All Blog
"เกษตรฯ"จับปุ๋ยเถื่อนอายัดของกลางกว่าล้านบาท
"เกษตรฯ"ผนึกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปคบ.จับปุ๋ยเถื่อนคารถพร้อมขยายบุกโรงงานอายัดของกลางกว่าล้านบาท

นายอนันต์  อักษรศรี  รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า  ได้รับรายงานด่วนจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท  และสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ว่า ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค  (กก.๒ บก. ปคบ.) 
 
สนธิกำลังกันปฏิบัติการล่อซื้อปุ๋ยเคมีที่ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีว่ามีบริษัทซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.โพธ์แทน อ.องครักษ์ จ.นครนายก ลักลอบจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีโดยเป็นการกลับกระสอบถุงปุ๋ยและบรรจุเพื่อนำมาขายให้เกษตรกร   

หลังสืบทราบเจ้าหน้าที่จึงวางแผนและติดต่อล่อซื้อผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีดังกล่าวจำนวน 100 กระสอบ  และปุ๋ยเคมีธาตุอาหารรอง  ธาตุอาหารเสริม จำนวน 3 กระสอบ  โดยนัดส่งมอบและจ่ายเงินค่าสินค้าที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่งบริเวณ ต.ลำไทร  อ.ลำลูกกา  จ.ปทุมธานี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ภายหลังจากที่ได้มีการสั่งซื้อและนัดหมายสถานที่และเวลาในการส่งมอบสินค้าดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน  โดยส่วนหนึ่งได้เดินทางไปซุ่มดูบริเวณบริษัทซึ่งเป็นแหล่งผลิตตามที่ได้รับแจ้งพบรถยนต์จำนวน 2 คันบรรทุกปุ๋ยเคมีออกมาจากบริษัทมุ่งหน้าไปยังจุดนัดหมายที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จ.ปทุมธานี  ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีก 1 ชุดรอรับสินค้า

 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนและแจ้งความประสงค์เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าที่บรรทุกมาภายในรถยนต์  ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวพบดังกล่าวมีโรงงานผลิตอยู่ที่ จ.นครนายก   เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลไปตรวจค้นโรงงานผลิตปุ๋ยดังกล่าว  
 
จากการเข้าตรวจสอบพบ ปุ๋ยเคมีบรรจุในกระสอบพลาสติกสานกลับด้าน  ขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 995 กระสอบ  ปุ๋ยเคมีสูตร 13-3-5 บรรจุในกระสอบพลาสติกสานขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 200 กระสอบ  และปุ๋ยเคมีสูตร 13-3-10 บรรจุในกระสอบพลาสติกสานขนาดบรรจุ 50 กิโลกรัม จำนวน 556 กระสอบ 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวจพบต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายมีปริมาณมากจำนวน 92.40 ตัน  ซึ่งยากต่อการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษา  เจ้าพนักงานจึงได้ร่วมกันตรวจยึด อายัด ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่ตรวจพบไว้ที่สถานที่ผลิต  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรได้เก็บตัวอย่างปุ๋ยเคมีเพื่อนำมาตรวจสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป  ทั้งนี้ความผิดในเบื้องต้นจากการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติปุ๋ยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท 

สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่กรมวิชาการเกษตรต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนและเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19   ซึ่งหากปล่อยให้ปุ๋ยเคมีปลอมและไม่ได้มาตรฐานหลุดรอดไปสู่เกษตรกรจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าถึง 1,611,170 บาท  
 
ขอความร่วมมือให้เกษตรกรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ทราบเพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป   โดยสามารถแจ้งได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 0-2940-5434
 
 
 
 

 



Create Date : 07 กรกฎาคม 2564
Last Update : 7 กรกฎาคม 2564 21:07:54 น.
Counter : 563 Pageviews.

