"กรมชลฯ"แปลงสภาพผักตบชวาเป็นปุ๋ยอินทรีย์
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการแปลงสภาพผักตบชวาเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (พลังง้วนดิน) ในเขตสำนักงานชลประทานที่ 12 โดยมีอาจารย์เสถียร ทองสวัสดิ์ ประธานศูนย์เรียนรู้เครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นวิทยากรในโครงการฝึกอบรมครั้งนี้ ณ ศูนย์เรียนรู้และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว สำนักงานชลประทานที่ 12 จังหวัดชัยนาท นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ผักตบชวา นับเป็นวัชพืชที่มีการแพร่พันธ์ุและเติมโตได้อย่างรวดเร็วในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัญหาและอุปสรรคในการระบายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท พื้นที่รับน้ำจากทางตอนบนของประเทศแห่งสุดท้ายก่อนปล่อยน้ำให้ไหลลงสู่ทะเล ด้วยเหตุนี้เองในแต่ละปีมักจะพบผักตบชวาและวัชพืชสะสมบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ประมาณ 80,000 - 100,000 ตันต่อปี ทั้งนี้กรมชลประทาน จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการแปลงสภาพผักตบชวาเป็นปุ๋ยอินทรีย์ (พลังง้วนดิน) ในเขตสำนักงานชลประทานที่ 12 จำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นที่ 1 จัดขึ้นในวันเสาร์ ที่ 26 กันยายน 2563 บริเวณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเจ้าพระยา รุ่นที่ 2 จัดขึ้นในวันอาทิตย์ ที่ 27 กันยายน 2563 บริเวณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาสามชุก และรุ่นที่ 3 จัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 28 กันยายน 2563 บริเวณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายางมณี มีผู้เข้าร่วมอบรมรุ่นละ 50 คน สำหรับเทคโนโลยีเกษตรสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน (พลังง้วนดิน) จะใช้สิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น พืชผัก ปุ๋ยคอก ดินโคลน รำอ่อน ฯลฯ เรียกรวมว่า “สรรพสิ่ง” เพราะเป็นวัสดุที่หาได้รอบตัว แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าหรือเศษของเหลือจากการเกษตร นำมาใช้ผสมตามสูตรที่คิดค้นขึ้น เพื่อใช้ในการเกษตรตั้งแต่การนำมาปรับปรุงดิน บำบัดน้ำ เป็นปุ๋ย เป็นอาหารสัตว์ ดูดอากาศพิษ ไล่แมลง แล้วแต่การผสมสูตรซึ่งการทำเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโน หรือ ง้วนดิน เป็นการนำเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผสมกัน แล้วนำไปหมักให้เกิดจุลินทรีย์และแพลงตอนที่เป็นประโยชน์ต่อดิน พืช และสัตว์ ลดต้นทุนของเกษตรกรได้มากกว่า 80% ในพื้นที่เท่าๆ กัน เกษตรกรที่ใช้เกษตรสรรพสิ่งอะตอมมิคนาโนจะมีต้นทุนต่ำกว่า และมีรายได้ที่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด