All Blog
ก้าวใหญ่ “กัญชา” สภาเกษตรฯ ดันต่อถึงมือเกษตรกร
นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเข้าติดตามความก้าวหน้าโครงการศึกษารูปแบบการปลูกกัญชาในระบบแปลงเปิด ณ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ว่า ช่วงเวลาปีกว่า ๆ ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆเกี่ยวกับพืชสมุนไพร “กัญชา” เช่น  ปรับปรุงกฎหมาย ยกเลิกข้อห้ามต่างๆซึ่งตามขั้นตอนของภาคราชการต้องใช้เวลามาก 
 
วันนี้เราสามารถปลดล็อกให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของต้นกัญชายกเว้นดอก ซึ่งถือว่าเราเดินมาไกลพอสมควร และขั้นตอนต่อไปคือหาวิธีการให้เกษตรกร ประชาชน ผู้ที่ประสงค์ทำเป็นการเกษตร อุตสาหกรรม ขออนุญาตปลูก ประกอบการได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว  แต่ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนว่าเราเดินมาถูกทิศทาง  
 
"ได้รับรู้ว่าประโยชน์ของกัญชาคืออะไร โอกาสในการสร้างรายได้ พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เศรษฐกิจของประเทศไทย รายได้ของเกษตรกรเพิ่มมากขึ้นใคร่ ขอให้ใช้ตามกฎหมายทุกประการ  เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย  และเพื่อต้องการให้ประชาชนและเกษตรกรได้เข้าถึงพืชสมุนไพรกัญชา"  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“หลักง่ายๆตอนนี้คือเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน แล้วร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยปลูกพืชสมุนไพรกัญชาที่บ้านคนละ 6 ต้น แล้วนำผลผลิตขายให้ รพ.สต. จากนั้น รพ.สต.นำไปจำหน่าย รากทุกเส้น ลำต้น ใบทุกใบ ต้องรู้ที่มาที่ไปเพราะเหล่านี้คือการควบคุม โดย อย.จะจัดการเรื่องใบอนุญาตอย่างรวดเร็วให้ อีกหน่อยอาหารบนโต๊ะจะมีใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ”  นายอนุทิน  กล่าว 

นายประพัฒน์  ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องการผลักดันสิ่งใหม่ๆกระแสต้านและคนไม่เข้าใจพืชสมุนไพร “กัญชา” มีเยอะโดยเฉพาะภาคราชการ หลายคนหลายฝ่ายรู้สึกงุ่มง่ามล่าช้า แต่นับจากขวบปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการขับเคลื่อนและพัฒนาไปก้าวใหญ่มาก จากที่สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ผลักดันแก้ไขกฎหมายให้มีบทเฉพาะกาลขึ้นทะเบียนผู้ป่วย สามารถแจ้งนิรโทษกรรม จนมาถึงการใบ ต้น ราก ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ 
 
วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ได้ทำการปลูกนำร่องสมุนไพร “กัญชา” 2 รอบ พร้อมกับเก็บเป็นงานวิจัย โดยการปลูกรอบแรกปลูกแบบในโรงเรือนและนอกโรงเรือน ส่วนรอบที่ 2 ปลูกแบบนอกโรงเรือนอย่างเดียวเพราะมั่นใจว่ากัญชาสายพันธุ์ไทยหรือลูกผสมสามารถจะงอกงามได้อย่างดีในพื้นที่ธรรมชาติของประเทศไทยหากปลูกถูกต้องตามฤดูกาล 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ทุกคนเห็นเป็นที่ประจักษ์และเชื่อมั่นว่าจะทำให้เกิดการปรับตัวตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในการอนุญาตให้ปลูกนอกโรงเรือนได้มากขึ้น ซึ่งต้นทุนจะต่ำมาก  นอกจากนั้น สภาเกษตรกรแห่งชาติยังได้ร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการวิจัยเรื่องต้นทุนการผลิต สายพันธุ์ทั้งจากภาคเหนือและภาคอีสาน การเจริญเติบโต ผลผลิต การใช้น้ำ การให้ปุ๋ย เปรียบเทียบความแตกต่าง เป็นต้น 

"จนท.เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ อย.กับส่วนงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในระหว่างการจัดทำระเบียบหรือซักซ้อมเรื่องวิธีการปฏิบัติเพราะหลายฝ่ายสับสนมาก ถามไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก็ยังงงอยู่ว่าจะปฏิบัติอย่างไรในกรณีที่ชาวบ้านมีความตั้งใจที่จะขอปลูกพืชสมุนไพรกัญชาตอนนี้ คุยกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  ท่านได้สั่งการไปที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าช่วยดูระเบียบในการขอปลูกว่าจะทำอย่างไรให้คล่องตัว" 
 
ต้องอดใจรอกันต่อว่าจะปฏิบัติหรือมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง  ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่รับฟังเรา  และที่ผ่านมาจากการปลูกนำร่องสมุนไพร “กัญชา” ทั้ง 2 รอบ นั้น วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา จ.ลำปาง ปลูกเพื่อเป็นการนำร่องและเก็บเป็นงานวิจัย 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ผลผลิตวัตถุดิบทั้งหมดส่งมอบยังกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกนำไปปรุงยาไทยแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่าทั้งสิ้น ทำให้ไม่มีรายได้จุนเจือกิจการ จึงนำเรื่องปรึกษาเลขาธิการ อย. ขอทำเป็นการท่องเที่ยวเพื่อรายได้เสริมได้หรือไม่ ท่านบอกทำได้ จึงจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว แต่ด้วยสถานการณ์ covid-19 จึงรองรับนักท่องเที่ยวได้เฉพาะใน จ.ลำปาง เท่านั้น หากสถานการณ์ covid-19 เบาบางลงค่อยปรับโปรแกรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวพื้นที่อื่นต่อไป
 
 
 
 
 


                      



Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2564
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2564 18:58:31 น.
Counter : 558 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments