All Blog
"กรมชลฯ"ย้ำบุรีรัมย์มีน้ำใช้ไม่ขาดแคลน
กรมชลประทาน ยืนยันเมืองบุรีรัมย์ มีน้ำประปาใช้เพียงพอจนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝน หลังมีรายงานข่าวจังหวัดบุรีรัมย์ วิกฤติอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง ผลิตประปาเหลือน้ำอยู่เพียง 70,000 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) 

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบัน (5 พ.ค. 63) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการผลิตประปาของเมืองบุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 73,000 ลบ.ม.



 



 
กรมชลประทาน ได้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำจังหันและอ่างเก็บน้ำลำปะเทีย ลงสู่ลำปลายมาศ เพื่อส่งไปเติมให้กับอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากและอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 63 และได้เริ่มสูบน้ำที่โรงสูบน้ำลำปลายมาศ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 63
 
จนถึงขณะนี้น้ำได้ทยอยเดินทางมาถึงอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากแล้ว ในปริมาณ 1-2 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งจะสามารถใช้ในการผลิตประปาได้อีกประมาณ 1 เดือน


 


 
 
นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย ที่การประปาส่วนภูมิภาค อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการก่อสร้างระบบผันน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นเดือน มิ.ย. 63 เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำสำรองสำหรับผลิตน้ำประปาได้อย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ฤดูฝนตกชุก

กรมชลประทาน ขอยืนยันว่าได้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำที่รัดกุมและเต็มประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างไม่ขาดแคลน จึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุดด้วย 



 





 







 



Create Date : 06 พฤษภาคม 2563
Last Update : 6 พฤษภาคม 2563 13:29:13 น.
Counter : 639 Pageviews.

0 comment
คุมเข้ม ! ผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพ
ที่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ. สุพรรณบุรี กรมการข้าว ได้มีการประชุมทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธ์ุข้าวคุณภาพดี ปี 2563  นายประภัตร โพธสุธน รมช. เกษตรฯ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือ ถึงแนวทางในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ

เพื่อส่งเสริมการผลิตข้าวปี2563ว่า ในการประชุมวันนี้ เป็นการทำความเข้าใจกับเกษตกรที่เข้าร่วมโครงการ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพของกรมการข้าว ให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด และเป็นไปตามมาตรฐานการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ของกรมการข้าวอย่างเคร่งครัด

โดยในปี 2563 เกษตรกรไทยทั่วประเทศ มีความต้องการในการที่จะปลูกข้าวโดยรวมกว่า ประมาณ60ล้านไร่ ซึ่งเมล็ดพันธุ์ ไม่มีเพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร โดยรวมทั้งหมด จึงต้องเร่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้เพียงต่อความต้องการของเกษตรกรให้ได้มากที่สุดในอนาคต


 


 
โดยเกษตรกร มีความต้องการเมล็ดพันธุ์ กว่า1 .2 ล้านตัน ที่จะนำมาเป็นเมล็ดพันธ์ุที่ใช้ในการปลูกข้าว ซึ่งขณะนี้เมล็ดพันธ์ุที่เกษตรกรต้องการมากที่สุด คือ เมล็ดพันธ์ุข้าวนิ่ม หรือข้าวหอมปทุม ที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นไปตามความต้องการของตลาดอย่างมาก

อย่างไรก็ตามให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพตามความต้องการ ในการผลิตเมล็ดพันธุ์ ให้ได้คุณภาพ ตนจึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่กรมการข้าวร่วมกับเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธ์ุข้าว ที่เป็นแหล่งผลิต ผลิตเมล็ดพันธ์ุในพื้นที่ภาคกลาง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เป็นเแหล่งผลิตกว่า 2 หมื่นไร่ มาทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการผลิตเมล็ดพันธ์ุข้าวคุณภาพให้กับเกษตรกร พร้อมประกันราคาเมล็ดพันธุ์ข้าว ตันละ11,000บาท ในความชื้นที่ไม่เกินร้อยละ25

