Business, Management, Skill, Experiences--แลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์ บริหาร และอื่น ๆ
Group Blog
 
All blogs
 

ไอเดียเก๋ ถ้วยน้ำมีลิ้นชัก

ไอเดียเก๋ ถ้วยน้ำมีลิ้นชัก / สอยจากหิ้ง


ไอเดียเก๋ ถ้วยน้ำมีลิ้นชัก / สอยจากหิ้ง








ภาพต้นแบบ ก่อนจะนำไปผลิตจริง


ถ้วยน้ำมีลิ้นชักซ่อนไว้บริเวณด้านล่างของแก้ว แนวคิดเกิดจากเวลากินเม็ดยาหรืออาหารเสริม ทำไมต้องใช้ภาชนะหลายอัน รวมถึงป้องกันลืมกินยาหรืออาหารเสริมก่อนหรือหลังอาหารในแต่ละมื้อ นอกจากนั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการดื่มเครื่องดื่มควบคู่กับของว่างชิ้นเล็ก ๆ โดยใส่เครื่องดืมไว้ในตัวถ้วยส่วนบน และเก็บของว่างชิ้นเล็กๆไว้ในส่วนลิ้นชัก







ภาพต้นแบบ


ผลงานในขณะนี้ยังเป็นเพียงต้นแบบเท่านั้น ไม่ได้ผลิตจริงเพื่อวางจำหน่าย เนื่องจากเจ้าของอนุสิทธิบัตรกำลังหาโรงงานผู้ผลิตเพื่อผลิตเป็นสินค้าวางจำหน่าย

สนใจสอยสิ่งประดิษฐ์ไปต่อยอดทางธุรกิจ ติดต่อเจ้าของผลงาน คือ นายรณชัย เจริญสิทธิ์ โทรศัพท์ 0813992531 หรือ r2dshop@gmail.com




ที่มา: //www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000093331




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2552    
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 12:50:19 น.
Counter : 1869 Pageviews.  

สามีเฉพาะกิจ (Husband for An Hour)

สามีเฉพาะกิจ (Husband for An Hour)



((( 555 Good idea )))
---------------------------------------------------------------

สามีเฉพาะกิจ


"ฮัสแบน ฟอร์ แอนด์ อาว" (Husband for An Hour) หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สามีเฉพาะกิจ" กำลังฮิตในแดนหมีขาว

สังคม รัสเซียในปัจจุบันนี้มีความพัฒนาตามนานาประเทศไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนในวัยต่างๆ ใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการทำงานนอกบ้าน จนบางครั้งการไม่มีเวลาเหล่านี้เอง ทำให้ในหลายบ้านต่างขาดพ่อบ้านที่จะซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้านที่มักเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านไป

และด้วยการขาดสิ่งเหล่านี้เอง จึงได้มีการผุดบริการที่เรียกว่า "ฮัสแบน ฟอร์ แอนด์ อาว" (Husband for An Hour) หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สามีเฉพาะกิจ" หลายคนพอได้ยินชื่อแล้ว อาจคิดเลยเถิดไปไกล

แต่แท้จริงแล้ว บริการนี้คือการให้บริการด้านรับซ่อมแซมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้าน หรือ "แฮนดี้แมน" (Handyman)นั่นเอง วัตถุประสงค์ของการให้บริการนั่นคือ โดยปกติแล้วแม่บ้านแทบจะทุกหลังคาเรือน จะไม่สามารถเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมแซมสิ่งของ ยกของ ซ่อมก๊อกน้ำและอื่นๆ อีกมากมายด้วยตนเองได้ แต่ก็พึ่งพาสามีตัวจริงไม่ได้ เนื่องจากมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานนอกบ้านเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จึงต้องมีบริการนี้ไว้คอยเอาใจเหล่าแม่บ้าน

นาย "บอริส อิวานอฟ" หนุ่มรัสเซียคนหนึ่งที่ผันตัวเองจากการเป็นนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์ มาเปิดให้บริการในด้านนี้ ก็เปิดใจว่า ในตอนแรกก็ทำงานนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเพื่อหารายได้พิเศษเข้าบ้านเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจถดถอย ทุกคนต้องแย่งกันทำงาน ทำให้ธุรกิจรับซ่อมแซมสิ่งของถึงที่บ้านกลับได้รายได้ดีกว่างานประจำ จึงหันมาทำอย่างเต็มตัว

