปะที่งดงามและมีเอกลักษณ์มาก ๆ คุณก๋าให้ภาพพู่กันเดียวมาสองรอบ แถมด้วยการ์ดและหนังสือทำมืออีกสองเล่ม ตอนที่ได้รับก็อึ้งไปเลย ประทับใจกับน้ำใจอันงามของคุณก๋ามาก ๆ ต้องขอบคุณคุณก๋าไว้ตรงนี้อีกครั้งค่ะ
ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย
บล็อกนี้ตั้งขึ้นเพราะได้อ่านหนังสือ "ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย" ไม่ต้องหารูปกับข้อมูลเลย เพราะอยู่ในหนังสือทั้งหมด เสียเวลาตอนพิมพ์ข้อความและสแกนรูปมาลงบล็อก ตอนที่อ่านหนังสือนี้ครั้งแรก แค่พลิกดูไม่กี่หน้าก็คิดเลยว่า ยังไงก็ต้องเอามาลงบล็อก เพราะรูปและเรื่องราวในเล่มหาดูหาอ่านได้ยากมาก คิดว่าคงมีหลายคนชอบเหมือนเรา กอปรกับปีที่แล้วเป็นปีที่ครบรอบเหตุการณ์สำคัญสามอย่างคือ...หนึ่ง ครบรอบร้อยปีการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...สอง ครบรอบร้อยปีที่ในหลวงรัชกาลที่ห้าเสด็จประพาสผ่านประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ ทางใต้ของอิตาลีที่ชื่อว่า มอลตา...และสุดท้าย ครบรอบร้อยสี่สิบปีความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี ข้อแรกรู้อยู่แล้วแต่สองข้อหลังอัพบล็อกแล้วถึงรู้ คุณนิคกี้เข้ามาอ่านแล้วเม้นท์บอกไว้
pencil sketching
Q : คุณณัน ทำบล็อกเกี่ยวกับงานศิลปะด้วย โดยชีวิตทั่วไปมีความเกี่ยวข้องกับงานศิลปะอย่างไรคะ
A : คิดๆ ดูแล้ว เราชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็กแล้วแต่ไม่รู้ตัว เลยไม่ได้เลือกเรียนด้านนี้ จะทำงานศิลปะเป็นงานอดิเรกซะมากกว่า อย่างวาดรูป ทำการ์ดทำมือ ทำดอกไม้ประดิษฐ์ เคยไปเรียนวาดลายไทยกับครูอวบ สาณะเสนอยู่ไม่กี่เดือน บล็อกหมวดนี้ ถ้าไม่ใช่งานที่วาดเอง ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะที่เราชอบ จะชาติไหนก็ได้ ขอให้เป็นงานที่ดูง่าย ไม่ต้องตีความเยอะละก็ ชอบทั้งนั้นค่ะ โดยเฉพาะศิลปะไทย
Blog :: The Queen
พอเล่นบล็อกได้สักสองปีถึงมาอัพบล็อกออกแบบเสื้อผ้า เอาผลงานที่ทำตอนเรียนออกแบบเสื้อผ้ามาลง รู้ตัวว่าชอบการออกแบบเสื้อผ้าก็ตอนเล่นตุ๊กตากระดาษ ออกแบบเสื้อให้ตุ๊กตาแล้วแม่ชมว่าวาดสวย ก็เลยลองออกแบบเสื้อผ้าดู ฝึกวาดด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ จนได้มาเรียนออกแบบเสื้อผ้าจริง ๆ ก็ตอนแก่แล้ว แต่เรียนแล้วสนุกมาก ได้ออกแบบชุด รู้วิธีใช้สี แต่การบ้านเยอะชะมัด บางเซ็ทครูสั่งให้ออกแบบทียี่สิบกว่าชุดภายในวันสองวัน มานั่งคิดตอนนี้ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำได้ไง บล็อกชุดละครในฝันก็ประทับใจ นอกจากจะมีโอกาสได้ออกแบบชุดนักแสดงฝ่ายชายแล้ว ยังมีส่วนได้ทำชุดด้วย ไปเดินหาซื้อผ้าและอุปกรณ์ตกแต่งชุดที่สำเพ็งกับพ่อแม่ ลวดลายบนชุดทหารที่เป็นพวกดิ้นกระดุม ธนูบ่า เราก็เป็นคนบรรเลงเอง ปักเองกับมือเลย (ชุดละครในฝัน ๑)
พู่กันจีน