0 comment
“เฉลิมชัย”ขับเคลื่อนสมุนไพรแก้ปัญหาโควิด-19
“เฉลิมชัย”ขับเคลื่อนสมุนไพรแก้ปัญหาโควิด-19  จับมือกระทรวงสาธารณสุขและสภาการแพทย์แผนไทยระดม6พันคลีนิคเปิดฮอตไลน์สายด่วนใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยร่วมรักษาผู้ป่วยคิกออฟ”เพชรบุรีโมเดล”เดินหน้าการแพทย์ทางร่วม 3 แนวทาง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ"โควิด-19"ระลอกใหม่ที่รุนแรงมากขึ้นนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้เร่งส่งเสริมพืชสมุนไพรและตำรับยาไทยเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยผนึกความร่วมมือกับสภาการแพทย์แผนไทยและกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขเพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วน

ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าพร้อมดำเนินแนวทางการแพทย์ทางร่วมระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทยโดยใช้สมุนไพรและตำรับยาไทยควบคู่กับยาแผนปัจจุบันซึ่งมี3แนวทางในการขับเคลื่อน

 
1.แนวทางการป้องกันการติดเชื้อโดยใช้เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย 2.แนวทางการรักษาผู้ป่วยด้วยยาแผนปัจจุบัน เครื่องยาสมุนไพรและตำรับยาไทย 3.แนวทางการฟื้นฟูผู้ป่ายหลังการรักษาโดยเฉพาะกรณีLong COVID Syndrome 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ในการประชุมร่วมกันในครั้งนี้สภาการแพทย์แผนไทยแจ้งว่าปัจจุบันมีคลีนิคแพทย์แผนไทย 6,000 คลินิคและแพทย์แผนไทยกว่า 30,000 คนรวมทั้งศูนย์ฮ็อทไลน์แพทย์แผนไทยที่มีอยู่ทุกภาคและยังมีคลีนิคจิตอาสาแพทย์แผนไทยอีก 60 แห่งและคลังยาสมุนไพรและตำรับยาไทยของสภาการแพทย์แผนไทยที่พร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็ม
 
โดยในที่ขณะที่รองอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยแจ้งว่ากระทรวงสาธารสุขมีแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งและมีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามเช่นที่กรุงเทพ นครปฐมและเพชรบุรี
 
เริ่มทดสอบแนวทางการแพทย์ทางร่วมที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรีซึ่งมีความพร้อมมากที่สุดเป็นแห่งแรกตามข้อเสนอของพอ.นายแพทย์พงศพศักดิ์ ตั้งคณาโดยให้มีการจัดกลุ่มผู้ป่วยตามกลุ่มยาและให้ตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการบำบัดรักษาเพื่อวัดผลลัพธ์หากได้ผลดีจะขยายผลต่อไป

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมาตนได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สาธารณสุขจังหวัด ทีมแพทย์แผนไทยเพชรบุรี พ.อ.นายแพทย์ พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณาโดยนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีเห็นด้วยและพร้อมดำเนินการในการรักษาผู้ป่วยตามแนวทางการแพทย์ทางร่วม 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
โดยในส่วนสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีพร้อมดำเนินการทันทีที่มีคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุขให้สามารถดำเนินการทดสอบดังกล่าวโดย พ.อ.นายแพทย์พงศ์ศักดิ์แจ้งว่าพร้อมร่วมดำเนินการทดสอบและจะเป็นผู้สนับสนุนเครื่องยาและตำรับยาไทยเช่นฟ้าทะลายโจร กระชาย เบญจโลกวิเขียร(5ราก) จันทน์ลีลาเป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยอย่างเป็นระบบต่อไป

สำหรับการขับเคลื่อนในครั้งนี้ในส่วนกระทรวงเกษตรมีการดำเนินการสนับสนุนและส่งเสริมสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.และนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการฯ
 
ขับเคลื่อนนโยบายผ่านแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทยประกอบด้วย 5 ด้านคือ 1.ด้านยุทธศาสตร์สมุนไพรแห่งชาติ 2 .ด้านการวิจัยและนวัตกรรมสมุนไพร 3 .ด้านวัตถุดิบสมุนไพร 4 .ด้านส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร และ 5 .ด้านส่งเสริมภาพลักษณ์และการตลาดสมุนไพร  

กระทรวงเกษตรฯมีบทบาทหน้าที่ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การส่งเสริมผลิตผลของสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้สนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร 64,917 ไร่ จำนวน 80 ชนิด แบ่งเป็น พื้นที่ที่มาตรฐาน GAP จำนวน 54,755 ไร่  พื้นที่ที่มาตรฐาน Organic Thailand จำนวน 13,162 ไร่  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พร้อมทั้งจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 60 กลุ่มและมีการจัดทำมาตรฐานสินค้า GAP และมาตรฐานพืชสมุนไพรตามกลุ่มของส่วนที่ใช้ของพืช จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1หัว เหง้า และราก ฉบับที่ 2ใบ ส่วนเหนือดิน และทั้งต้น ฉบับที่  3ดอก พืช สมุนไพรแห้ง  ฉบับที่ 4 ผลและเมล็ด และฉบับที่ 5 เปลือกและเนื้อไม้รวมทั้งยังมีการพัฒนาบุคคลากรเพื่อตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพร 
 
รวมทั้งแผนดำเนินการปรับปรุงห้องปฏิบัติการที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 17025 เพื่อให้บริการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบมาตรฐาน GAP หรือมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และได้จัดทำแผนที่ความเหมาะสมของที่ดินสำหรับปลูกพืชสมุนไพร (Land Suitability) จำนวน  24 ชนิด เช่นฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน ไพล บัวบก กระชายดำ กระชายเหลือง 
 
กระวาน ข่า ขิง คำฝอย ตะไคร้ บุก พริกไทย ว่านชักมดลูก กระเจี๊ยบแดง เก๊กฮวย ดีปลี บอระเพ็ด พญายอ เพชรสังฆาต มะระขี้นก มะลิ มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อให้มีฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกสมุนไพรที่ชัดเจนสามารถส่งเสริมเกษตรกรได้ด้วย
 
 
 

 
 
 



Create Date : 07 กรกฎาคม 2564
Last Update : 7 กรกฎาคม 2564 20:00:49 น.
Counter : 435 Pageviews.

0 comment
โควิด-19 ชะลอความต้องการมะพร้าวครึ่งปีแรก
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวถึงสถานการณ์การผลิตและความต้องการใช้มะพร้าวของไทย ปี 2564 (ข้อมูลพยากรณ์ ณ เดือนมีนาคม 2564) ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีผลผลิตมะพร้าวรวม 0.876 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีผลผลิต 0.827 ล้านตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 6) 
 
โดยผลผลิตปีนี้ ทยอยออกสู่ตลาดมาตั้งแต่เดือนมกราคม และจะออกมากไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2564 คิดเป็นปริมาณรวม 0.644 ล้านตัน (ร้อยละ 73 ของผลผลิตทั้งประเทศ) ในขณะที่ความต้องการใช้ยังคงทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ประมาณ 1.269 ล้านตัน จึงคาดว่า ในปีนี้จะมีการนำเข้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์ 0.418 ล้านตัน 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ความต้องการใช้ในช่วงครึ่งปีแรกยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้มีแนวโน้มลดลง โดยพบว่า ราคามะพร้าวที่เกษตรกรขายได้ในเดือนมิถุนายน 2564 เฉลี่ย 10.67 บาท/ผล ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาผลละ 12.98 บาท หรือลดลงร้อยละ 18

สำหรับการบริหารจัดการนำเข้ามะพร้าว คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ได้มีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 เห็นชอบการกำหนดช่วงเวลานำเข้ามะพร้าวผลตามกรอบความตกลง AFTA ปี 2564 ในช่วงที่ 1 เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ และ ช่วงที่ 2 เดือนกันยายน - ธันวาคม (รวม 6 เดือน) 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เพื่อให้สัดส่วนการนำเข้าและการรับซื้อผลผลิตในประเทศมีความสมดุลกับปริมาณผลผลิต และไม่กระทบต่อราคามะพร้าวผลที่เกษตรกรขายได้ ซึ่งต่อมา คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ได้มีการพิจารณาช่วงเวลานำเข้ามะพร้าวผลตามกรอบความตกลง AFTA ปี 2564 
 
