5 เรื่องที่ลูกต้องรู้ก่อนเที่ยวทะเล
ก่อนออกเที่ยวทะเล เพลิดเพลินกับธรรมชาติในช่วงหน้าร้อน คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย ด้วยข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ
1. แสงแดด ผิวหนังของลูกอาจถูกแดดแผดเผา และอาจมีอาการปวดแสบปวดร้อนได้ ถ้าลูกเล่นน้ำในช่วงที่แดดแรงจัด โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนกว่าอุณหภูมิปกติของร่างกาย และมีความชื้นสูง ร่างกายจะไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี อาจทำให้ลูกมีอาการเป็นลมแดด
* ปลอดภัยไว้ก่อน ควรจัดเวลาในการเล่นน้ำที่ปลอดภัยจากแสงแดด ซึ่งก็คือช่วงเช้า-10.00 น. และหลังจากบ่าย 3 โมง อีกหนึ่งวิธีปกป้องผิวของลูก ด้วยการทาครีมกันแดด ก่อนที่จะลงเล่นน้ำประมาณ 30 นาที และหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่แดดแรงจัดในช่วงพักเที่ยง
2. หาดทราย ช่วงที่น้ำทะเลลง มักจะมีเปลือกหอย หรือเศษแก้ว เศษขวด ฝากระป๋องต่างๆ อยู่บนริมชายหาด หากลูกไม่ทันระมัดระวังหรือเผลอเดินไปเหยียบก็อาจเป็นแผลที่เท้า
* ปลอดภัยไว้ก่อน ควรเลือกหาดที่มีทรายละเอียดหรือค่อนข้างเรียบ ตรวจตรา สำรวจดูบริเวณที่จะเล่นว่าไม่มีเศษแก้ว เศษขยะหรือเปลือกหอยที่แหลมคมมากมาย ที่เป็นต้นเหตุทำให้ลูกบาดเจ็บ และต้องสอนลูกให้รู้จักดูและระมัดระวังตัวเองด้วยอีกชั้นหนึ่ง
3. คลื่น เด็กๆ มักสนุกกับการตัก, ขุด, เล่นกับทรายริมชายหาด จนบางครั้งอาจไม่ทันรู้ตัวก็ถูกคลื่นซัด โดยเฉพาะช่วงที่น้ำขึ้น คลื่นจะแรง และชายหาดก็มีความลาดชันสูง อาจทำให้หกล้มเสียหลัก เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
* ปลอดภัยไว้ก่อน คุณพ่อคุณแม่ต้องระวัง ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ลูกเล่นน้ำหรือสนุกกับการเล่นทรายเพียงลำพัง หรืออยู่นอกสายตาที่คุณมองเห็น
4. การว่ายน้ำ อาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะที่มีการว่ายน้ำ ก็คือเรื่องตะคริวค่ะ ซึ่งเกิดจากการทำงานหนักของกล้ามเนื้อ จนเกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว
* ปลอดภัยไว้ก่อน ควรให้ลูกออกกำลังกายแบบเบาๆ ก่อนลงเล่นน้ำสัก 15 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ มีการขยายตัว พร้อมกับการใช้งาน และการใส่ห่วงยางชูชีพสำหรับน้องหนูที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น ก็เป็นการป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างดี
5. แมงกะพรุนไฟ เมื่อผิวหนังสัมผัสกับแมงกะพรุนไฟ อาจทำให้มีอาการผื่นคัน หรือถ้ามีอาการมากก็ทำให้ปวดแสบ ปวดร้อน แดงพองคล้ายอาการน้ำร้อนลวก
* ปลอดภัยไว้ก่อน ควรให้ข้อมูลในการสังเกตลักษณะแมงกะพรุน เพื่อให้ลูกรู้จักระมัดระวังและเลี่ยงการสัมผัส หรือสังเกตป้ายเตือน บริเวณที่ลูกจะลงเล่นน้ำค่ะ