งานศิลปะที่ชอบมากๆ อีกอย่างคือ พู่กันจีน ที่ทำบล็อคนี้ใช่ว่าเราจะเก่งหรือรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับพู่กันจีน แต่ทำด้วยความชอบอย่างเดียวเลยค่ะ ได้เรียนเขียนพู่กันจีนเมื่อสักสิบกว่าปีมาแล้ว ครั้งแรกที่จับพู่กันจีนรู้สึกว่าชอบและคุ้นมือมาก แอบคิดว่าชาติก่อนอาจเคยเขียนพู่กันจีนมากก่อนก็ได้ อิ อิ เรียนอยู่สี่ห้าปี เป็นลูกศิษย์เหล่าซือเฉินซื่ออู่ ท่านอายุมากแล้ว แต่เวลาเขียนพู่กันจีนมือจะไม่สั่นเลย ลายมือสวยเด็ดขาด เสียดายที่ท่านเสียชีิวิตไปแล้ว แรก ๆ มีเพื่อนเรียนเต็มห้อง พอเรียนไป ๆ ก็หายไปทีละคนสองคน จนเหลือเรากับเพื่อนอีกสองสามคนที่เรียนติดต่อกันเป็นปีๆ เราเสียเปรียบเพื่อนตรงที่ฟังเหล่าซือไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะท่านพูดภาษาไทยไม่คล่อง แต่ไม่เป็นปัญหา ดูวิธีเขียนของเหล่าซือแล้วเขียนตาม เขียนแล้วเหล่าซือชมว่าเขียนสวย เลยมีกำลังใจ ฝึกเขียนเป็นบ้าเป็นหลัง บล็อกพู่กันจีนช่วงแรกๆ ก็เอาอักษรจีนที่ฝึกเขียนนั่นแหละมาอัพ แล้วหาเรื่องที่เราสนใจมาผสมผเสเขียนบล็อกออกมา
ทำบล็อกพู่กันจีนแล้วมีประสบการณ์ดีๆหลายอย่าง ได้เรียนรู้จากเพื่อนบล็อกที่เก่งเรื่องจีน เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น ได้รู้จักเพื่อนบล็อกคอเดียวกัน อย่างคุณก๋าที่วาดภาพพู่กันเดียวได้งดงาม เขียนบทกวีได้เพราะและมีข้อคิด เม้าท์กันถูกคอแถมได้ของฝากถูกใจมาก และอีกท่านนึงคือครูดิ่ง (Dingtech) ได้ความรู้เรื่องจีน ๆ ในแง่มุมที่ลึกและกว้างจากบล็อคท่านเยอะ แล้วยังให้คำปรึกษาเรื่องแปลภาษาจีนประจำ ขอขอบคุณทั้งสองท่านมาก ๆ ค่ะ
ตอนที่เรียนเขียนพู่กันจีน เราฝึกเขียนอักษรแบบหวัด พอเพื่อนเห็นแล้วชอบ เลยขอไปลงนสพ.จีน
Blog :: อุปกรณ์การเขียน ๒
อีกหนนึง โรงแรมริเวอร์ซิตี้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับเมืองจีน เหล่าซือให้เขียนอักษรจีนไปแสดงในงานด้วยถือเป็นการโชว์ผลงานพู่กันจีนครั้งแรก
Blog ::ตัวหนังสือออกงาน
หลังเลิกเรียนพู่กันจีนสองสามปี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนจัดงานโรงเรียน แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประเทศจีน เหล่าซือให้เราไปนั่งเขียนอักษรจีนในงาน ได้ตุ๊กตาใส่ชุดนักเรียนก.ท.มาเป็นที่ระลึกตัวนึงด้วย ยังเก็บไว้อย่างดีเลยค่ะ
ประสบการณ์ที่ประทับใจที่สุดก็คือ ได้เรียนภาษาจีนฟรีอยู่หลายปี อันนี้ต้องยกความดีให้ท่านศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันOCA ที่เราไปเรียนพู่กันจีน ท่านถูกใจลายมือเรา เลยถามว่ารู้ภาษาจีนหรือเปล่า ตอบท่านไปว่า เคยเรียนมาแต่ลืมไปหมดแล้ว ท่านบอกว่าเขียนหนังสือได้สวย น่าจะรู้ภาษาจีนดีด้วย ถามต่อว่าทำไมไม่เรียนต่อ เราบอกว่าไม่มีเวลา ครั้งต่อ ๆ มาท่านถามอยู่หลายหน สุดท้ายเลยบอกให้เรียนฟรีซะเลยผู้ใหญ่ท่านกรุณาขนาดนี้ เราก็เลยไม่กล้าปฎิเสธ พยายามหาเวลาเรียนจนได้ เรียนอยู่สีี่ห้าปี ตอนนั้นค่าเรียนเทอมละเกือบสองพัน ปีนึงเรียนสาม-สี่เทอม คิดดูละกันว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เรื่องเงินไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญกว่าคือ น้ำใจและความหวังดีของท่านที่อยากให้เรารู้ภาษาจีนนี่แหละ ขอกราบขอบพระคุณท่านอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เส้นสายพู่กันจีน