อย่างไรก็ดี "อิวานอฟ" บอกว่า แม้จะมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของการให้บริการ แต่ก็ยังมีแม่บ้านบางคนที่เหงามากจนกระทั่งแปลความหมายไปในทางที่ผิด แต่สำหรับเขาแล้วยืนยันได้ว่า ไม่เคยเกินเลยหน้าที่และผิดวัตถุประสงค์เลย โดย อัตราการให้บริการ "สามีเฉพาะกิจ" ในแต่ละครั้งนั้น ก็แบ่งแยกไปตามหน้าที่ที่ทำ ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการให้เขาซ่อมเก้าอี้ สนนราคาก็อยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 280 บาท หรือหากงานใหญ่อย่างขนย้ายขยะไปทิ้งที่บ่อขยะนั้นอัตราการใช้บริการก็จะอยู่ ที่ 130 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 4,550 บาท


ที่มา: FWD Email




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2552    
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 17:46:43 น.
Counter : 945 Pageviews.  

ขายงาน(บริการ)ให้โดนใจลูกค้า ... <<< นำมาฝาก )))

ขายงาน(บริการ)ให้โดนใจลูกค้า


((( การเปิดรับความคิด – ความรู้จากคนอื่น ๆ ทำให้เรามีวิธีคิด และวิธีการที่เหนือกว่า ! … )))

----------------------------------*-*-------------------------------



รายงานโดย :รัฐพร คำหอม: วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


การชะลอตัวและการถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ การที่ต้องแข่งขันเพื่อให้ได้ลูกค้า เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับคนทำงานในปัจจุบัน

ยิ่งเป็นงานด้านบริการอย่างการเป็นผู้จัดงานออร์แกไนเซอร์และอีเวนต์ต่างๆ ที่จะว่าไปแล้วงานที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมนั้นมีส่วนน้อย แต่อยู่ที่ว่าจะทำ “ภาพ” อย่างไรให้ลูกค้าเห็น และมีวิธีการใดที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่จะตัดสินใจเลือกบริษัทใดบริษัทหนึ่ง มารับผิดชอบในการจัดการ ที่ลูกค้าก็หวังผลในการที่จะสร้างยอดให้กับผลิตภัณฑ์ของตน

สิ่งที่ดูเหมือนเป็นสถานการณ์ลำบากนี้ แต่ในสายตาและการทำงานทุกๆ วัน ของ วันธนบดี จิตตานุเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี ดี ครีเอชั่น ผู้ให้บริการธุรกิจการจัดออร์แกไนเซอร์ ไม่ได้เห็นเป็นความยากลำบากเลย ในทางตรงกันข้าม เขาบอกว่าได้สร้างความสนุกและฝึกฝนการคิดที่จะมีอะไรใหม่ๆ ให้กับลูกค้า อย่างนี้...ไม่ขอคำแนะนำดีๆ มาแบ่งปันกันคงไม่ได้แล้ว

วันธนบดี บอกว่า จุดเริ่มต้นอยู่ที่ ต้องตีโจทย์ให้แตกก่อน ว่าลูกค้าต้องการอะไร หลายบริษัทที่เมื่อรับงานมาแล้ว แต่เมื่อผ่านการจัดงานกลับไม่เป็นที่พอใจของลูกค้า หรือได้การตอบรับที่ไม่ดี นั่นก็เพราะไม่ศึกษาวิเคราะห์ให้ถ่องแท้ถึงจุดประสงค์ที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งบางทีนั้นก็อาจเป็นเพราะลูกค้าก็ยังหาจุดที่ต้องการนำเสนอไม่เจอ ดังนั้นการรับเป็นผู้จัดงานที่ดี เมื่อตีโจทย์ออกแล้วก็ต้องคัดสิ่งที่สำคัญที่สุดของเหตุการณ์นั้นๆ ให้กับลูกค้า

“แต่ก่อนอื่นนั้นคงต้องถอดตัวเองออกก่อน ทำตัวให้เป็นเสมือนหนึ่งในพนักงานของลูกค้า จะได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร อย่างเช่นในบริษัทหนึ่งมีสินค้าหลายชนิด เราในฐานะผู้ที่จะนำออกไปเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จัก ก็ต้องรู้จักที่จะวางกลุ่มสินค้าแต่ละชนิดให้เหมาะกับตลาด เพื่อที่ว่าลูกค้าที่มาจ่ายเงินให้กับเราแล้ว เขาจะได้รู้สึกว่าเขาได้อะไรกลับไปอย่างเต็มที่หรือไม่”

ทั้งนี้ การที่จะเดินหน้าเข้าไปหาลูกค้าแต่ละราย วันธนบดี แนะนำว่า ไม่ใช่จะเดินเข้าไปอย่างไม่มีอะไรเลย สมองกลวงๆ หรือแม้แต่จะมีโปรไฟล์ของบริษัทลูกค้าอยู่บ้างแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมคือต้องทำการบ้านให้ดีที่สุด เรียนรู้ผู้ที่เราต้องการจะให้เป็นลูกค้าให้ได้มากที่สุด นั่นก็คือการเข้าใจธุรกิจของลูกค้า

“ผมทำถึงขั้นว่าลูกค้าต้องเอ่ยปากออกมาว่า อืม... รู้เรื่องดีจริงๆ แต่การที่ผมต้องเรียนรู้นั้นก็ไม่ใช่อะไร ก็เพื่อที่ให้เวลาไปคุยกับเขาแล้วจะได้เป็นสิ่งที่เรียกว่าเราพูดภาษาเดียวกัน อย่างเช่น การจัดงานแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางขึ้นมาสักยี่ห้อหนึ่ง ผมจะคุยกับเขาทุกเรื่องให้ได้รายละเอียดมากที่สุด งานจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง เพราะการแนะนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนี้ เรื่องอินดอร์ เอาต์ดอร์ สำคัญมาก บางทีพริตตีบางคนสภาพผิว สีผิว เขาก็ไม่เหมาะที่จะไปออกกลางแจ้ง ถ้าเรารู้จุดประสงค์ของลูกค้าก็จะได้เลือกให้ได้อย่างเหมาะสม งานไหนเน้นเรื่องความสวยเป็นหลัก หรืองานไหนต้องการขาย ก็ต้องช่วยคัดคนให้”

ปัจจุบันงานที่อยู่ภายในมือของบริษัท พี ดี ครีเอชั่น ไม่ได้ลดจำนวนลง แต่กลับมีมากขึ้น ซึ่งถ้าให้คาดเดา วันธนบดี บอกว่า คงเป็นเพราะลูกค้าต้องการใช้เงินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์กลับมาคุ้มค่ามากที่สุด ลูกค้าจึงเลือกการจัดงานที่เป็นการนำเสนอตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย งานอีเวนต์ต่างๆ จึงไม่เคยเงียบ บริษัทของเขาจึงต้องมีหน้าที่ คิดให้เกินกว่าที่ลูกค้าต้องการ

“ที่เหลือก็คือเป็นเรื่องของข้อเสนอแนะ และบริษัทผมไม่เคยมองว่าลูกค้าคือพระเจ้าเลย แต่มองว่าเราเป็นเพื่อนกัน ซึ่งความเป็นเพื่อนนั้นหากเห็นอะไรที่ไม่ดีก็บอกกันได้ ใช่ไหมครับ ถ้าไปมองว่าคือพระเจ้า ปล่อยให้ทำอย่างที่คิดไปเสียทุกอย่าง ซึ่งบางอย่างก็อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ก็ได้ แทนที่จะได้รับผลดี แง่บวก กลับต้องมานั่งปวดหัวอีก เราเลยเป็นบริษัทที่กล้าปฏิเสธลูกค้า (หัวเราะ)”

สิ่งสำคัญที่วันธนบดีบอกว่าต้องทำให้ได้คือ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ให้ลูกค้ามั่นใจว่า “เราอยู่ข้างเดียวกับเขา” ดังนั้นลูกค้าหลายรายก็จะทำงานด้วยกันจนรู้ใจกัน มีงานอะไรก็จะเรียกใช้ เพราะเชื่อมั่นอยู่แล้วว่าเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของเขา เพียงแต่ว่าจะนำเสนอออกมาอย่างไร แต่ทุกอย่างก็ตีโจทย์ให้ลูกค้าเห็นได้ว่าเขาจะขายของของเขาได้จริงๆ

ทั้งนี้ เมื่อให้วันธนบดีบอกเป็นโจทย์ให้ชัดเจนออกมาเลยได้ไหมว่า แล้วการเป็นสุดยอดนักขายมีหลักการอย่างไรบ้าง เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน ก็ตอบโจทย์ออกมาได้ 3 ข้อ 1.มีสัญชาตญาณนักขายที่อย่างไรก็สู้ไม่ถอย 2.มีความรู้ด้านการตลาด และ 3.ต้องมีจินตนาการ


วันธนบดี จิตตานุเคราะห์
นอกจากสิ่งที่เขาคำนึงถึงคือลูกค้าแล้ว เขาก็ไม่หลงลืมที่จะหันกลับมาให้ความสนใจกับองค์กรของตัวเอง เขาบอกว่า การที่บริษัทมีงาน มีลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ก็เพราะเขาเริ่มจากในบริษัทของเขาเองก่อน ที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ทำงานกันไปในลักษณะเพื่อน พี่น้อง แต่มีความเป็นมืออาชีพ

“เราจะไม่ใช่องค์กรจ๋า บางทีมีน้องฝึกงานมา เราให้เข้าห้องประชุมด้วยเลย แล้วผมว่าผมเป็นพี่ที่เข้าถึงได้ง่าย มีอะไรคุยกัน ปรึกษากัน เอ้า...วันนี้ต้องทำงานดึกนะ ใครมีครอบครัวเราบอกเลยให้พามา มารู้จักกัน มื้อเย็นออกไปรับประทานข้าวภายในครอบครัวก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานก็ได้ คือ อยากให้เขาเห็น ใครมีแฟน ติดทำงานอยู่ มานั่งรอได้ มาดูทีวี มานั่งกินขนม ดื่มน้ำ มาเลย เพราะผมเชื่อในความมีเวลาส่วนตัวของทุกๆ คน แต่บางครั้งงานอาจจะกินเวลาไปบ้าง ก็ให้พามาเป็นส่วนเดียวกัน จะได้รู้ว่าทำงานกันจริงๆ นะ ไม่ได้แวบไปที่ไหนเลย (ยิ้ม)”

วันธนบดี ยังฝากทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า การทำงานอย่าได้ขาดไอเดีย ต้องคิดเพื่อนำเสนอให้เกิดสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะลูกค้าจะชอบ และบางทีในการคิดไอเดียเก๋ๆ แทบจะไม่ทำให้ลูกค้าต้องใช้เงินเยอะเกินไปเลยก็ได้ แต่สำคัญอยู่ที่ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่รู้ ไม่เข้าใจ ต้องถาม เจาะลึกลงไปในรายละเอียดให้มากที่สุด



ที่มา: //www.posttoday.com/lifestyle.php?id=58969




 

Create Date : 28 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 17:50:50 น.
Counter : 1436 Pageviews.  

10สินค้าเสี่ยงสูง-ต่ำ แนะเจ้าของสินค้าเร่งปรับกลยุทธ์

10สินค้าเสี่ยงสูง-ต่ำ แนะเจ้าของสินค้าเร่งปรับกลยุทธ์


((( ดูข่าวนี้แล้ว ......... แม้ว่าไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ แต่ต้องรู้ไว้ และเตรียมตัวรับความเสี่ยง !! )))

---------------------------*--------------------------


รายงานโดย :ดวงใจ จิตต์มงคล: วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ มิทช์ เวบเบอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่ แอ็คชั่น บริษัทในเครือโอกิลวี่ กรุ๊ป ตัวแทนธุรกิจโฆษณา (เอเยนซี) และประชาสัมพันธ์ ออกมาเปิดเผยผลวิจัยการสำรวจตลาดการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติของผู้ซื้อต่อผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท และการตัดสินใจของผู้ซื้อภายในร้านค้า ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือ “เอสดีเอ็มไอเอส”

จากผลวิจัยพบว่า ผลิตภัณฑ์บางประเภทได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของผู้ซื้อจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะที่ผลิตภัณฑ์บางประเภทกลับได้รับผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากผู้บริโภคมีความรอบคอบมากขึ้นในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ที่แม้ว่าจะยังคงจับจ่ายใช้สอยต่อไป

นอกจากนี้ ยังพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ถูกเลือกและการตัดสินใจของผู้ซื้อได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และในบางครั้งการลดราคาไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุดในการทำตลาดของเจ้าของสินค้า ด้วยการลดราคาเป็นการทำให้ผู้ซื้อคาดหวังกับราคาที่ถูกลง ซึ่งส่งผลทำให้แบรนด์นั้นไม่สามารถปรับราคาขึ้นสู่ระดับเดิมเมื่อเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ

นั่นหมายความว่าการลดราคาในขณะนี้อาจทำให้ “แบรนด์ของคุณ” เป็นแบรนด์ที่จำต้องลดราคาตลอดไป