ช่วงที่ 2 คือ ช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2564 โดยจะใช้ผลการรับซื้อผลผลิตมะพร้าวในประเทศของผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าว ในช่วงเดือนมกราคม - สิงหาคม 2564 มาประกอบการพิจารณาจัดสรรปริมาณนำเข้า
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ผู้ประกอบการแปรรูปมะพร้าวที่มีความต้องการนำเข้ามะพร้าว ภายใต้ความตกลง AFTA ช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2564 ควรรับซื้อผลผลิตมะพร้าวในประเทศให้มากขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านราคาและปริมาณผลผลิตที่ออกสู่ตลาดกระจุกตัวในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 
 
ผู้ประกอบการต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ พร้อมทั้ง ขอให้จัดส่งเอกสารเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา มายัง สศก. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว ภายในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ท่านสามารถ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร โทร 0 2579 0611 ได้ตลอดในวันและเวลาราชการ
 
 
 

 
 
 



Create Date : 05 กรกฎาคม 2564
Last Update : 5 กรกฎาคม 2564 20:51:21 น.
Counter : 383 Pageviews.

0 comment
ห้ามเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่น 13 ชนิด
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่พันธุ์ ของสัตว์น้ำต่างถิ่น หรือเอเลียนสปีชีส์ ยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีปลาหมอสีคางดำที่หลุดรอดเข้าบ่อเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา  ได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำพื้นถิ่นเป็นอย่างมาก

เพื่อแก้ไขปัญหาล่าสุดกรมประมงได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่อง กรมประมงโดยอาศัยความตามมาตรา 65 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2560 ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันทึ่ 16 สิงหาคม 2564 นี้
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ ซึ่งประกอบสัตว์น้ำด้วย 13 ชนิดได้แก่ปลาหมอสีคางดำ ปลาหมอมายัน  ปลาหมอบัตเตอร์  ปลาทุกชนิดในสกุล Cichlaและปลาลูกผสม  ปลาเทราท์สายรุ้ง ปลาเทราท์สีน้ำตาล ปลากะพงปากกว้าง  ปลาโกไลแอทไทเกอร์ฟิช  ปลาเก๋าหยก  ปลาที่มีการดัดแปลงหรือตัดแต่งพันธุกรรม GMO LMO  ปูขนจีน  ปลาเก๋าหยก  หมึกสายวงน้ำเงินทุกชนิดในสกุล Hapalochlaena

สำหรับประกาศฉบับดังกล่าวฯ มีแนวทางการปฏิบัติคือ1. กรณีที่เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกลุ่มเหล่านี้ ต้องดำเนินการขอใบอนุญาตตามประกาศกรมประมง ภายใน 30 วันหลังจากประกาศฯ มีผลบังคับใช้และเมื่อไม่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่นกลุ่มดังกล่าวแล้วให้รีบนำสัตว์น้ำส่งมอบให้สำนักงานประมงจังหวัด หรือ หน่วยงานกรมประมงอื่นๆในพื้นที่โดยด่วน
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
2. กรณีที่ประชาชนทำการประมงแล้วได้สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ประชาชนสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้สัตว์น้ำตายก่อนนำไปจำหน่าย

3. กรณีที่สัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดนี้จากธรรมชาติได้หลุดรอดเข้าในบ่อเพาะเลี้ยงของเกษตรกรโดยไม่เจตนาเกษตรกรสามารถนำไปบริโภคหรือจำหน่ายได้ แต่ต้องทำให้ปลาตายก่อนนำไปจำหน่าย4. กรณีส่วนราชการ สถาบันการศึกษา หรือกรณีจำเป็นอื่นใดที่ต้องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิดไว้เพื่อศึกษาวิจัยและประโยชน์ทางราชการให้แจ้งขออนุญาตกรมประมงก่อน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
5. ห้ามผู้ใดปล่อยสัตว์น้ำทั้ง 13 ชนิด ลงในแหล่งน้ำธรรมชาติโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 144 แห่ง พรก.การประมง 2558  บทลงโทษหากพบผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 64 หรือมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระวางโทษตามมาตรา 144 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง นำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตามการออกประกาศฉบับดังกล่าวถือเป็นอีกแนวทางที่จะช่วยลดปัญหาสัตว์น้ำต่างถิ่นที่หลุดรอดเข้ามาแพร่พันธุ์และสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรไทย  หากท่านเลี้ยงสัตว์น้ำต่างถิ่น (สัตว์น้ำจากต่างประเทศ) และไม่ต้องการที่จะเลี้ยงอีกต่อไปแล้ว อย่านำไปปล่อยลงในแหล่งน้ำสาธารณะ 
 