อีกบล็อกที่อยากพูดถึงคือ บล็อกวาดไผ่ เราชอบภาพไผ่มากแต่วาดไม่เป็น ตอนแรกก็คิดว่าจะวาดง่ายเพราะการตวัดพู่กันคล้าย ๆ กับการเขียนอักษร แต่วาดแล้วไม่เวิร์ค ขนาดอ่านวิธีแล้วก็ยังวาดไม่ได้อยู่ดี บล็อกนี้ลอกข้อมูลมาจากหนังสือทั้งเล่มเลย ชื่อหนังสือ "เส้นสายพู่กันจีน" ซื้อเก็บไว้นานแล้ว ในเล่มบอกวิธีวาดไผ่อย่างละเอียด ตั้งแต่อุปกรณ์การวาด เทคนิคการใช้พู่กันจีน การวาดกิ่งไผ่ ข้อไผ่ ใบไผ่ ไปถึงลำต้น ภาพประกอบสวยงาม อัพบล็อกนี้แล้วเพื่อน ๆ ชอบกันมาก จขบ.เองก็ดีใจมาก
บล็อกบทกวีหลานถิงสวี่ คนที่ชอบเขียนพู่กันจีนก็ต้องรู้จักและรักบทกวีนี้ ประพันธ์โดย "หวางซีจือ"ลิปิกร (นักเขียนพู่กันจีน) ที่มีชื่อที่สุดในสมัยราชวงศ์จิ๋น ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในสี่ลิปิกรที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศจีน เคยดูสารคดีเกี่ยวกับบทกวีนี้แล้วประทับใจมาก พอเรียนเขียนพู่กันจีนแล้วเจอลายมือต้นฉบับ เลยเอามาฝึกเขียนบ่อยๆ เวลาอยากให้ของขวัญพิเศษกับใครก็มักจะเขียนบทกวีนี้ให้ค่ะ
บทกวีหลานถิงซวี่ ๑
บทกวีหลานถิงซวี่ ๒
บล็อกตุ้ยเหลียน ปกติจะถนัดเขียนอักษรบรรจง แต่เราชอบอักษรตัวหวัดมากกว่า ตุ้ยเหลียนจะเป็นอักษรตัวหวัดซะส่วนใหญ่แล้วข้อความจะไม่ยาวมาก เลยชอบเขียน อัพบล็อกตุ้ยเหลียนอยู่สามหน หนแรกพูดถึงความหมาย บล็อกที่สองแปะลายมือที่เขียนตุ้ยเหลียนอย่างเดียว หนนี้ประทับใจเพื่อนบล็อกใจดีอย่างครูดิ่งมาก ๆ เราทิ้งภาษาจีนมานานเป็นชาติ ได้แต่เขียน จำคำแปลได้เป็นบางตัว พอบอกว่าไม่รู้ความหมายของอักษรที่เขียน ครูดิ่งก็ช่วยแปลมาให้อย่างไพเราะเพราะพริ้งเลย บล็อกที่สามเขียนถึงหนังเรื่องม่านประเพณี แล้วแปะตุ้ยเหลียน ครูดิ่งก็แปลให้อีก ทั้งที่ช่วงนั้นท่านงานยุ่งมาก ต้องขอบคุณครูดิ่งไว้ตรงนี้อีกครั้งค่ะ
ตุ้ยเหลียน ๑
กะเรียนขาวเหิรหาวไปหมื่นลี้
ผลท้อแดงอายุยืนถึงพันปี
(คำอวยพรวันเกิด)
ตุ้ยเหลียน ๒
หน้าประตูดอกไม้บานติดก้านดอก
ใกล้ประตูต้นไม้งอกชิดเหง้าโคน
(แสดงถึงความแนบชิดสนิทสนม)
ตุ้ยเหลียน ๓
บล็อก Homework ตอนที่เรียนภาษาจีน ขยันทำการบ้านมาก ที่ภูมิใจคือตอนที่ทำการบ้านแปลบทความ เหล่าซือ่านแล้วชอบใจสำนวนแปล เลยขอไปไว้ให้นักเรียนรุ่นน้องอ่านกัน
Homework1
Homework2
Q : การนำบทกวีจีนมาเรียบเรียงลงบล็อกล่ะคะ
กลับสู่นาสวน
บล็อกนี้ถือเป็นบล็อกที่ชอบที่สุดบล็อกนึงค่ะ อัพหนังสือ "หยกใสร่ายคำ" ทั้งเล่ม (อีกแล้ว) เป็นพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ชื่อหนังสือเพราะมาก พอพลิกดูเนื้อหาไม่กี่หน้าก็ซื้อมาเลย ในเล่มรวบรวมบทกวีของจีนที่มีชื่อเสียงทั้งหมด ๓๔ บท พระองค์ท่านไม่ได้แค่ทรงแปลบทกวีได้อย่างไพเราะ ละเมียดละไมเท่านั้น แต่ทรงอธิบายความในเชิงลึกและละเอียดด้วย บทกวีในเล่มเป็นตัวอักษรแบบบรรจง เลยได้ความคิด ไม่ใช้วิธีสแกนหนังสือ แต่เขียนด้วยพู่กันจีนแทนเสียดายก็แต่ภาพในหนังสือไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ไปหารูปจากเวบแทน เป็นเวบจีนซะส่วนใหญ่ อ่านคำบรรยายไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยใช้เวลาหารูปค่อนข้างเยอะหน่อย
Q :อยากให้คุณณันเล่าถึงการเขียนไฮกุน่ะค่ะ เริ่มต้นมาอย่างไร...
