ก่อนปลงใจ.. ซื้อรถเก่า..
๐๐๐ ก่อนปลงใจ.. ซื้อรถเก่า..๐๐๐
๐ ในเมื่อรถใหม่เอี่ยม แพงเกินเอื้อม จะควักกระเป๋าซื้อรถเก่า ก็ไม่ว่ากันดอก ขอแค่ดูตาม้าตาเรือ ในเรื่องต่อไปนี้ ดูหน่อยเป็นไร..
๐ เช็คดูสนิม ใช้แม่เหล็กตรวจไปรอบ ๆ ตัวถัง จุดกว้างบริเวณใด ที่เป็นแม่เหล็กไม่สัมผัส หมายความได้ว่า รถมีสนิมเขรอะ (หรือ ชนยับมาแล้ว) และ ได้รับการซ่อมแบบขอไปที ด้วยการปะผุ โปรดระวังรอยปูดเป็นตุ่มของสนิม ที่จะแพร่ลามไปในไม่ช้า บางทีอาจเป็นได้ว่า โครงรถทั้งคันอ่อนเต็มทีแล้ว..
๐ ในขณะที่ยกรถขึ้นขาหยั่ง ให้ตรวจดูว่า มีน้ำมันรั่วไหลหรือไม่? น้ำมันที่หยดเป็นดวง ๆ ใต้เครื่องหมาย อาจหมายถึง เวลาที่จะต้องเปลี่ยนยางหุ้มใหม่ ก็เป็นได้ ตรวจดูขอบยางบุทั้งหลาย ใต้ตัวถังว่า มีอันไหนห้อยระย้าหลุดรุ่ย..
๐ เวลารถจอดอยู่กับพื้นเฉย ๆ ให้ตรวจดูว่า ยางทั้งห้าเส้น (รวมยางอะไหล่) เป็นยางชนิดเดียวกันหรือไม่? (ยางเรเดียล หรือ ยางธรรมดา) ขนาดความลึกของเส้นใยยาง จากความกว้างทั้งหมด ควรไม่ต่ำกว่า 0.04 นิ้ว (1 มิลลิเมตร)
๐ ลองทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมด กดลงที่มุมรถแต่ละมุม เวลาปล่อย รถควรโหย่งกลับสู่ระดับเดิม แต่ถ้ายังสะเทือนขึ้นลงไม่หยุด ควรเตรียมใจ ซ่อมระบบ..
๐ ตรวจดูว่า ประตู หน้าต่าง และ ฝากระโปรง เปิดปิดได้ดี มีกุญแจ ไขเข้าออกได้สะดวกทุกจุด..
๐ ตรวจความชำรุดของเบาะนั่ง เลิกพรมรองเท้าขึ้นดู แม้รอยสนิมเพียงเล็กน้อย บนพื้นรถ ย่อมบ่งบอกได้ว่า น้ำรั่วเข้ารถได้.. หรือไม่ก็จะรั่วเข้า ในไม่ช้านี้..
๐ ตรวจดูระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ได้แก่ สัญญาณไฟ, เข็ม, หน้าปัทม์, ย้ำกับคนขายเสียด้วยล่ะว่า ราคาวิทยุรวมอยู่กับรถ เสร็จสรรพแล้ว ใช่ไหม?
๐ ตรวจดูตัวเลขบ่งระยะทางว่า ใกล้เคียงกับประวัติรถที่เห็น ในทะเบียนหรือเปล่า? คนขับรถโดยทั่วไป จะใช้รถประมาณปีละ 50,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นรถบริษัท ก็ย่อมมีระยะทางใช้งานเพิ่มมากเข้าไปอีก คนขายที่หมุนตัวเลขบอกระยะทาง กลับไปถึอว่า จิตใจไม่บริสุทธิ์..
๐ ตรวจตราดูห้องเครื่องยนต์ ซิว่า มีร่องรอยการซ่อมแซมมารึเปล่า? เช่น รอยพ่นสีหรือเชื่อมใหม่ รถที่มีเครื่องยนต์สะอาดเอี่ยม ผิดปรกติใต้ฝากระโปรง อาจได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่..