ขอให้นำสัตว์น้ำเหล่านั้นมามอบให้กับทางกรมประมง หรือสำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ใกล้บ้านให้รับไปดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์น้ำต่างถิ่นเกิดการหลุดรอดลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำของประเทศในระยะยาว
 
 
 
 



Create Date : 02 กรกฎาคม 2564
Last Update : 2 กรกฎาคม 2564 17:21:11 น.
Counter : 653 Pageviews.

0 comment
ครม.เห็นชอบกรมประมงออก Seabook แรงงานต่างด้าว
ครม.เห็นชอบกรมประมงออก Seabook แรงงานต่างด้าว ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เป็นกรณีพิเศษในสถานการณ์ COVID-19

นายมีศักดิ์  ภักดีคง  อธิบดีกรมประมง  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ได้มีมติเห็นชอบตามแนวทางการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยให้ กรมประมงใช้อำนาจตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต่ออายุหนังสือคนประจำเรือ (Seabook เล่มเหลือง) ให้กับแรงงานต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ออกไปอีก 1 ปี นับแต่วันที่หนังสือคนประจำเรือเดิมสิ้นอายุ 
 
โดยก่อนหน้านี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมประมงดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 นี้ กรมประมงจะได้มีการจัดประชุมร่วมกับสำนักงานประมงจังหวัดชายทะเล สมาคมการประมงชายทะเลในพื้นที่ทั้ง 22 จังหวัด และสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อเร่งดำเนินการต่ออายุหนังสือคนประจำเรือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

สำหรับแรงงานต่างด้าวที่จะขอต่ออายุหนังสือคนประจำเรือ (Seabook เล่มเหลือง) จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ 1) ต้องเป็นคนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2563  

 
​​2) เจ้าของเรือได้จัดทำหนังสือสัญญาจ้างตามแบบที่กำหนดในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน    ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการฯ ได้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของสัญญาจ้างและลงลายมือชื่อกำกับไว้ 
 
​​3) คนต่างด้าวต้องมีใบรับรองการตรวจสุขภาพซึ่งครอบคลุมถึงการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และการประกันสุขภาพมีอายุคุ้มครองอย่างน้อยหนึ่งปี ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
​​4) คนต่างด้าวจะต้องยื่นคำขอจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือสถานที่อื่นที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด ภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบรับคำขอต่ออายุหนังสือคนประจำเรือจากกรมประมง ซึ่งการต่ออายุหนังสือคนประจำเรือ กรณีพิเศษ (Seabook เล่มเหลือง) ที่ได้รับการต่ออายุในครั้งนี้ จะมีอายุ 1 ปี เท่านั้น 

ก่อนหน้านี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก่อให้เกิดปัญหาต่อแรงงานต่างด้าวที่มีหนังสือคนประจำเรือหมดอายุ ส่งผลกระทบต่อเจ้าของเรือประมงที่มีความจำเป็นที่ต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการทำการประมงเป็นอย่างมาก พลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ  ได้มีนโยบายให้ช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่หนังสือคนประจำเรือหมดอายุเป็นการเร่งด่วน 
 
โดยได้มีการประสานการทำงานร่วมกับ นายเฉลิมชัย  ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลักดันเสนอแนวทางการช่วยเหลือปัญหาแรงงานในภาคการประมงเข้าสู่ที่ประชุมคณะทำงานชุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน และมอบหมายให้กรมประมงดำเนินการชี้แจงทุกขั้นตอน
 
เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงให้เกิดผลอย่างชัดเจนเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ที่หนังสือคนประจำเรือได้ทยอยหมดอายุลงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา และมีการรดำเนินการตามขึ้นตอนจน ครม.มีมติเห็นชอบในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
 
 
 
 
 
 
 
 



Create Date : 30 มิถุนายน 2564
Last Update : 30 มิถุนายน 2564 16:57:07 น.
Counter : 420 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments