จริง ๆ เท็จ ๆ เท็จ ๆ จริง ๆ
"จริง ๆ เท็จ ๆ เท็จ ๆ จริง ๆ ชีวิตคน ความจริงเป็นบทละคร บทหนึ่ง ใยต้องยึดถือ เป็นจริงเป็นจังไป"
"โกวเล้ง"
คนทุกคน ล้วนมีหน้าที่ของตน เกิดเป็นลูก มีบทบาทอย่างลูก เกิดเป็นพ่อแม่ มีบทบาทอย่างพ่อแม่ เป็นสามี มีบทบาทอย่างสามี เป็นภริยา มีบทบาทอย่างภริยา เป็นครู มีบทบาทอย่างครู เป็นนักเรียน มีบทบาทอย่างนักเรียน ฯลฯ ได้เป็นอะไรก็ตาม จักต้องแสดงบทบาทของตน ให้ดีที่สุด
ผู้ร้ายที่แสดงบทเหี้ยมโหด ทารุณ ในภาพยนตร์ เขาไม่จำเป็นต้องยึดถือ บทบาทร้ายของเขาไปใช้ ในชีวิต ประจำวันของเขา เขายังเป็นคนดีอย่างเดิม ใช้ชีวิตเยี่ยงคนดีโดยทั่วไป แต่รับบทบาท ให้แสดงเป็นผู้ร้ายในภาพยนตร์ เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตน อย่างดีที่สุด แสดงออกมาให้เป็นจริงเป้นจัง ให้ผู้ชมมองเห็น ความเลวร้ายว่า มันเป็นอย่างไร? มันไม่ดีอย่างไร? ให้คนเห็นว่าตัวโลภ ตัวโกรธ ตัวหลง นี่มันร้ายแรงอย่างไร? ให้เห็นโทษของมัน จะได้ไม่เอาเยี่ยงอย่าง เขาทำหน้าที่ร้าย ๆ ให้ดีที่สุด เพราะ มันเป็นหน้าที่การงานของเขา พอเลิกงาน ก็ไม่ต้องเอาหัวโขนร้าย ๆ นั้นมาสวม ทิ้งมันไปในงานการแสดง มันก็เท่านั้นเอง
แต่ถ้าดาวร้าย เขาเอาตัวอย่างร้าย ๆ ในภาพยนตร์ ที่เขาแสดงมาใช้ ในชีวิตประจำวัน ยึดถืองานแสดง มาเป็นเรื่องจริงในชีวิต แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร? ชีวิตก็จะไม่เป็นสุข ขืนฆ่าคนเป็นว่าเล่น อย่างในภาพยนตร์ จะต้องถูกเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จับไปขังคุกตะราง หรือไม่ก็ถูกเขาฆ่าตาย สังคมก็จะไม่เป็นสุข เพราะ การกระทำของเขา ที่ยึดมั่นถือมั่น เอาหัวโขนมาเป็นจริง เป็นจังจนเลยเถิดไป
บทบาทในภาพยนตร์ มีแต่เรื่องยุ่ง ๆ อีรุงตุงนังไปหมด เดี๋ยวแม่ผัวกับลูกสะใภ้ทะเลาะกัน เดี๋ยวเมียหลวงฆ่าเมียน้อย เพราะ ความหึงหวง เดี๋ยวเกิดเขม่นกัน ฆ่ากันกลางวันแสก ๆ ระหว่างศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย แล้วอย่างนี้ มันจะอยู่กันไหวหรือ ?
บทบาทการแสดงแห่งชีวิตคนเรา ก็เหมือนกับละครนั่นแหละ ในตัวคนหนึ่ง ๆ มีบทบาทที่ต้องแสดงมากมาย เราจะรู้สึกได้หรือไม่ว่า แต่ละบทเป็นอย่างไร ? มันน่าละอาย หรือน่าภูมิใจขนาดไหน ? ได้รับสุขหรือทุกข์ กันเพียงไร จากบทบาทนั้น ๆ ?
ความเป็นไปแห่งชีวิตของปุถุชน มีสองอย่างที่ปะทะกันอยู่ คือ ขั้วบวกกับขั้วลบ หรือ ความดีใจกับเสียใจ เราวนเวียนอยู่กับสองสิ่งนี้ อยู่ทุกวี่ทุกวัน นั่นเพราะอะไร เพราะเรามิได้มองชีวิต ในฐานะเป็น "ลครบทหนึ่ง" มิใช่หรือ ? แต่เราหลงยึดถือ อย่างเป็นจริงเป็นจังเกินไป
เพราะเหตุนั้นแล ชีวิตจึงมีแต่ทุกข์ ขมุกขมัว หรือได้รับความสุข แบบร้อนรน ทำให้ชีวิตทนอยู่ในภาวะปกติไม่ได้ ก็ต้องกระเสือกกระสน ดิ้นรนไป เหมือนปลาที่เขาโยนไปบนบก ย่อมแถลไปหาแอ่งน้ำ นั่นเทียว
ความจริงจังในชีวิต ชนิดที่เป็นไปด้วยอำนาจแห่ง ความยึดถือ ทำให้เราต้องได้รับความเจ็บปวดตลอดมา
"อยู่อย่างคน อยู่ด้วย ความยึดถือมั่น ย่อม ไม่มีความสุขสันต์ แม้สักวันคืน"
Free TextEditor
Create Date : 07 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 16:05:24 น. |
|
10 comments
|
Counter : 398 Pageviews. |
|
|
|
งืดๆๆๆ