หมายเหตุ : แม้จะพบแมงกะพรุนตายติดตามชายหาดก็ไม่สมควรจะนำมาเล่น เพราะพิษยังอาจจะมีอยู่และทำให้เกิดอันตรายได้ เมื่อถูกแมงกะพรุนอาจจะมีสายหนวดของแมงกะพรุนติดอยู่ ต้องรีบแกะออกโดยเร็ว แต่อย่าใช้มือเปล่าเพราะมือจะถูกต่อยได้ด้วย ให้ใช้ผ้าหนาๆ เศษไม้ ทรายแห้งๆ หรือแป้งผงถูเบาๆ ให้หลุดออก อย่าถูแรงเพราะถุงบางอันยังไม่คายพิษ ถ้าถูแรงจะทำให้พิษถูกปล่อยออกมาเพิ่มขึ้น แล้วล้างบริเวณนั้นเบาๆ ด้วยน้ำทะเล น้ำมันแอลกอฮอล์ แอมโมเนีย หรือโลชั่นที่หาได้ใกล้ตัว ชาวบ้านใช้ผักบุ้งทะเล เพื่อทำให้สภาพพิษซึ่งส่วนใหญ่เป็นโปรตีนเสื่อมลง เมื่อถูกพิษแมงกะพรุนแล้วให้ขึ้นจากน้ำทันที เพราะถ้าเกิดอาการรุนแรงจะทำให้จมน้ำตายได้ จากประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่โดนพิษแมงกะพรุนชนิดไม่รุนแรง จากการเล่นน้ำทะเลในฤดูฝน สัมผัสพิษวินาทีแรกจะรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อนมาก หลังจากขึ้นน้ำทะเลจะมีอาการผื่นแดง บริเวณผิวหนังที่โดนพิษอย่างชัดเจน
โดยส่วนมากแล้วโรงแรมที่พัก จะมีพนักงานคอยดูแลและปฐมพยาบาลบาลเบื้องต้น สำหรับลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาพักในโรงแรมนั้นๆ และถ้านักท่องเที่ยวโดนพิษแมงกระพรุน เจ้าหน้าที่จะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และให้คำแนะนำในการดูแลตามอาการ ดังนี้
1. ล้างพิษตรงผิวหนังที่โดนพิษด้วยน้ำทะเลโดยด่วน (หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจืด เพราะน้ำจืดจะไปช่วยกระตุ้นพิษให้กระจายมากขึ้น) รีดเซลล์ของแมงกระพรุนด้วยของมีคมบางๆ เท่าที่หาได้ เช่น นักท่องเที่ยวอาจจะมีบัตรเครดิต ให้ใช้คมของบัตรนั้นรีดพิษออก ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านใช้ทรายขาวๆ สะอาดถูกเบาๆ แต่สมัยนี้จะหาทรายขาว สะอาดๆ หายาก 2. ใช้ผักบุ้งทะเลขยี้กับน้ำส้มสายชูความเข้มข้น 5% แล้วประคบผิวหนังบริเวณที่โดนพิษ ห่อด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้ ประมาณ 30-60นาที ขึ้นอยู่กับว่าอาการปวดแสบปวดร้อนจะค่อยๆ หายไปหรือไม่ ถ้าโดนพิษแมงกะพรุนที่ไม่รุนแรงมาก อาการปวดแสบปวดร้อนก็จะลดลง เหลือแค่อาการคันๆ และร่องรอยของจุดที่โดนเซลล์ของแมงกะพรุนต่อย 3. ผู้ที่โดนพิษแมงกะพรุนอาจจะมีอาการแพ้พิษ ทำให้เป็นไข้หรืออาเจียน หรือเกิดอาการอื่นๆ ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน เช่น ผู้ที่โดนพิษแมงกะพรุนที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาจะมีอาการที่เป็นผื่นรุนแรง และปวดแสบปวดร้อนมากกว่าคนไทย ซึ่งปกติแล้วผู้ป่วยที่โดนพิษแมงกะพรุนชนิดที่ไม่รุนแรง ก็จะหายจากอาการปวดแสบปวดร้อนและผื่นแดง หลังจากล้างพิษด้วยผักบุ้งทะเลขยี้กับน้ำส้มสายชูประมาณ 30-60 นาที หลังจากนั้นจะมีอาการแพ้พิษอื่นๆ ให้รักษาตามอาการและจะหายภายใน 2-3 วัน แต่ยังคงเหลือร่องรอยของการโดนพิษซึ่งจะปรากฎให้เห็นอยู่เป็นเดือน ถ้าเจอกับแมงกระพรุนไฟ หรือแมงกระพรุนชนิดร้ายแรง ก็จะกลายไปเป็นแผลเป็นไปในที่สุด 4. สำหรับผู้ป่วยที่โดนพิษแมงกะพรุนไฟ (Portuguese man-of-war) ซึ่งจะมีความรุนแรงมาก โดนพิษครั้งแรกจะปวดแสบปวดร้อน และผิวหนังที่โดนจะเป็นรอยไหม้ และเป็นแผลเรื้อรัง จนอาจจะเป็นแผลเป็นได้ ต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
ผู้ที่โดนพิษแมงกะพรุน เมื่อรู้สึกตัวว่าโดนพิษแมงกะพรุนควรจะขึ้นจากน้ำทะเลโดยเร็ว จะเกิดรอยผื่น บวมแดงและเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ดังภาพ
นำใบผักบุ้งทะเลที่เกิดใกล้ริมหาดทรายมาขยี้กับน้ำส้มสายชู 5%
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยนำใบผักบุ้งทะเลขยี้กับน้ำส้มสายชูแล้ว มาประคบผิวหนังบริเวณโดนพิษไว้ และห่อด้วยผ้าขาวบาง ทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับอาการปวดแสบปวดร้อนจะบรรเทาลง ทิ้งไว้รอให้อาการปวดแสบปวดร้อนคลายลงและดูอาการแพ้พิษอื่นๆ และรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น
ป้ายเตือนภัยต่างๆ ริมหาดทราย ที่นักท่องเที่ยวชอบเล่นน้ำทะเล ภาพ "ป้ายเตือนภัย" จาก ริมหาดทราย โรงแรมโนโวเทล ริมเพ จ.ระยอง
จากประสบการณ์ดังกล่าว อาจจะเป็นอุทาหรณ์ช่วยเตือนภัย สำหรับคนที่ชอบเที่ยวทะเลในฤดูฝน หรือต้องการที่จะไปเที่ยวทะเลในช่วงฤดูนี้ ขอให้สังเกตุและระวังอันตรายจากการเล่นน้ำทะเลหลังฝนตกใหม่ๆ โดยส่วนมากแล้ว ที่พักเขาจะมีป้ายเตือนระวังอันตรายจากภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยจากธรรมชาติ คลื่นทะเลแรง หรือสัตว์ทะเลที่มีพิษ ฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงขยายพันธุ์ของแมงกะพรุน เขาจะลอยตัวมากับคลื่นทะเลกระทบฝั่งจะมีมากตามชายฝั่งทะเล และโดยธรรมชาติแล้วชายฝั่งทะเลไหน มีแมงกะพรุนมาก ธรรมชาติก็จะให้ผักบุ้งทะเลเกิดบริเวณใกล้ๆ ริมหาดทรายเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของชาวบ้านคนที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเลนั้น ได้ถ่ายทอดความรู้นี้ และถ้าคุณบังเอิญโชคร้ายโดนพิษแมงกะพรุนขึ้นมา ขอให้รู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะเกิดอาการที่ร้ายแรงยากที่จะเยียวยารักษา
ที่มาข้อมูล : //www.motherandcare.in.th //www.lib.ru.ac.th
สารบัญแม่และเด็ก
Create Date : 22 พฤษภาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 21:22:14 น. |
Counter : 1084 Pageviews. |
|
|
|