my haiku
รู้จักบทกวีไฮกุครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ลงวิชาเลือก Creative Writing ได้เรียนเขียนอังกฤษหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือบทกวีไฮกุ พอเขียนครั้งแรกก็ชอบมาก ๆ เขียนตามที่รู้สึกโดยไม่ต้องห่วงเรื่องฉันทลักษณ์ อัันนี้ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ชอบเรื่องฉันทลักษณ์นะคะ ชอบมากแต่แต่งไม่เก่งไง พอมาเจอบทกวีไฮกุเข้าก็เข้าทางเลย
ไฮกุเป็นบทกวีที่บรรยายความรู้สึกสด ๆ ต่อส่ิงที่ได้เห็นหรือนึกคิด ไม่เน้นเรื่องฉันทลักษณ์หรือคำสัมผัส และควรมีคำที่บอกฤดูกาล (Seasonal words) ในแต่ละบทด้วย หลักการเขียนไม่มีอะไรยากค่ะ บทนึงมีสามวรรค วรรคแรกห้าพยางค์ วรรคสองเจ็ดพยางค์ และวรรคสุดท้ายห้าพยางค์ แต่บางทีก็ยืดหยุ่น อาจขาดหรือเกินกว่าที่กำหนดก็ได้ เสน่ห์ของบทกวีไฮกุนอกจากจะอยู่ตรงที่ความเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งแล้ว ยังมีอารมณ์วาบิ ซาบิ คือ เหงา โดดเดี่ยว โหยหาอดีต และสงบนิ่ง ซึ่งถูกกับจริตตัวเองมาก จากนั้นก็เขียนมาเรื่อย ไฮกุของเราจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษตลอด ที่จริงไม่ใช่คนเก่งภาษาอังกฤษ แต่ครูเป็นคนฟิลิปปินส์ สอนด้วยภาษาอังกฤษ เลยติดเขียนเป็นภาษาอังกฤษมาเรื่อย
แรงบันดาลใจก็ได้มาจากหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะมาจากธรรมชาติ อย่างพระอาทิตย์ขึ้น - ตก ฝนตกสายลม แสงแดด อะไรทำนองนี้แหละค่ะ ที่เขียนถึงบ่อยหน่อยก็เป็นพระจันทร์ จะเต็มดวงหรือเว้าแหว่งเห็นทีไรก็นึกอยากเขียนไฮกุทุกทีค่ะ ได้แรงบันดาลใจเวลาอ่านผลงานไฮกุของคนอื่นหรือครูกวีไฮกุก็บ่อยเหมือนกัน หรือไม่ก็ เวลาเจอคำหรือประโยคไทยหรือภาษาอังกฤษที่เพราะ ๆ ก็เอามาเขียนไฮกุได้อย่างตอนที่เข้าบล๊อค ลมร้อน ของคุณก๋า เจอชื่อ "ดอกลมแล้ง" แล้วชอบมาก แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วเพราะดี ทั้งที่ไม่ใช่คำแปลจริง ๆ ก็โมเมแต่งไฮกุออกมาได้ (myhaiku7)
Summer wind flowers
Even in blazing sunlight
Softest are their smiles.
ดอกลมแล้ง
แม้ในแดดแผดกล้า
รอยยิ้มของเจ้าก็แสนจะอ่อนโยน
ที่ภูมิใจมาก ๆ คือตอนที่เขียนไฮกุส่งประกวดบริษัทชา Itoen ที่ญี่ปุ่นแล้วได้รางวัลสองหน ถึงจะไม่ใช่รางวัลอันดับต้น ๆ และรางวัลก็ไม่ได้มากมายก็ตาม ครั้งแรกได้รางวัลเป็นชากล่องนึง แพคเกจงามขนาด และหนังสือที่พิมพ์ผลงานของคนที่ได้รางวัลเล่มนึง ยังจำความรู้สึกตอนที่รับพัสดุได้ว่าดีใจแค่ไหน หนสอง ได้แต่หนังสือ ทุกครั้งเปิดหนังสือเห็นไฮกุและชื่อของตัวเองก็จะเป็นปลื้มทุกที ตอนแรกก็นึกว่า Itoen เป็นบริษัทชาธรรมดา คุณรุ้ง (arcoiris) เพื่อนบล็อกอยู่ที่ญี่ปุ่นเข้ามาบอกว่า เป็นบริษัทชาใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยยิ่งภูมิใจใหญ่ (แถกจากคุณรุ้ง)
สองบทที่เขียนส่งประกวดค่ะ
บล็อคไฮกุจะอัพแยกเป็นสามส่วนคือ บล็อกครูกวีไฮกุ ไฮกุที่แปลมา และไฮกุที่เราแต่งเอง บล็อกที่ชอบที่สุดคือบล็อกไฮกุและบาโชเป็นบทความของครูแสงอรุณ รัตกสิกร ครูแสงเข้าใจบทกวีไฮกุอย่างลึกซึ้ง อธิบายความได้กระจ่าง และแยกแยะเป็นประเด็นให้เข้าใจง่าย พูดได้ว่าครูแสงเขียนถึงไฮกุและท่านบาโชได้ดีที่สุดคนหนึ่งเลยค่ะ บล็อคนี้ใช้เวลาเยอะ เพราะบทความยาวมาก แล้วภาพประกอบในเล่มก็มีอยู่แค่สองสามรูป ต้องเข้าเวบโน้น ออกเวบนี้กว่าจะหารูปได้จนครบ
Q : สำหรับคนที่สนใจกลอนไฮกุควรศึกษางานของใครเป็นต้นแบบคะ และอะไรเป็นจุดเด่นของกวีท่านนั้น
A : ถ้าเริ่มสนใจบทกวีไฮกุ แนะนำให้ศึกษางานของท่านบาโชค่ะ ท่านเป็นสุดยอดนักกวีไฮกุ เรารู้จักไฮกุบทแรกก็คืองานของท่านบาโชนี่แหละ งานของท่านเรียบง่ายแต่ลึกซึ้งและเฉียบคมมาก
นอกจากงานของท่านบาโชแล้ว ก็ยังอ่านงานของนักกวีไฮกุท่านอื่นด้วย อย่าง Yosa Buson , Issa Kobayashi, Natsume Soseki รวมไปถึงงานของกวีไฮกุฝรั่งด้วย แต่อย่าถามเชียวว่างานของแต่ละท่านต่างกันยังไง แค่อ่านให้รู้ความก็เก่งแล้ว แฮะ แฮะ
บล็อกไฮกุของ Natsume Sōseki
หนังสือชื่อ "Zen Haiku" ซื้อหนังสือเล่่มนี้ไว้นานแล้ว ตอนที่หยิบมาแปลก็ยังไม่รู้จักท่านเท่าไหร่ พอมาค้นประวัติถึงได้รู้ว่าเป็นนักเขียนชั้นนำของเมืองปลาดิบ เป็นบุคคลสำคัญของประเทศ ถึงขนาดรัฐบาลพิมพ์รูปของท่านบนธนบัตรพันเยนด้วย ผลงานที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีคือ โคโคโระ ในเล่มนอกจากจะมีบทกวีไฮกุแล้ว ยังมีลายมือพู่กันจีนอันงดงามของท่านที่เขียนกลอนทั้งสี่ฤดูของท่านด้วย
No rain, it seems
Yet the flowers
Are cloaked in dew.