๐ ตรวจดูน้ำรั่วจากเครื่องยนต์ การเปลี่ยนสายยางหม้อน้ำ เป็นเรื่องธรรมดา แต่หม้อน้ำรั่วนี้สิ ที่จะต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่.. ไม่ใช่ราคาถูก ๆ ด้วยซี
ถึงตอนนี้ ลองติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ เพราะ บริการขายรถยนต์ มักชอบเติมน้ำมันและตั้งเครื่องไว้แรง ๆ เพื่อปิดบังเครื่องยนต์ที่ทำท่าจะพังแหล่ รอให้รถอุ่นเครื่องอยู่นานพอควร จนเข้าที่ค่อยจับหาเสียง
๐ ระหว่างนี้ ให้ตรวจดูว่า มีหยดน้ำหรือโฟมสีเทา ลอยฟ่องหรือไม่? อาจบ่งชี้ถึงกระบอกสูบตันได้..
๐ ยกฝากรองน้ำมันขึ้นดู ควันหรือไอกรุ่น บ่งถึงการใช้งานนานเกินอายุ รถอาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนเครื่องแล้ว ก็เป็นได้..
๐ หลังจากติดเครื่องทิ้งไว้ห้านาที เร่งเครื่องดู ควันดำจากท่อไอเสีย อาจหมายถึง คาบูเรเตอร์ไม่ดี ควันสีฟ้า เป็นสัญญาณอันตรายว่า จะต้องซ่อมเครื่องที่ใกล้พัง ราคาแพงแน่ ๆ
๐ ดับเครื่อง ขณะที่เครื่องเย็นลง ใช้ผ้าห่อมือเปิดฝาหม้อน้ำออก อย่างเบามือ ถ้ามีน้ำมันติดมือมา หรือ น้ำเดือดปุด ทำใจไว้ได้เลยว่า เจอเรื่องเดือดร้อนแน่ อย่างน้อย ก็ขอบยางรั่ว หรือ หนักข้อถึงลูกสูบตัน หรือแตก
๐ ทดสอบเบรคดู ถ้าคุณต้องเหยียบเบรคจนจมมิดสุดเท้า หรือ รถเซปัดไปข้าง ๆ เวลาคุณเบรค หรือเบรคส่งเสียงดังพิกล.. ก็ต้องซ่อมกันอีกสิเนี่ย..
๐ ฟังเสียงไม่พึงประสงค์ เสียงเอี๊ยดจากล้อหน้า เวลาเลี้ยวโค้ง อาจเป็นผลจากปัญหาเรื่องพวงมาลัยรถ..
๐ เงี่ยหูฟังเสียงคลีองแคล๊ง เวลาเปลี่ยนเกียร์ รวมทั้งอาการเกียร์กระตุก เวลาเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งหมายความถึง ปัญหาห้องเครื่องเกียร์..
๐ ลองเร่งเครื่องดู เวลาใช้เกียร์ทุกเกียร์สลับกันไป เสียงเครื่องน๊อคครึด ตอนเร่งเครื่อง บ่งให้รู้ว่า จะต้องเปลี่ยนลูกปืนวงแหวนแล้ว..
๐ ลองขับดู ด้วยความเร็วแบบสบาย ๆ ถ้าพวงมาลัยเฉ แสดงว่า ควรตั้งถ่วงล้อใหม่ได้แล้ว..
๐ ขับรถขึ้นที่ชันแล้ว ปล่อยให้รถไหลลงมา ลองใช้เบรคมือดู รถควรหยุดทันที ถ้าค่อย ๆ หยุดยังกะไม่เต็มใจ แสดงว่า ควรเปลี่ยนคลัชท์ใหม่ได้แล้ว..
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
Create Date : 23 มกราคม 2552 |
Last Update : 23 มกราคม 2552 18:13:31 น. |
|
2 comments
|
Counter : 487 Pageviews. |
|
|
|