จากกรณีศึกษาของบริษัท พบว่าการจับจ่ายซื้อสินค้าของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เปรียบเทียบกับในช่วงที่เศรษฐกิจกลับมาสดใสแล้วนั้น พบว่ามีสินค้าบางหมวดหมู่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและมีบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย เช่น กลุ่มผักผลไม้ รวมทั้งสินค้าในกลุ่มแบรนด์ใหญ่ๆ อันดับต้นๆ จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ ไม่ว่าลูกค้าหรือผู้บริโภคได้งบประมาณมากน้อยแค่ไหนในการจับจ่าย แต่สินค้าที่จะเลือกซื้อค่อนข้างจะเหมือนๆ กัน ในภาวะเศรษฐกิจทั้ง 2 รูปแบบ ต่างกันตรงที่พฤติกรรมผู้บริโภคหรือผู้ซื้อมีความรอบคอบมากขึ้น

สอดคล้องกับผลวิจัยของบริษัท เอซี นีลเส็น โกลบอล เมื่อต้นปี ระบุว่าผู้บริโภคชาวไทยสัดส่วน 55% ยังไม่มั่นใจทางด้านการเงิน สัดส่วน 66% เห็นว่าไม่ใช่เวลาที่ดีในการซื้อสินค้าตามที่ตัวเองต้องการ และสัดส่วน 54% ผู้บริโภคต้องการเก็บออมเงินไว้มากกว่า

พฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคชาวไทยในขณะนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าของสินค้าหรือร้านค้าควรเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือและทำความเข้าใจกับทัศนคติใหม่อันนี้ให้มากขึ้น ซึ่งจากการสำรวจผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างราว 604 ราย แบ่งออกเป็น 300 รายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น คาร์ฟูร์ บิ๊กซี โลตัส และ 200 รายในซูเปอร์มาร์เก็ต และอีก 100 รายในร้านค้าสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น โดยพบว่ามีกลุ่มสินค้าที่จัดอันดับความเสี่ยงระดับสูง ต่ำ และระดับปานกลาง ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย ของผู้บริโภคทันทีในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับ 10 อันดับสินค้าที่มีความเสี่ยงระดับสูง ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์กาแฟผงกึ่งสำเร็จรูป 2.ผลิตภัณฑ์ชีส 3.กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบียร์และไวน์ 4.กลุ่มอาหารพร้อมปรุง 5.กลุ่มเครื่องดื่มชาเขียว 6.กลุ่มอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานและพร้อมปรุง 7.กลุ่มไอศกรีม 8.กลุ่มชา 9.กลุ่มพาสตา และสุดท้าย 10.กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ

จะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่มีความจำเป็นและถูกจัดไว้ในหมวดฟุ่มเฟือย และอาจเกินความจำเป็นในช่วงเวลานี้ที่ต้องการซื้อสินค้าน้อยลงและมองหาโปรโมชันมากขึ้น รวมไปถึงการหาผลิตภัณฑ์อื่นทดแทน ทั้งจากราคาที่ถูกกว่าหรือมีปริมาณมากกว่า เป็นต้น

เวบเบอร์ได้ยกตัวอย่างการใช้กลยุทธ์การทำตลาดสินค้ากลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผลิตภัณฑ์กาแฟ ซึ่งเจ้าของสินค้าหรือนักการตลาดจำเป็นต้องสื่อสารกับผู้บริโภคในเรื่องโปรโมชันกับลูกค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าให้มากขึ้น เป็นต้น หลังพบว่าสัดส่วน 21% ของผู้บริโภคมีการตัดสินใจซื้อสินค้าจากแบรนด์ และกว่าครึ่งหนึ่งมักตัดสินใจไปซื้อสินค้าอีกแบรนด์หนึ่งทันทีภายในร้าน และสัดส่วน 28% มักตัดสินใจซื้อสินค้าจากจำนวนหรือปริมาณที่เพิ่มขึ้น โดยซูเปอร์มาร์เก็ตจะเป็นช่องทางจำหน่ายสำคัญที่ลูกค้าสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจซื้อสินค้าได้มากที่สุด

ขณะที่กลุ่มสินค้าที่มีระดับความเสี่ยงต่ำมี 7 อันดับ ประกอบด้วย 1.กลุ่มผัก 2.ผลไม้ 3.กลุ่มเครื่องปรุง 4.เต้าหู้ 5.ผลิตภัณฑ์ อาหารเช้าซีเรียล 6.เครื่องดื่มน้ำอัดลม และสุดท้าย 7.ยาสีฟัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน โดยผู้บริโภคยังคงมีการจับจ่ายซื้อสินค้าในแต่ละกลุ่มสินค้าตามปกติและอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริโภคมีความอ่อนไหวต่อราคาสินค้ากลุ่มนี้น้อย