โดยการผลิตเมล็ดพันธุ์ครั้งนี้ กรมการข้าวจะจัดหาเมล็ดพันธุ์ทั้งหมด ให้กับกลุ่มเกษตรกร ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อที่จะนำไปปลูกเป็นเมล็ดพันธ์ุ ในการเพาะปลูก โดยหลังการเก็บเกี่ยว จะต้องนำข้าว ทั้งหมด มาจำหน่ายคืนให้กับกรมการข้าว เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการคัดพันธุ์ก่อนจำหน่ายเมล็พันธุ์คุณภาพให้กับเกษตรกรต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการเชิญ กลุ่มเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ การผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร เข้ามาร่วมให้ความรู้กับเกษตรกร เพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าวให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาการทำนาแบบเดิม เป็นต้นทุน ที่ค่อนข้างสูง


 

 

โดยเฉพาะพื้นที่ จ. สุพรรณบุรี มีต้นทุนในการผลิตข้าว มากถึง6,000ต่อไร่ ซึ่งถือว่าสูงมากพอสมควร จึงพยายามที่จะปรับเปลี่ยนการส่งเสริมการผลิตข้าว แบบใหม่ เบื้องต้นภาคเอกชน ยืนยันว่าสามารถผลิตข้าว ด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ที่มีต้นทุนการผลิต ที่ประมาณ 4,000 บาทต่อไร่เท่านั้น

"ตอนนี้กำลังประสานเอกชน เพื่อให้เขามาให้ความรู้ ให้กับเกษตรกร ทั้งหมด ให้มีการส่งเสริมการผลิตข้าว โดยดึงเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการผลิตข้าว โดยใช้ โดรน โดยใช้ปุ๋ยน้ำ ตอนนี้ จะให้เขามาให้ความรู้ ให้พวกด๊อกเตอร์ทั้งหมดระดมความคิดกันวันนี้ เขายืนยัน จะผลิตเมลิตพันธุ์ข้าวต้นทุนต่ำ ที่ไร่ละประมาณไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งจะต้องนำใช้ในการผลิตเพื่อให้เกษตรกร อยู่ได้ด้วย โดยทั้งหมดผมยืนยันว่าขั้นตอนการผลิต จะต้อง มีกรมการข้าว ควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน" นายประภัตรกล่าว

นายประภัตร กล่าว อีกว่า การส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่เกษตรกรจะได้เมล็ดพันธุ์คุณภาพ นำไปปลูกข้าว ให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด และเชื่อว่า หลังผ่านวิกฤตโควิต หากมีการผลิตข้าว จากเมล็ดพันธุ์คุณภาพที่มาจาก กรมการข้าวโดยตรง

เชื่อว่าจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้นอย่างแน่นนอน โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ ในครั้งนี้  นอกจากจะเป็นกลุ่มเกษตรกร ที่เป็นกลุ่มร่วมผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพที่มีการประกันรายได้ที่ชัดเจนแล้ว ยังสามารถได้รับสิทธิ์ ในการกู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำจาก ธนาคาร ธกส. ในโครงการ ล้านละร้อยได้ด้วย


 


 
เนื่องจากมีตลาดรองรับที่ชัดเจน และคาดว่า จะสามารถดำเนินการปลูกข้าวได้ ในช่วงกลางเดือน พฤษภาคม ซึ่งต้องรอกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้ไม่ให้เกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง และคาดว่า กรมชลประทาน คงมีการเตรียมความพร้อมในการส่งเสริม กรณีฝนทิ้งช่วงด้วย

ขณะที่ นายขจรศักดิ์ เราประเสริฐ รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ ในครั้งนี้ ถือเป็นโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยี เข้ามาร่วมในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์นั้น เบื้องต้น มีการส่งเสริมการผลิตนำร่องในพื้นที่ สุพรรณบุรีเป็นหลัก

โดยกรมการข้าว มีหน้าที่ ให้ความรู้และผลิตเมล็ดพันธุ์ทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐาน จากนั้น กรมการข้าวจะทำหน้าที่ ซื้อเมล็ดพันธุ์  จากเกษตร กร ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด เพื่อนำกลับไปเข้าสู่ขั้นตอนปรับปรุงเมล็ดพันธ์ุให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรได้ใช้เมล็ดพันธ์ุ ที่มีคุณภาพ และนำไปส่งเสริมการผลิต ข้าวคุณภาพตามความต้องการของตลาดต่อไป





 




 

 



Create Date : 01 พฤษภาคม 2563
Last Update : 1 พฤษภาคม 2563 19:01:33 น.
Counter : 636 Pageviews.

0 comment
ดันดอกอัญชันไทยเจาะตลาดอินโดนีเซีย
นางสาวเสริมสุข  สลักเพ็ชร์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า  อัญชันจัดเป็น 1 ในพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากมายที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง  เนื่องจากมีสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) เป็นสารสำคัญมากกว่าพืชชนิดอื่นถึง 10 เท่า

มีคุณสมบัติช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์  ลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ  เพิ่มการไหลเวียนของเลือด บำรุงสายตา  ลดระดับน้ำตาลในเลือด  นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในดอกอัญชันยังยังช่วยบำรุงผิวพรรณและชะลอริ้วรอยแห่งวัยได้ด้วย


 


 
ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการส่งออกดอกอัญชันแห้งไปหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลี  มาเลเซีย และออสเตรเลีย โดยเฉพาะออสเตรเลียมีมูลค่าส่งออกสูงถึง ๔,๐๐๐ บาท/กิโลกรัม โดยสถานการณ์การส่งออกดอกอัญชันแห้งล่าสุดกรมวิชาการเกษตรสามารถเปิดตลาดดอกอัญชันแห้งของไทยไปสู่ตลาดประเทศอินโดนีเซียเป็นผลสำเร็จเพิ่มขึ้นอีก 1 ประเทศโดยผู้ประกอบการสามารถส่งออกได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 นี้

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า  กรมวิชาการเกษตรในฐานะเป็นองค์กรอารักขาพืชแห่งชาติ (National Plant Protection Organization) ของประเทศไทย ได้ดำเนินการยื่นขอเปิดตลาดและส่งข้อมูลทางวิชาการประกอบการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชดอกอัญชันแห้งเสนอหน่วยงานกักกันพืช  กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซีย Indonesian Agricultural Quarantine Agency (IAQA) เพื่อพิจารณาเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา


 


 
พร้อมกับได้มีการประสานงานเพื่อติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องจนได้รับหนังสือตอบรับจากหน่วยงานกักกันพืชของอินโดนีเซียเมื่อเร็วๆ นี้ แจ้งว่าการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชของดอกอัญชันแห้งจากประเทศไทยได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว  พร้อมส่งร่างข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชของดอกอัญชันแห้งจากประเทศไทยเสนอกรมวิชาการเกษตรเพื่อพิจารณา ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้มีหนังสือตอบยอมรับข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชฯ แจ้งหน่วยงานกักกันพืชของอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้ว

ผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะส่งออกดอกอัญชันแห้งไปยังอินโดนีเซียจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืช   โดยการส่งออกต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Requirement) ซึ่งออกให้โดยกรมวิชาการเกษตรแนบไปพร้อมกับสินค้า  สินค้าต้องไม่มีการปนเปื้อนแมลงที่มีชีวิต ศัตรูพืชชนิดอื่น ๆ วัชพืช ดิน ราก หรือวัสดุที่สามารถนำพาศัตรูพืชได้ ต้องผ่านการทำความสะอาด อบแห้งด้วยความร้อนในเตาอบที่อุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง และบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่แสดงฉลากเพื่อใช้ในการทวนสอบได้




