Like a carousel that's turning running rings around the moon... Like the circles that you find in the windmill's of your mind...
กลิ่นนี้..โชยฉุยจาก..บาทา

กลิ่นนี้...
โชยฉุยจาก..บาทา


เท้าที่ปรกติมีสุขภาพดี มักไม่ค่อยมีกลิ่นสะดุดจมูกเท่าไร แต่เท้าต่างกับมือ ตรงที่ว่า มักต้องอุดอู้อยู่ในรองเท้า เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ตั้งตะเช้าจรดเย็น ค่ำดึกดื่น นี่แหละที่ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา ค่าที่เหงื่อไคลไม่มีทางระบายออกสะดวกเท่าไร ผิวหนังจึงอับชื้น พานให้เชื้อแบคทีเรียก่อตัวขึ้นมา กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อ แต่เป็นกลิ่นแบคทีเรีย ที่กำลังทำปฏิกิริยากับเหงื่อ และ เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว กลายเป็นกลิ่นเท้าตุ ๆ ขึ้นมาทันควัน

กลิ่นเท้าก็เหมือนกลิ่นเต่า คือ มีในแต่ละคนต่างกันไป มากน้อยไม่เท่าเทียม จะบอกได้ยังไงว่า คุณเป็นคนนึงที่มีกลิ่นเท้าตุ ๆ น่ะเหรอ? ก็ถ้าคุณมีเหงื่อออกชุ่มรักแร้ และ หน้าผากล่ะก้อ คุณย่อมมีสิทธิ์ผลิตเหงื่อที่บริเวณส้นเท้าได้ชุ่มโชกเช่นกัน แล้วถ้าคุณเป็นคนผิวมัน คุณก็อาจผลิตกลิ่นตุมากขึ้นไปอีก เพราะ น้ำมันมีกลิ่นเหมือนกันนี่

หนำซ้ำ โรคบางอย่าง ยังเป็นตัวเพิ่มอาการเหงื่อไหลไคลย้อย เพิ่มกลิ่นเท้าให้ฉุยมากขึ้นไปอีก เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ตั้งครรภ์ และ วัยประจำเดือนหมด การดื่มคาเฟอีนมาก ๆ กินยาลดความอ้วน หรือ ประสาทเครียด ล้วนไปกระตุ้นปฏิกิริยาเหงื่อไคลไหลย้อย เพิ่มพูนปัญหากลิ่นเท้าได้ด้วย อีกทั้งอาหารที่กินเข้าไป ก็มีส่วนเพิ่มความฉุนของกลิ่นเท้า เช่น กระเทียม อาหารเผ็ด และ เหล้า ซึ่งโชยออกมาพร้อมกับเหงื่อ นอกจากนี้ โรคเท้า เช่น เท้าเปื่อย และ อาการอักเสบของเชื้อแบคทีเรีย ที่ส้นเท้า ก็ทำให้เกิดกลิ่นอีกเช่นกัน

วิธีที่ดีที่สุดสองวิธี ในการกำจัดกลิ่นเท้า คือ ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย ตัวก่อกลิ่น และ ลดความชื้นที่ผิว หมั่นอาบน้ำ ทำความสะอาดเนื้อตัวเป็นประจำ พลาดไม่ได้ เช็ดบริเวณเท้าไห้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกนิ้ว สบู่ยาอาจช่วยได้ในการลดเชื้อแบคทีเรียชั่วคราว แต่อย่าใช้เกินวันละครั้ง คุณอาจไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยป้องกัน การอักเสบได้เช่นกัน โรยแป้งบริเวณเท้า เพื่อให้เท้าแห้งเสมอ โดยเฉพาะแป้งที่มีส่วนผสมฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใช้หินขัดตาปลาผิวหนังหลุดลอกทั้งหลาย ออกไปเป็นประจำ เพื่อกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ไม่ให้เชื้อแบคทีเรียมาวุ่นด้วยได้

ที่จริง จะไปโทษเท้าสถานเดียว ก็ไม่ถูก ในยามเกิดกลิ่นตุโชยฉุย ตัวการใหญ่อีกอันคือ รองเท้า นั่นแหละ..

- อย่าใส่รองเท้าคับเกินไป หรือ ใส่ไม่พอดี ทำให้เหงื่อไหลมากขึ้นอีก

- เลี่ยงการใช้ร้องเท้าปลาสติค หรือ ยาง หนัง เป็นวัสดุที่เหมาะที่สุด เพราะ ทำให้เหงื่อระเหยไปได้ง่าย

- หมั่นเปลี่ยนรองเท้าสลับคู่ไปเรื่อย ๆ กลิ่นเหงื่อที่ชุ่มโชกอยู่ที่รองเท้า อาจใช้เวลาระเหยอย่างน้อยสองวันขึ้นไป

- ถุงเท้า ก็เป็นตัวดูดซึมกลิ่นไว้ ควรเปลี่ยนทุกวันเป็นประจำ ห้ามใส่ซ้ำ ถุงเท้าที่ทำจากใยสังเคราะห์ มักอับเหงื่อไม่มีทางระเหย ควรใช้ถุงเท้าผ้าฝ้าย จะดีกว่า

*******






Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 13:08:55 น. 0 comments
Counter : 503 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

chinanod
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สมถะ เรียบง่าย กันเอง
Background.MyEm0.Com
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
20 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chinanod's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.