ดูเหมือนฝนจะไม่ตก
แต่กระนั้นดอกไม้
ก็ยังพราวไปด้วยนำ้ค้าง
บล็อกไฮกุของท่านบาโชจากหนังสือ "On Love and Barley - Haiku of Basho" เป็นผลงานของท่านบาโชที่ไม่ค่อยจะได้เคยอ่าน แต่ละบทเพราะพริ้งได้ใจ ในเล่มมีไฮกุอยู่สองร้อยห้าสิบสามบท อยากแปลทั้งเล่มเลย แต่ไม่มีเวลา เลยเลือกแปลแค่สามสิบบท
ไฮกุของท่านบาโช
Moonlit plum tree -
Wait.
Spring will come.
ต้นพลัมในแสงจันทร์นวล -
คอยก่อน
จวนถึงฤดูใบไม่ผลิแล้ว
Woman Poets of Japan
บทนี้เป็นไฮกุของผู้หญิงจากหนังสือ "Woman Poets of Japan"
ON THE DEATH OF THE
EMPEROR TEMMU
Over North Mountain
dark clouds rise.
the stars go,
then the moon goes.
(EMPRESS JITO)
(645 - 702)
รำลึกถึงการสิ้นพระชนม์์ของ
องค์พระจักรพรรดิ์เทมมุ
เหนือภูเขาทางเหนือ
เมฆครึ้มจัด
ดวงดาวเลือนหาย
แล้วพระจันทร์ก็ลาฟ้า
(ร้อยกรองโดย พระจักรพรรดินี JITO)
(ค.ศ. 645 - 702)
บล็อกไฮกุที่ผู้หญิงเขียน มีความไพเราะไม่แพ้งานของผู้ชายเลย เคยอัพบล็อกแปลไฮกุที่ผู้หญิงแต่งไว้จากหนังสือ "Woman Poets of Japan" ผู้แปลมีสองคนคือ Kenneth Rexroth และ Ikuko Atsumi ในเล่มรวบรวมผลงานไฮกุและ tanka ของผู้หญิงหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่องค์จักรพรรดินีลงมาจนถึงสามัญชน
ตอนที่เจอหนังสือเล่มนี้ พอเห็นชื่อ Kenneth Rexroth ก็ซื้อทันทีเลย เป็นฝรั่งที่เขียนไฮกุเก่งมาก มีผลงานแปลบทกวีจีนและญี่ปุ่นหลายเล่ม ไฮกุของกวีฝรั่งบทแรกที่ได้อ่านก็เป็นงานของท่านนี้แหละ บทนี้ค่ะ ชอบมาก ๆ โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้าย ASAGUMORI
On the forest path
The leaves fall.In the withered
Grass the crickets sing
Their last songs.Through dew and dusk
I walk the paths you once walked,
My sleeves wet with memory.
ใบไม้หล่นร่วง
ลงสู่ทางเดินในไพรป่า จิ้งหรีดเริงร้อง
บทเพลงสุดท้าย
ท่ามกลางต้นหญ้าที่เหี่ยวแห้ง ผ่านน้ำค้างและยามค่ำ
ฉันก้าวเดินไปบนเส้นทางซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยเหยียบย่าง
แขนเสื้อของฉันเปียกชุ่มด้วยความทรงจำ
บล็อกไฮกุที่ฝรั่งเขียน
เราแปลไฮกุของทั้งไฮกุของญี่ปุ่นและฝรั่งสลับกับไฮกุที่เราแต่งเอง บล็อกนี้แปลผลงานของฝรั่งหลายคน และงานของ Richard Wright จากหนังสือ "Haiku This Other World" ฝรั่งคนนี้ก็เขียนไฮกุได้เพราะมากเหมือนกัน ชอบบทนี้ที่สุดค่ะ
Lifting the lantern
The Scent of plums on the trees
Became more fragrance.
เพียงยกตะเกียงขึ้น
กลิ่นของพลัมบนต้น
ก็ยิ่งทวีความหอมขึ้น
ใช้ชื่อล็อกอินว่าไฮกุ แถมเล่นบล็อกมาหลายปี แต่อัพไฮกุที่ตัวเองเขียนแค่เก้าบล็อกเอง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขออนุญาตเลือกไฮกุที่แต่งแล้วชอบที่สุดมาให้อ่านบล็อกละสองบท บางบทมาอ่านอีกทีก็งงเหมือนกันว่าเขียนได้ยังไง
แต่งไฮกุเก็บใส่สมุดไว้ ลองอ่านดูนะคะว่าชอบไหม
Mournful loving eyes
Nostalgic reminiscence
Fainted milky way.
ดวงตาอันเป็นที่รักเศร้าสร้อย
อบอวลในรำลึกไม่จางใจ
ทางช้างเผือกทอดตัวเลือนลาง
Such profound stillness
Even despair remains quiet
Soothing grievous soul.
ในความสงัดเช่นนี้
แม้ความเศร้ายังสงบคำ
ปลอบประโลมดวงวิญญาณเศร้าสร้อย
my haiku2
Chrysanthimum
Humbly blooming
Breathtaking beauty.
ดอกเบญจมาศ
เบ่งบานอย่างถ่อมตน
งดงามเหลือใจ
That old picture
In the frame of dream
Lies the eternal memory.
ภาพเก่า
ในกรอบแห่งความฝัน
เปี่ยมความทรงจำอันเป็นนิรันดร์
my haiku3
Fragrance of fullmoon
Soothing my soul
Last snow of the year.
กลิ่นหอมของจันทร์เพ็ญ
ปลอบประโลมจิตวิญญาณของฉัน
หิมะสุดท้ายของปี
Bright star
Loaded wishes fully packed
On her back.
ดวงดาวสุกใส
แบกความปราถนาของผู้คน
เต็มหลัง
my haiku4
Winter faded star
Recites her dying wish
Silent than silence.
ดาวอ่อนแสงหน้าหนาว
เอ่ยพร่ำความปรารถนาสุดท้าย
เงียบกว่าความเงียบ
Is the hazy moon up high
Embraced by the clouds
Or tears in my eyes?
จันทร์ลอยสูงลิบ
ดูมัวหม่นด้วยหมู่เมฆ
หรือน้ำในตาฉันกันหนอ?
my haiku5
Deep in the wood
Yester moon lies so fair
First snow of the year.
ในป่าลึก
พระจันทร์ของวันวานงามเหลือเกิน
หิมะแรกของปีโปรยปราย
The clouds and the moon
Their colours come out
As the rain pouring down.
เมฆและดวงจันทร์
ตกสีใส่กัน
เมื่อน้ำจากฟ้าพรั่งพรู
my haiku6
Buddha in candlelight
Soft shadow flickering
Winter drizzle.
แสงเทียนอาบพระพุทธรูป
เงานุ่มนวลดูวอมแวม
ฝนพรำหน้าหนาว
Haiku
Silently listens to
The sound of my reading.
บทกวีไฮกุ
เงี่ยหูฟังการอ่านของฉัน
อย่างเงียบๆ
my haiku7
A breath of memory
Softer than
Crystal morning dew.
ลมหายใจแห่งความทรงจำ
อ่อนโยนยิ่งกว่า
หยาดน้ำค้างยามเช้า
Glimmer of twilight
Faint tinges of wind chimes
Off in the distance.
แสงสลัวของยามโพล้เพล้
เสียงกระดิ่งลมดังแว่วมา
จากที่อันไกลโพ้น
my haiku8
Like falling snow
Sprinkles of tiny petals
Gently touch the ground.
ราวหิมะโปรยละออง
กลีบดอกไม้เล็ก ๆ ปลิดปลิว
ตกต้องผืนดินอย่างนุ่มนวล
Heart to heart talk
Between me and the silence
All through the night.
คุยกันด้วยใจ
ระหว่างฉันและความเงียบ
ตลอดคืน
my haiku9
Twilight deepening
Summer wind hides her sadness
In the echo of wind chimes.
โพล้เพล้ลงทุกที
สายลมร้อนซ่อนความเศร้าสร้อย
ในเสียงสะท้อนของกระดิ่งลม
Crystal morning dews
Scents the sadness of silence
Within a wisp of time.
หยาดน้ำค้างยามเช้า
อบรำ่ความเศร้าของความเงียบ
ให้หอมหวนเพียงชั่วครู่
Q : ย้อนมาถึงเรื่องการทำบล็อกอีกสักหน่อยนะคะ มีหลายคนที่อยากทำบล็อก แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร คุณณัน มีข้อแนะนำยังไงบ้างคะ
A : ถ้าอยากทำบล็อกก็ลงมือเลยค่ะ ขนาดคนสุดโลว์เทคอย่างเรายังทำได้ เพื่อนๆ ก็ต้องทำได้แน่แนะนำให้ไปหาป้ามดหรือคุณรำเพย ไม่ก็ถามเพื่อนบล็อกที่เก่ง ๆ ก็ได้ มีคนใจดีและไม่หวงวิชาอยู่เยอะแล้วอย่างที่บอก ระบบของบล็อกแกงค์ใช้งานง่าย ฝึกไม่นานก็เขียนบล็อกได้คล่องค่ะ
Q : เคยเบื่อและอยากเลิกทำบล็อกบ้างไหมคะ
A : เล่นบล็อกมาหลายปี เรื่องเบื่อก็มีอยู่เหมือนกันค่ะ ตอนช่วงแรกๆ เขียนบล็อคแล้วไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่าน แบบว่ายังไม่รู้ธรรมเนียมการเล่นบล็อก พอดีหลานพจ ( Million Stars) มาแนะนำว่า "ให้เม้นท์แก่ท่าน เม้นท์นั้นถึงตัว" ก็เลยทำตาม แล้วก็ได้ผล มีคนเข้ามาเม้นท์และเม้าธ์กันสนุกสนาน จนเดี๋ยวนี้Friend Links ยาวเป็นหางว่าวเลย
มีบางทีที่อยากหยุดเล่นบล็อกเพราะเวลาไม่อำนวย บล็อกเกอร์ที่ดีควรจะหมั่นอัพบล็อก และไปเยี่ยมเยี่ยนเพื่อนบล็อกให้สม่ำเสมอ (เหมือนบล็อกเกอร์ไฟแรงอย่างคุณก๋า) พอไม่ว่างก็ต้องบอกลากิจบางทีลานานก็ยังมีเพื่อน ๆ แวะเวียนมาเยี่ยมและส่งกำลังใจให้ตลอด สุดท้าย ก็เลยติดบล็อกหนับ ไปไหนไม่รอดจนเดี๋ยวนี้แหละค่ะ
แล้วสิ่งที่ทำให้หายเบื่อและเป็นกำลังใจในการเล่นบล็อกมาก ๆ คือ ได้ทั้งสายสะพายและตำแหน่งกูรูซึ่งเป็นเรื่องที่เกินคาดสำหรับตัวเอง รู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ต้องขอบคุณเพื่อนบล็อกและบล็อกแก๊งค์มากๆ ที่เห็นค่าบล็อกของเราค่ะ
Q : ในหนึ่งเดือนอัพประมาณกี่บล็อกคะ แล้วเหนื่อยไหมคะกับการหาข้อมูลมาทำบล็อก
A : เราเป็นบล็อกเกอร์ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ อัพบล็อกไม่สม่ำเสมอ อยากจะอัพบล็อกบ่อยอยู่เหมือนกันแต่จนปัญญา เพราะเป็นคนเขียนบล็อกช้า แต่ยังดีกว่าเมื่อก่อน บางทีอัพแค่เดือนละครั้งเดี๋ยวนี้พยายามอัพให้ถี่ขึ้น ประมาณสาม-สี่บล็อกต่อเดือน ซึ่งก็น้อยกว่ามาตรฐานอยู่ดี แต่คิดว่าเหมาะกับตัวเองแล้ว เพราะแต่ละบล็อกใช้เวลาเขียนค่อนข้างมาก พออัพเสร็จก็ต้องตระเวนเยี่ยมเพื่อนๆ กว่าจะครบคน บางทีใช้เวลาสองสามวันก็มี
ส่วนเรื่องหาข้อมูลไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ เนื้อหาในบล็อกเป็นเรื่องที่ชอบทั้งนั้น เดี๋ยวนี้มีเวบให้ค้นข้อมูลได้สบาย แค่คลิกเดียว ข้อมูลก็ไหลมาเทมา รู้สึกสนุกที่ได้ค้นข้อมูลในสิ่งที่เราชอบ จะเหนื่อยก็ตอนเขียนบล็อกมากกว่าค่ะ
Q : นอกจากบล็อกแก๊งค์แล้ว สนใจเว็บใดเป็นพิเศษอีกบ้างไหม เช่น facebook หรือ บล็อกอื่นๆ
A : เวบที่เข้าประจำมีอยู่ไม่กี่เวบ ที่เข้าบ่อยที่สุดคือพันทิป หน้าเฉลิมไทย เพราะชอบดูหนังกับละครแล้วก็มีเวบ Seungheonthailand.com เข้าเวบนี้เพราะเป็นแฟนคลับพี่ชาย อีกเวบนึงที่เข้าไปอ่านบ่อยคือ เวบข้าวโพด มีบอร์ดที่คุยถึงเรื่องหลากหลาย โดยเฉพาะเกี่ยวกับเอเชียนซีรีส์
เคยสมัครเฟซบุคเหมือนกัน แต่เล่นอยู่พักเดียวแล้วก็ทิ้งไปเลย ชอบเล่นบล็อกมากกว่า รู้สึกว่าเป็นสังคมออนไลน์ที่มีระยะห่างในการสื่อสารที่พอเหมาะพอดี
Q : คุณณัน อยากให้คนจดจำในฐานะบล็อกเกอร์ที่มีความโดดเด่นด้านไหนคะ
A: ที่จริงเราเป็นพวกเป็ดน่ะ ทำเป็นหลายอย่าง แต่ไม่เก่งสักกะอย่าง เลยทั้งไม่โดดแล้วก็ไม่เด่น แถมเรื่องที่อัพก็ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ ถึงจะได้สายสะพายด้านศิลปะ แต่จะบอกว่าเป็นบล็อกเกอร์ที่โดดเด่นเรื่องศิลปะก็เขิน ๆ เพราะไม่ได้มีความรู้เท่าไหร่ เอาเป็นว่า ถ้าคนพูดถึงบล็อกเกอร์ชื่อไฮกุ ก็ให้นึกถึงคนที่ชอบบทกวีไฮกุและศิลปะแล้วพอแล้วค่ะ
Q : ถ้าต้องเปลี่ยนชื่อบล็อกใหม่ คุณนันจะใช้ล็อกอินว่าอะไรดีคะ
A : ยังไม่เคยคิดจะเปลี่ยนสักที เพราะชอบชื่อนี้มากและไม่ซ้ำใครดี แต่ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนก็อยากได้ชื่อไทยๆชอบชื่อ จันทร์หอม ไม่แน่ใจว่าเป็นชื่อต้นไม้หรือดอกไม้ อีกอย่าง เราชอบพระจันทร์ด้วย เขียนไฮกุเกี่ยวกับพระจันทร์ไว้เยอะ เคยเขียนไฮกุบรรยายความรู้สึกเวลามองพระจันทร์เต็มดวงตอนฟ้าเปิดพระจันทร์สวยสุด ๆ รู้สึกเหมือนจะส่งกลิ่นหอมรวยรินลงมา ตรงกับชื่อจันทร์หอมเลย
Q :โดยภาพรวม เนื้อเรื่องใน groub blog หากจะให้เรียง 3 หัวข้อที่ชื่นชอบเองเป็นพิเศษ มีเนื้อเรื่องด้านไหนบ้างคะ และที่สังเกตเองจากเพื่อนๆ ใน bloggang ชื่นชอบ groub blog ไหนเป็นพิเศษ
A: ถ้าถามความชอบของตัวเอง ก็คงเป็น เรื่องเกี่ยวไฮกุ รองลงมาคือศิลปะ และสุดท้าย ขอรวมสามเรื่องเลย เพราะชอบเท่า ๆ กัน คือหนัง ละคร และเพลง
สำหรับเพื่อน ๆ ที่แวะมา ก็ต้องแยกเป็นเพื่อนบล็อกหน้าใหม่กับเก่าค่ะ อย่างเพื่อน ๆ ที่เล่นบล็อกด้วยกันมานาน เราจะอัพเรื่องอะไรก็จะแวะมาเม้าท์กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา (น่ารักที่ซู้ดดดด ) ส่วนใหญ่เท่าที่ดูแล้ว คิดว่า group blog แรกน่าจะชอบศิลปะ รองลงมาคือไฮกุ และสุดท้ายคือ หนังและละคร
ถ้าเป็นเพื่อนบล็อกขาจร อันดับแรกคงเป็น หนังกับละคร รองลงมาคือศิลปะ และที่สามคือ ไฮกุ
แต่ถ้าไปถามเพื่อน ๆ อาจได้คำตอบที่ต่างกันก็ได้ค่ะ อ่านคำถามของคุณเบิร์ดแล้ว นึกอยากรู้เหมือนกันนะว่า เพื่อน ๆ ชอบบล็อกกลุ่มไหนมากที่สุด
Q : สุดท้ายนี้ คุณณันอยากจะฝากอะไรถึงเพื่อนบล็อกบ้างคะ
A : การเล่นบล็อกเป็นสิ่งที่มีเสน่ห์นะคะ ทำให้ใครสักคนเป็นที่รู้จัก หลายคนมีชื่อเสียงก็เพราะการเล่นบล็อก หนึ่งในเหตุผลที่เหมือนกันคือ คนเหล่านั้นไม่ได้เขียนบล็อกแบบเล่น ๆ หรือขอไปที สำหรับเรา ถือได้ว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่กว้างไกล ได้รู้จักคนหลากหลาย ได้รับสิ่งที่ดี ๆ มากมาย หลายอย่างเป็นสิ่งที่เกินคาด (อย่างที่คุณดีมาสัมภาษณ์นี่ก็ใช่ด้วยค่ะ) เพราะงั้น เราถึงพยายามเขียนบล็อกให้ดีเป็นการตอบแทน
เรื่องที่อยากจะฝากอย่างจริง ๆ จัง ๆ คืออยากให้ใช้ภาษาไทยกันอย่างถูกต้อง ทั้งการพูด การเขียน ไม่แค่บล็อกเกอร์เท่านั้น แต่ฝากถึงคนไทยทุกคนเลยค่ะ การที่เรามีภาษาเป็นของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากนะคะ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์ ทั้งภาษาและตัวเลข เห็นคนต่างชาติที่รักภาษาไทย ศึกษาอย่างจริงจัง ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องแล้วสะท้อนใจ ยิ่งเด็กยุคใหม่สวนใหญ่จะให้ความสำคัญกับภาษาไทยน้อยลง เหมือนกับว่าใกล้เกลือกินด่าง มีของดีกับตัวแล้วไม่เห็นค่า อยากให้ช่วยกันระมัดระวังเรื่องนี้ค่ะ
อ้อ ขออนุญาตฝากถึงเป็นการเฉพาะคือ เพื่อนบล็อกรุ่นเก่า ๆ ที่เลิกเล่นบล็อกไปแล้ว หลายท่านแค่ลากิจเพราะเบื่อบล็อก แต่ละท่านเป็นบล็อกเกอร์ที่น่ารักและเขียนบล็อกได้มีคุณภาพมาก อย่างหลานพจ (Million Stars) ตุ้ง (กวางตุ้งหวาน) คุณหญิง (จันทร์สวย) คุณนอร์ช (Noshka) คุณรุ้ง(arcoiris) และอีกหลาย ๆ ท่าน คิดถึงมาก ๆ อยากให้กลับมาเล่นบล็อกเป็นเพื่อนกันอีกค่ะ
กลับไปดูบล็อกที่เขียนมาทั้งหมดแล้ว นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เขียนอะไรออกมาได้เยอะขนาดนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณเพื่อนบล็อกขาประจำและขาจรทุกท่านที่แวะมาพูดคุยทักทายกัน ถึงจะเขียนบล็อกยาวได้ใจบ่อย ๆ แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่บ่น (เอ หรือว่าบ่นในใจก็ไม่รู้ อิ อิ) แถมเม้าท์กันสนุกสนาน สนิทสนม ถือเป็นกำลังใจอย่างดีในการอัพบล็อกจริง ๆ ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ
จากเรื่องราวทั้งหมด .. ถ้าถามดี.ตอนนี้ว่า ..
ยังมีเรื่องราวอะไรอีกไหมที่อยากรู้ ..
บอกได้เลยค่ะว่ามีอีกมาก .. แต่ไม่ชวนคุณณันคุยแล้ว
เดี๋ยวไว้ตามไปอ่านที่บล็อก ..Haiku
เพราะที่บล็อก .. ยังมีอะไรให้ติดตามอีกมากมายค่ะ
พี่ๆ เพื่อนๆ ไปพร้อมกับดี.ได้เลยค่ะ คุณณันน่ารัก รอต้อนรับทุกท่านเสมอล่ะค่ะ :)