ส่วนกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางมี 6 ประเภท คือ 1.กลุ่มเครื่องดื่มมอลต์ 2.กลุ่มข้าวหอมมะลิ 3.กลุ่มน้ำมันประกอบอาหาร 4.ผงซักฟอก 5.กระดาษชำระ และ 6.กลุ่มน้ำยาปรับผ้านุ่ม แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่จำเป็นแต่ก็เป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป อาจทำให้ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้ากลุ่มนี้เมื่อต้องการเท่านั้น

แนวโน้มการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 ปัจจัยหลัก คือ การตัดสินใจซื้อจากหมวดหมู่สินค้าคิดเป็นสัดส่วน 8% การตัดสินใจซื้อจากแบรนด์ผลิตภัณฑ์ 21% และการตัดสินใจซื้อจากปริมาณหรือจำนวนสินค้าราว 32%

“พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่น่าคิดว่า แม้ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อแบรนด์สินค้านั้นๆ ไว้แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายอาจเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อเจอโปรโมชันที่ถูกใจและตัดสินใจซื้อแบรนด์อื่นๆ ได้ทันที ณ จุดขาย ซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องที่นักการตลาดหรือเจ้าของสินค้าจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์รับมือ” เวบเบอร์ กล่าว ทิ้งท้าย



ที่มา: //www.posttoday.com/business.php?id=58395




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2552 17:37:36 น.
Counter : 923 Pageviews.  

เคล็ดลับดูสุริยุปราคา

เคล็ดลับดูสุริยุปราคา


((( พรุ่งนี้ ... ใครจะดูสุริยุปราคา ก็ควรระวังดวงตาของตัวเองบ้างนะครับ )))

-------------------------------*-------------------------------

วันอังคาร ที่ 21 กรกฎาคม 2552 เวลา 0:00 น
ดวงตาปลอดภัย

ในการเสวนาทางวิชาการของสมาคมภูมิศาสตร์แห่งประเทศไทย ที่จัดให้แก่สมาชิก และครู อาจารย์ที่สนใจ เรื่อง สุริยุปราคาเต็มดวงแห่งศตวรรษ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ได้มีการแนะนำถึงวิธีการดูปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ครั้งสำคัญนี้ให้ปลอดภัยต่อดวงตา

นายสิทธิชัย จันทรศิลปิน นักวิชาการศึกษา ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้อง ฟ้าจำลอง) กรุงเทพฯ ได้แนะเคล็ดลับการ ดูสุริยุปราคาให้ปลอดภัยต่อดวงตาว่า วิธีดูสุริยุปราคาที่ง่ายและดีที่สุด ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ราคาถูกหรือแพงนั่นก็คือ ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า ลดแสงจ้า อย่าดูนาน เพราะแสงอาทิตย์มีความรุนแรงและมีรังสีที่อันตรายต่อดวงตา หากจ้องมองนาน ๆ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต จักษุแพทย์บอกว่า เซลล์จอตาสามารถสร้างทดแทนขึ้นมาได้ หากไม่โดนทำลายอย่างรุนแรง

วิธีการดูสุริยุปราคาที่ดีที่สุด นอกจากต้องใช้อุปกรณ์แล้ว ขณะดูให้นับหนึ่งถึงห้า แล้วหยุด มองสีเขียวหรือบรรยากาศทั่วไป เพื่อให้สายตาได้พัก แล้วค่อยดูใหม่ ก็นับหนึ่งถึงห้าอีกเช่นกัน

อุปกรณ์ที่จะใช้ดูนั้น นักวิชาการจากท้องฟ้าจำลองบอกว่าถ้าทุนน้อยก็ใช้วิธีการแบบคนโบราณ ก็คือ เอากระจกใสมารมควันเทียนให้มืดสนิท วิธีตรวจสอบก็คือ เอากระจกที่รมควันเทียนมาส่องดูหน้าคน หากยังมองทะลุก็ต้องรมควันเทียนอีกที ให้แน่ใจว่ามองหน้าใครไม่เห็นแล้ว จึงจะเอาไปส่องดูดวงอาทิตย์ได้ แต่ก็มีข้อควรระวังก็คือ ต้องไม่ให้เกิดริ้วรอยขีดข่วนหรือรอยนิ้วมือบนบริเวณที่รมควัน เพราะจะทำให้แสงเล็ดลอดเข้ามาทำอันตรายต่อดวงตาได้ ต้องพึงระวังหากนำไปใช้กับเด็ก ๆ

ใช้ฟิล์มถ่ายรูปขาวดำ วิธีการดั้งเดิมก็คือ ดึงฟิล์มออกจากกลักให้โดนแสงสว่างแล้วนำมาติดบนกระดาษแผ่นใหญ่ที่เจาะรูไว้แล้ว ให้กระดาษช่วยบังแสง แต่ในยุคการถ่ายรูปดิจิทัล ฟิล์มขาวดำกลายเป็นของหายากไปแล้ว

ฟิล์มเอกซเรย์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เป็นอันตรายมาก หากใช้ทั้งแผ่น เพราะแสงเล็ดลอดผ่านจุดที่มีภาพถ่าย ต้องใช้บริเวณขอบสีดำ ตัดออกมาเฉพาะส่วนนั้น หากนำมาส่องหน้าคนแล้วยังมองเห็นกันอยู่ก็ตัดมาซ้อนกันหลาย ๆ แผ่น จนกว่าจะมองไม่เห็นใคร จึงจะใช้มองดวงอาทิตย์ได้อย่างปลอดภัย

หากมีตังค์มากหน่อยก็ใช้แผ่นไมลาร์ ซึ่งเคลือบโลหะพิเศษมาปิดหน้ากล้อง แต่ก็อาจจะทำให้แสงโคโรน่าของอาทิตย์ไม่สวย ห้ามนำกล้องดูดาวมาใช้ส่องดูดวงอาทิตย์ เพราะเลนส์กล้องดูดาวเป็นจุดรวมแสง ทำให้ตาบอดได้ ต้องใช้แผ่นไมลาร์ปิดเลนส์ก่อน แต่ขณะใช้ก็ต้อง ระมัดระวังไม่ให้แผ่นไมลาร์เลื่อนหลุด

กล้องรูเข็มก็เป็นอีกวิธี เพียงแค่เจาะ รูกระดาษแล้วดูผ่านฉากจะช่วยถนอมสายตา ได้ หรือใช้วิธีอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หากในช่วงเกิด สุริยุปราคา เราจะเห็นแสงลอดใบไม้เว้าแหว่งตามแสงดวงอาทิตย์ เวลาถ่ายรูปจะเกิดความสวยงามแบบแปลก ๆ ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ให้

อุปกรณ์ที่ห้ามนำมาใช้เด็ดขาดก็คือ แว่นกันแดด ไม่ว่าจะใช้เลนส์สีเข้มแค่ไหน ก็เป็นอันตรายต่อดวงตา หากนำมาใช้มองดวงอาทิตย์

แต่ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์แบบไหน ก็ต้องไม่ลืมกฎที่ว่า ลดแสงจ้า อย่าดูนาน ทุกครั้งที่ดูสุริยุปราคา ให้นับหนึ่งถึงห้าแล้วหยุดพักสายตา แล้วค่อยมาดูใหม่ใช้วิธีการเดิม

เช้าวันพุธที่ 22 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น. หากอยู่ในภาคเหนือ เช่น เชียง ราย ก็จะมีโอกาสเห็นสุริยุปราคาบางส่วนมากหน่อย เห็นดวงอาทิตย์แหว่งถึง 69% ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ จะเห็นดวงอาทิตย์แหว่งเพียง 42% ถ้าอยากดูแบบเต็มดวงก็ต้องไปอยู่ในบางพื้นที่ของประเทศจีน ซึ่งโชคดีที่เป็นพื้นที่ในเงามืด ทำให้เห็นสุริยุปราคาเต็มดวงแห่งศตวรรษนาน 6 นาที 39 วินาที

เช้าวันพุธ ถ้าอากาศเป็นใจ ไม่มีเมฆฝนมาบัง เราจะได้เห็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ครั้งสำคัญ หากทำงานดึก นอนตื่นสาย ก็ตัดใจตื่นเช้ากันสักวันน่า.

