happy memories
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
Homework2



ท่องเที่ยวชมเขาง๊อไบ๊


ผู้ที่เที่ยวนมัสการปูชนียสถานต่างๆจำนวนมากมายต่างย่างเท้าก้าวมา ณ ที่แห่งนี้เพื่อแสวงหาความตื่นตัว พวกเราก็หวังว่าจะเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเมื่อไปถึงเขาลูกนี้ วันหนึ่งที่มืดครึ้มของเดือนธันวาคม หมอกและฝนปกคลุมทั่วเขาง๊อไบ๊ แต่ก็มิอาจบดบังเสน่ห์อันงดงามได้ รถมินิบัสที่เราโดยสารเก่าคร่ำคร่า ชิ้นส่วนของรถราวจะแยกออกจากกัน ยิ่งเข้าใกล้เขาอันศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้ ก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงดึงดูดของความปาฏิหารย์ของมัน รถแล่นอย่างเร็วผ่านป่าไม้เชิงเขาและผืนนาอันอุดมสมบูรณ์ จิตใจอันแน่วแน่ของพวกเราก็ยิ่งเพิ่มขึ้น อย่างไรก็จะต้องเดินทางถึงยอดเขาที่สูงถึง ๓,๑oo เมตรให้ได้ พระเจ้าที่สถิตอยู่บนเขากวักมือเรียกเราให้ขึ้นไป พันปีมานี้ มีผู้จาริกแสวงบุญได้ล่วงหน้ามาเที่ยวชมทัศนียภาพของเขาลูกนี้ก่อนพวกเรานานแล้ว









ชื่อและนามสกุลของชาวจีน


นามสกุลของชาวจีนมีมากน้อยเท่าใหร่กันนะ? ในหนังสือ "ร้อยสกุล" ของราชวงศ์ซ่งรวบรวมสกุลที่มีพยางค์เดียวได้ ๔o๘ สกุล สกุลที่มีสองพยางค์มี ๗๖ สกุล พจนานุกรม "สกุลใหญ่" ของชาวจีนฉบับปัจจุบันรวบรวมนามสกุลหลายพยางค์ได้ ๔,๑๒๙ สกุล ในความเป็นจริงสกุลที่ใช้กันอยู่มีผู้รวบรวมสถิติไว้ได้กว่า ๘,ooo สกุลขึ้นไป แต่ที่ใช้กันบ่อยมีประมาณ ๒oo สกุลเท่านั้น ที่ใช้กันบ่อยอยู่ในอัตรามากกว่าครึ่งของประชากรจีนทั้งหมดคือ หลี่, หวาง, หลิว, เจ้า, โจว, อู่, สู, ซุน, หู, จู, เกา, หลิน, เหอ,กัว, หม่า

ชื่อ-สกุลในสมัยโบราณมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ทั่วไปจะมี ๔ แบบคือ ชื่อสกุล, ชื่อจริง, ชื่อที่ตั้งตามตัวอักษรในชื่อและฉายานาม, นามสกุลที่รับสืบทอดจากบิดา ชื่อจริงจะถูกตั้งให้เมื่อแรกเกิด ชื่อที่ตั้งตามตัวอักษรในชื่อจะมีเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นคำเรียกบุคคลอย่างเป็นทางการ และฉายานามสำหรับผู้ที่มีชื่อเสียงและการศึกษาพอสมควร เพื่อแสดงถึงความคิด ความมุ่งมาดปรารถนาและรสนิยมของตนเองในการตั้งชื่อ เช่น นักวรรณกรรมในราชวงศ์ซ่งภาคเหนือ ซูซื่อ มีชื่อรองว่า จื้อจัน และฉายานามว่า ซูตงพอซื่อ

ปัจจุบันนี้ชื่อ-สกุลจะเรียบง่ายกว่ามาก บุคคลธรรมดาก็มีแค่ชื่อ แต่หนึ่งชื่อมีหนึ่งพยางค์หรือสองพยางค์ก็ได้ แต่สามพยางค์ดูจะมีน้อยมาก คนเป็นจำนวนมากเมื่อเด็ก ๆ จะมีชื่อที่ตั้งให้เมื่อวัยเยาว์เรียกชื่อเล่น ครั้นเติบโตแล้วก็จะใช้เรียกกันในครอบครัวหรือผู้ที่สนิทชิดเชื้อเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้การตั้งชื่อเล่นจึงไม่พิถีพิถันเท่าชื่อจริง ที่สำคัญคือเพื่อที่จะแสดงถึงความรักความชอบของเจ้าของชื่อ ชื่อเล่นของผู้คนโดยมากมักจะนำตัวท้ายของชื่อจริงมาเรียกซ้ำกันสองครั้ง แล้วใส่ตัว "เสี่ยว" ไว้ข้างหน้า เช่น ชื่อเฉินหลี่หมิง จะมีชื่อเล่นว่า "เสี่ยวหมิง" หรือ "หมิงหมิง"

ชื่อของชาวจีนมักจะต้องแฝงไว้ด้วยความหมาย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีจีนที่สืบทอดกันมา และลักษณะพิเศษทางด้านจิตใจ ชื่อสกุลของผู้ชายที่เห็นกันมากได้แก่ ฟู่, กุ้ย, โซ่ว, จุ้น, เจี๋ย เป็นต้น มักจะแฝงความหวังที่พ่อแม่มีต่อลูก อนาคตของลูกที่จะทำให้ครอบครัวยิ่งร่ำรวยขึ้น มีฐานะสูงส่งในสังคม สุขภาพแข็งแรงพร้อมด้วยความสามารถและสติปัญญา
การตั้งชื่อของชายและหญิงมีความแตกต่างกัน ผู้ชายจะมีธาตุหยาง ชื่อก็จะแสดงถึงความกล้าหาญ มีความองอาจ มีพลังปราดเปรียว วีรบุรุษและยิ่งใหญ่ สว่างรุ่งโรจน์ มีบารมีน่าเกรงขาม พละกำลัง เช่น หนิว หู่ หลง ซง ไป่ โถง ซาน เฟิง เยี่ย ไห่ เล่ย เป็นต้น
ผู้หญิงมีธาตุหยิน ชื่อก็มักจะมีอักษรแสดงความเย็น แสดงถึงความงดงาม สาวงาม สวยเพริดพริ้ง สุภาพเยือกเย็นสุขุม เป็นต้น นอกจากนี้มักจะบอกความหมายถึงความเป็นสิริมงคล พรรณไม้และสัตว์ที่สวยงาม รวมไปถึงทัศนียภาพของธรรมชาติก็นำมาตั้งชื่อด้วย เช่น เฟิง (นกหงษ์หยก) เอี้ยน (นกนางแอ่น) อิง (นกสาริกา) จวี๋ (เบญจมาศ) หลาน (กล้วยไม้) จือ (ไอริสหรือกล้วยไม้) เยี่ย (ดวงจันทร์) หวิน (เมฆ) เสีย (เมฆทอแสงยามเช้าและเย็น) หง (รุ้ง) เป็นต้น สีก็นำมาตั้งชื่อบ่อยมาก เช่น ไฉ่ (สีสัน) หง(แดง) ชุ่ย (เขียวหยกพม่า) ซู่ (สีขาวบริสุทธิ์) เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นชื่อสำหรับลูกสาว ที่หวังว่าจะมีรูปโฉมงดงาม อ่อนโยน ละมุนละไมและเก่งกล้าสามารถ

หลังสมัยราชวงศ์เฉาสตรีตั้งชื่อโดยใช้เสียงซ้ำกัน ปัจจุบันก็ยังนิยมมาใช้ตั้งชื่อกันอยู่ มีอยู่บ้างที่ตั้งชื่อด้วยเสียงที่ฟังแล้วได้จังหวะไพเราะเพราะพริ้ เช่น ผิงผิง (จอกแหน) ซาซา (ชื่อเมืองในมณฆลซินเกียง) ชื่อพยางค์เดียวนับวันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนประชากรมีราว ๑,๑oo
ล้านกว่าคน ทว่านามสกุลจะใช้ไม่เกิน ๒oo สกุล ฉะนั้นปรากฏการณ์ชื่อซ้ำจะรุนแรง ได้ยินมาว่าที่เมืองเทียนจินชื่อ "จางลี่" "จางอิง" ทั้งสองชื่อนี้มีถึง ๒,ooo กว่าคน ก่อปัญหายุ่งยากมากในการติดต่อคบค้าสมาคม

แล้วจะหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ชื่อซ้ำได้อย่างไร? คนจำนวนไม่น้อยกระตือรือล้นหาทางแก้ปัญหา
ทว่า วิธีใดจะใช้ได้ผลและสอดประสานเข้ากับประเพณีความคุ้นเคยของคนจีนได้เล่า คิดว่าผู้คนจะยังต้องแสวงหาหนทางกันอย่างจริงจังกันต่อไปกระมัง























ฉันไม่โทษใครและไม่เสียใจภายหลัง


นักบินอวกาศที่โด่งดังนาม วลาดีเมียร์ โคมาลอฟ เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม คศ.๑๙๖๗ ผู้ขับยานอวกาศท่องจักรวาลที่ชื่อ พันธมิตรหมายเลข ๑ อยู่ในอวกาศหนึ่งวันหนึ่งคืน หลังจากปฏิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อยก็บินกลับ

ขณะนี้ผู้ชมทีวีทั้งประเทศต่างรับชมการถ่ายทอดสด ยานอวกาศท่องจักรวาลเที่ยวบินนี้ แม่ของโคมาลอฟ ภรรยา บุตรสาวและผู้คนหลากอาชีพที่มีชื่อเสียงหลายพันคน ต่างก็อยู่ที่ฐานบินกลับ เพื่อต้อนรับนักบินอวกาศที่เป็นเสมือนนักรบผู้กล้าหาญท่านนี้ หลังจากบินกลับเข้ามาถึงชั้นบรรยากาศชั้นสูงแล้ว ยานจะต้องกางร่มชูชีพออกเพื่อลดอัตราความเร็วลง แต่ทันใดนั้นโคมาลอฟพบว่าทำอย่างไรก็กางร่มชูชีพไม่ออก

เผชิญหน้ากับอุบัติเหตุร้ายแรงอย่างฉับพลันเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ของศูยน์บัญชาการภาคพื้นดินร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาดำเนินมาตรการช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ ช่วยเขาขจัดเหตุขัดข้องแต่ก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

ศูยน์บังคับบัญชาภาคพื้นขอคำสั่งจากรัฐบาลกลาง รัฐบาลตัดสินใจให้ประชาชนทั้งประเทศรับทราบสภาพความเป็นจริง ในเวลานั้นผู้ประกาศที่มีชื่อที่สุดใช้น้ำเสียงหนักแน่นประกาศว่า "ยานอวกาศพันธมิตรหมายเลข ๑ หาวิธีขจัดข้อขัดข้องไม่ได้ ลดความเร็วไม่ลง สองชั่วโมงจากนี้ไปจะตกลงในบริเวณใกล้ฐานบิน

ทั้งประเทศช๊อคกับข่าวนี้ ดวงใจนับล้านดวงดิ่งจมในความอาดูรอันเจ็บปวด ไม่มีผู้ใดที่จะไม่สนใจโคมาลอฟหรือญาติพี่น้องของเขา เจ้าหน้าที่ศูยน์บังคับบัญชาต่างถนอมเวลาสองชั่วโมงที่เหลือ พวกเขาเชิญภรรยาและญาติมาที่ฐานบังคับบัญชา ปล่อยให้พวกเขาและโคมาลอฟติดต่อกันทางจอภาพ ได้อยู่ร่วมกันในสองชั่วโมงสุดท้าย หัวหน้าศูยน์วิทยุขอพูดกับโคมาลอฟ "สหายโคมาลอฟ มองเห็นญาติของคุณไหม? เชิญพูดคุยกันได้ โคมาลอฟเห็นมารดาผู้ชราภาพ ภรรยาและบุตรสาว เขารู้สึกตื่นเต้นจนเห็นได้ชัดทว่ายังควบคุมตนเองได้ กล่าวว่า "หัวหน้า เวลาของผมมีเหลืออีกไม่มากแล้ว ผมขอรายงานสภาพการสำรวจอวกาศ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิต" หัวหน้ารู้สึกตื้นตันจนน้ำตาคลอกับคำพูดของเขา เขาพูด "ขอบคุณ การบันทึกเสียงพร้อมแล้ว เชิญพูดได้" โคมาลอฟผงกศีรษะ เริ่มบรรยายอย่างเร่งรีบ ด้วยเหตุที่เนื้อหาคำพูดของเขาเกี่ยวข้องกับความลับของประเทศ ศูยน์บัญชาการจึงปิดการถ่ายทอดเสียงชั่วคราว ผู้ชมทีวีทั้งประเทศจะได้เห็นเพียงภาพอันไร้เสียงของเขาเท่านั้น

เวลาผ่านไปจากวินาทีเป็นนาที ชีวิตของโคมาลอฟก็ค่อย ๆ สิ้นสุดลงตามเวลาที่ล่วงไป แน่นอนว่าดวงใจหลายร้อยล้านดวงอดไม่ได้ที่จะเต้นรัวขึ้น ทว่าทำให้ทั้งประเทศให้ความสนใจกับโคมาลอฟ หากดูจากแววตาที่มุ่งมั่น ดูราวกับเขานั่งทำงานเป็นปกติอยู่ในห้องทำงาน สีหน้าดูจริงจังกับงาน ท่าทีช่างเยือกเย็น ใช้เวลารายงานไป ๗o นาทีเต็ม พอพูดจบจึงเปิดสวิชท์ควบคุบเสียง ผู้นำประเทศเป็นคนแรกที่พูดผ่านไมโครโฟน เขาคิดจะใช้เวลาพูดให้เร็วสักหน่อย จะได้เหลือเวลาให้โคมาลอฟได้พูดคุยกับญาติมากขึ้น แต่คล้ายกับมีก้อนบางอย่างจุกในลำคอ พูดอย่างไรก็เร็วไม่ได้ เขากล่าวว่า "สหายวลาดีเมียร์ โคมาลอฟที่นับถือ ผมเป็นตัวแทนของประเทศขอประกาศว่า...คุณเป็นวีรบุรุษของประเทศ เป็นลูกที่ดีของประชาชน ประชาชนจะรำลึกถึงคุณตลอดกาล ห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลจะจดจำตลอดไป! คุณเป็นความภาคภูมิใจของประชาชาติ สหายโคมาลอฟ คุณยังจะมีอะไรขอร้องกรุณาบอกผม ผมช่วยคุณได้อย่างแน่นอน"

โคมาลอฟฝืนซ่อนน้ำตาพูดว่า "ขอบคุณ ขอบคุณสำหรับการขนานนามอันทรงเกียรติ์ที่ประเทศมอบให้กับผม... ผมเป็นแค่นักบินอวกาศคนหนึ่ง การอุทิศชีวิตเพื่อภารกิจการท่องอวกาศเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมไร้ความคับแค้นและจะไม่เสียใจภายหลัง!"

ท่านผู้นำยื่นไมโครโฟนให้มารดาของโคมาลอฟอย่างเงียบ ๆ เรื่องที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลกไม่มีสิ่งใดเทียบได้กับ แม่ที่ผมขาวเต็มศีรษะได้เห็นลูกของตนเองต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ขณะนี้หัวใจแม่ของโคมาลอฟเจ็บปวดราวถูกทิ่มแทงด้วยมีด "ลูก...ลูกแม่...เจ้า..." เธอมีคำพูดมากมายเหลือเกินอยากจะกล่าวแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ใบหน้าของโคมาลอฟปรากฏรอยยิ้มพราย "แม่ครับ ผมอยู่ตรงนี้มองเห็นท่านได้อย่างชัดเจน ผมขาวทุกเส้นก็เห็นชัด ท่านเห็นผมชัดไหมครับ?"
"เห็น...เห็นได้ชัดมาก ลูกเอ๋ย...แม่สบายดีทุกอย่าง เจ้าจงวางใจเถอะ" ถึงตอนนี้น้ำตาก็เอ่อกลบดวงตาทั้งคู่ นางส่งไมโครโฟนให้ลูกสะใภ้-ภรรยาของโคมาลอฟ โคมาลอฟส่งจูบแบบซุกซนทว่าเปี่ยมด้วยความลึกซึ้งให้ภรรยา เธอหยิบไมโครโฟนขึ้นกรอกเสียงว่า "ที่รักคะ...ฉันคิดถึงคุณมาก" แล้วน้ำตาก็หลังรินดุจสายฝนและพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

โคมาลอฟรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาสงบจิตใจลง จากนั้นก็ถอดชุดนักบินอวกาศออก แล้วหยิบปากกาปลอกทองขึ้นมาด้ามหนึ่ง พูดว่า "ที่รัก...ปากกาปลอกทองด้ามนี้ติดตัวผมไปในอวกาศด้วย เป็นสิ่งล้ำค้าของผม ผมจะใช้ชุดอวกาศห่อไว้อย่างดี อีกสักครู่ยานจะระเบิดอย่างรุนแรงแต่ไม่ทำให้ปากกาเสียหายไปด้วย ขอให้คุณมอบให้สามีในอนาคตของคุณ ผมอยู่ในสวรรค์จะอวยพรให้คุณมีความสุข" เสียงพูดดุจเสียงสะอื้นไห้ เปี่ยมด้วยความรักที่มีให้ภรรยา

ผู้คนที่เฝ้าหน้าจอทีวีต่างน้ำตาร่างรินกันทั่วหน้า ลูกสาวโคมาลอฟรับไมโครโฟนมา "คุณพ่อคะ...คุณพ่อที่แสนดีขอหนู..." เด็กน้อยสะอึกสะอื้น ในทันทีที่มองเห็นเด็กน้อยอายุ ๑๒ ขวบ ดวงตาของโคมาลอฟก็ฝ้าฟางดุจมีเงาเมฆปุกคลุมไว้ "ลูกพ่อ...หนูอย่าร้องไห้" "หนู่ไม่ร้อง คุณพ่อคะ ท่านเป็นวีรบุรุษของประชาชน หนูเพียงคิดจะบอกพ่อว่า เป็นลูกสาววีรบุรุษก็ต้องมีชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษด้วย"

ความเข้มแข็งของโคมาลอฟหมดลง น้ำตาหลั่งริน "ลูกรัก...จดจำวันนี้ไว้ จากนี้ไปในวันนี้ของทุกปี นำดอกไม้สักดอกไปวางไว้ที่สุสาน พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ กับพ่อ ลูกรัก...พ่อใกล้จะจากไปแล้ว บอกพ่อซิว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร?" "เหมือนอย่างคุณพ่อค่ะ เป็นนักบินอวกาศ" โคมาลอฟน้ำตาร่วงอีกครั้ง "ลูกเป็นเด็กดีจริง ๆ แต่พ่ออยากบอกลูกและเพื่อนตัวน้อยทั้งประเทศว่า เวลาเรียนขอให้พวกหนูใส่ใจอย่างจริงจังในทุกๆจุดทศนิยม ทุกเครื่องหมายวรรคตอน สิ่งที่เกิดขึ้นกับยานพันธมิตรหมายเลข ๑ ในวันนี้ก็เพราะ ในเวลาตรวจสอบภาคพื้นดินสะเพร่าละเลยเรื่องจุดทศนิยม โศกนาฏกรรมบทนี้อาจเรียกได้ว่าสะเพร่าแค่จุดทศนิยม เพื่อนนักเรียนทั้งหลายจงจดจำไว้"

โคมาลอฟพูดถึงตอนนี้ก็มองนาฬิกา ยังเหลืออีก ๗ นาที เขาตัดใจเด็ดเดี่ยว โบกมือลาลูกสาว หันไปทางผู้ชมทางทีวีทั้งประเทศ "พี่น้องร่วมชาติทั้งหลาย ท่ามกลางผืนอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ขออนุญาตผมกล่าวอำลา ลาก่อน!"

"เดี๋ยวก่อน!" เด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางราวกับบ้าวิ่งเข้ามาแย่งไมโครโฟน "สหายโคมาลอฟ ขอผมพูดกับคุณสักนาที โคมาลอฟ ผมเป็นสามีคนรักของคุณ ชั่วโมงหนึ่งก่อนหน้านี้ผมเกลียดคุณ คอยอยู่ว่าเมื่อคุณกลับมาจะดวลกับคุณ ผมสาบานว่าจะฆ่าคุณให้ตาย เดี๋ยวนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงรักคุณ คุณเป็นชายชาตรีที่ยิ่งใหญ่และสูงส่ง ให้เธอรักคุณไปเถอะ! ผมก็รักคุณ ประชาชนทั้งประเทศล้วนแต่รักคุณ! คนทั่วโลกก็รักคุณทั้งนั้น!"

ตอนนี้โคมาลอฟตื่นเต้นมาก "ขอบคุณครับ พี่น้องร่วมชาติร่วมโลกทั้งหลาย ผมก็รักพวกคุณ! เพราะชีวิตของผมขณะนี้เปี่ยมด้วยความรัก พระเจ้าทรงเมตตาผม จากอวกาศชั้นสูงห่างจากพื้นหลายหมื่นลี้ ได้เกิดใหม่ในท่ามกลางเสียงเพลงแห่งดวงไฟและแสงสว่าง เพื่อนร่วมชาตทั้งหลาย เชิญตะโกนร้องพร้อมกับผม ขอให้ประชาชนอายุหมื่นปี! ขอให้วิทยาศาสตร์อายุยืนหมื่นปี!

โคมาลอฟโบกมืออย่างเป็นกันเองให้กับคนทั้งหลาย "ผมมองเห็นพื้นโลกแล้ว โลกงดงามมากจริงๆ หากว่าพระเจ้าให้ผมกลับมาเกิดบนโลกอีกครั้ง ผมจะเป็นนักบินอวกาศอีก ผมและลูกสาวจะไปท่องอวกาศด้วยกัน เพราะบนอวกาศนี้สนุกจริงๆ สวยงามมาก จริงๆนะครับ ในอวกาศสวยงามมาก..." เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ดังสนั่น...ทั่วประเทศเงียบกริบ ผู้คนพากันออกมาบนท้องถนน หันไปทางที่ยานอวกาศตกลง ไว้อาลัยอย่างเงียบ ๆ...อาลัยลา...

(คัดจากหนังสือพิมพ์รวบรวมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โจวตุ้นผู้เขียน-ขัดเกลาสำนวนแล้ว)


Free TextEditor





Create Date : 22 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 1 มีนาคม 2555 18:37:30 น. 2 comments
Counter : 2047 Pageviews.

 
พูดถึงง๊อไบ๊แล้วภาพที่ผมกับภรรยาไปยืนอยู่บนง๊อไบ๊ก็ผุดขึ้นมาในหัวเลยครับ
เป็นทริปที่โชคดีมาก ขึ้นไปข้างบนแล้วแดดส่อง
คนขายของที่นั่นบอกว่า
นี่เป็นแดดแรกในรอบ 20 วัน
นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่สามารถถ่ายรุปได้เลย
เพราะหมอกลงจัดมาก


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:40:26 น.  

 
แหม อิจฉาคุณก๋ากะภรรยาจัง ได้ไปเที่ยวคู่กันด้วย แถมบรรยากาศเป็นใจ ท้องฟ้าเปิด คนชอบถ่ายรูปอย่างก๋าคงถ่ายรูปงามๆได้ตรึม
เรายังไม่เคยไปจีนแต่คิดว่ายังไงก็ต้องหาโอกาสไปเที่ยวสักหน


โดย: haiku วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:05:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.