สุริยคราส ดิจิทัล

ปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งล่าสุดที่จะเกิดขึ้น และคนไทย (อาจ) มีโอกาสได้ชมในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ จะแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ที่มีเทคโนโลยีการถ่ายภาพพัฒนาสู่ระบบดิจิทัล ช่วยให้การบันทึกเหตุการณ์ทำได้ง่าย ฉับไว ด้วยคุณภาพที่ไม่ด้อยกว่าฟิล์ม

โดยเฉพาะยามที่กล้องดิจิทัลเป็นอุปกรณ์ถ่ายภาพที่แพร่หลาย อยู่ในมือคนรักการถ่ายภาพทุกระดับ ทุกเพศ วัย ครั้งนี้จึงน่าจะมีคนอยากถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก

การชมปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ดับมีข้อควรระวังที่กำชับนักหนาว่า อย่าดูดวงอาทิตย์โดยตรง เพราะมีอันตราย การถ่ายภาพก็ต้องเคร่งครัดกับหลักเดียวกัน

ถ้าไม่ระวังกล้องก็พังได้

ดร.ชวาล คูร์พิพัฒน์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบอกว่า กล้องดิจิทัลทั้งแบบสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว (เอสแอลอาร์) และคอมแพ็กต์ถ่ายสุริยคราสได้เหมือนกันแต่ยาก ต้องหลีกเลี่ยงการเล็งดวงอาทิตย์โดยตรง โดยใช้ฟิล์มที่ดำสนิทปิดปกป้องทั้งเลนส์และดวงตา ควรเป็นฟิล์มลิธ (Lith) ที่ใช้ในการเตรียมสิ่งพิมพ์ใช้แล้ว ซึ่งขอหรือขอซื้อจากร้านทำแม่พิมพ์ “ห้ามใช้ฟิล์มสไลด์” เพราะดำไม่พอ เป็นอันตรายแก่ลูกตาได้

การถ่ายภาพก็ควรใช้ไอเอสโอ (ค่าความไวแสงต่ำ) กดชัตเตอร์ถ่ายแล้ว ลองเปิดย้อนดู หากไม่พอดีก็ปรับ กล้องคอมแพ็กต์ก็ทำได้ แต่จะขลุกขลักหน่อยตอนใช้ฟิล์มบังตะวัน

นักถ่ายภาพอีกคน วรนันท์ ชัชวาลทิพากร ผู้ได้รับรางวัล นักถ่ายภาพอันดับ 1 ของโลก ประเภทภาพท่องเที่ยว จากสมาคมถ่ายภาพแห่งอเมริกา (PSA) แนะนำว่า ให้ใช้ฟิลเตอร์สีเทาเข้ม เปิดช่องรับแสงแคบ ๆ เลือกไอเอสโอต่ำ และไม่ควรเล็งหรือตั้งกล้องให้หันเข้าหาดวงอาทิตย์นาน เพราะเลนส์จะรวมแสงเข้าที่ระบบวัดแสงทำให้กล้องเสียหายได้ วิธีป้องกัน หลังจากถ่ายสัก 2-3 ช็อตให้เปลี่ยนกล้องไปทางอื่น

ส่วน สงคราม โพธิวิไล นักถ่ายภาพ ผู้บรรยายการถ่ายภาพหลายสถาบัน กล่าวย้ำเช่นกันว่า อย่าเล็งกล้องที่ดวงอาทิตย์นาน เพราะจะมีผลต่อระบบวัดแสง โดยเฉพาะตอนตั้งกล้องทิ้งไว้ ไม่ควรหันไปทางดวงอาทิตย์ หากจะทำเช่นนั้นให้ใช้หมวกหรือฝาครอบเลนส์ปิด สำหรับฟิลเตอร์เพื่อการถ่ายภาพให้ใช้เอ็นดี 8 หากไม่มี ก็ซื้อฟิล์มขาวดำขนาด 120 ส่งล้างห้องมืดโดยไม่ต้องถ่ายเพื่อให้ได้ฟิล์มดำมาปิดหน้าเลนส์

การถ่ายภาพควรใช้ขาตั้งกล้อง เปิดช่องรับแสงแคบ

กล้องคอมแพ็กต์ก็ถ่ายได้ด้วยหลัก เดียวกัน

เมื่อจะถ่ายให้ยกกล้องไปทางดวงอาทิตย์แล้วกดชัตเตอร์โดยไม่ต้องเล็ง

เปิดดูภาพ ไม่พอใจก็ปรับกล้อง ถ่าย ใหม่.

ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathanac@dailynews.co.th


ที่มา: //dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=316&contentID=9241




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 13:59:38 น.
Counter : 727 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

byonya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




I am not a perfect, but simple!

 
 
Custom Search



 
 

Website น่าสนใจ  
 
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท

เว็บการศึกษา Eduzones.com

Business Web Directory .biz - Business Directory
 


Word of the Day

This Day in History

Quote of the Day

Hangman




Friends' blogs
[Add byonya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.