 
"กรมวิชาการเกษตรได้ยื่นขอเปิดตลาดและส่งข้อมูลทางวิชาการประกอบการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชดอกอัญชันแห้งเสนอหน่วยงานกักกันพืช  กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียพิจารณา  จนประสบผลสำเร็จภายในระยะเวลา 4 เดือนจึงสามารถเปิดตลาดใหม่ให้กับดอกอัญชันแห้งของไทยได้  ผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มวิจัยการกักกันพืช  สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช  กรมวิชาการเกษตร  โทร.0-2561-1680 "อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าว


 



 



Create Date : 01 พฤษภาคม 2563
Last Update : 1 พฤษภาคม 2563 18:18:33 น.
Counter : 1280 Pageviews.

0 comment
วิกฤติโควิคกระทบปางช้างเร่งสำรวจทั่วประเทศขาดแคลนอาหาร
นายสัตวแพทย์ธีระวุฒิ  สุวัธนะเชาว์ ผู้อำนวยการกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ เปิดเผยว่าล่าสุดนายประภัตร​โพธสุธน​  รมช.เกษตรฯได้สั่งการเร่งสำรวจและช่วยเหลือปัญหาช้างขาดอาหารในช่วงเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19”  

โดยจากการตรวตสอบพบว่าในช่วงเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการสำรวจและรวบรวมข้อมูลปัญหาการเลี้ยงช้างในช่วงเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 จากจังหวัดที่มีปางช้างทั้งหมด 22 จังหวัด พบว่ามีปางช้าง 235 ปาง ช้าง 2,459 เชือก แบ่งเป็นปางช้างที่ประสบปัญหาอาหารเลี้ยงช้างไม่พอเพียง 91 ปาง ช้าง 989 เชือก กระจายอยู่ทุกภูมิภาคยกเว้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และปางช้างที่ไม่ประสบปัญหาอาหารเลี้ยงช้างเลย 144 ปาง ช้าง 1,470 เชือก โดยสามารถแบ่งกลุ่มจังหวัดออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 

1. จังหวัดที่ปางช้างไม่มีปัญหาอาหารสำหรับเลี้ยงช้าง 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครราชสีมา สุรินทร์ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เพชรบุรี นครปฐม พังงา และสุราษฎร์ธานี
 
2. จังหวัดที่มีปางช้างบางปางประสบปัญหาอาหารสำหรับเลี้ยงช้างไม่พอเพียง จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี เชียงใหม่ กาญจนบุรี กระบี่ และภูเก็ต 

3. จังหวัดที่มีปางช้างประสบปัญหาอาหารสำหรับเลี้ยงช้างไม่พอเพียงทุกปางทั้งจังหวัด จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ตราด สุโขทัย ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา  



 



 
ทั้งนี้สำหรับสาเหตุปัญหาอาหารเลี้ยงช้างไม่พอเพียงส่วนใหญ่เกิดจากช่วงนี้เป็นฤดูแล้งทำให้แหล่งอาหารขาดแคลน พืชอาหารช้างมีราคาสูงขึ้น การขาดรายได้จากการท่องเที่ยวทำให้ไม่มีเงินทุนดำเนินกิจการและซื้ออาหารเลี้ยงช้าง กรมปศุสัตว์จึงได้ให้คำแนะนำและช่วยเหลือปางช้างที่ขาดแคลนอาหารดังนี้ 

1. แนะนำให้ปางช้างหาแหล่งอาหารจากธรรมชาติในพื้นที่ เช่น การนำช้างไปผูกล่ามไว้ในป่า และให้ควาญช้างเกี่ยวหญ้าในพื้นที่ใกล้เคียงมาให้ช้างกิน และปล่อยช้างลงแม่น้ำหรือแหล่งน้ำ 

2. ใช้วัตถุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่สำหรับเลี้ยงช้าง เช่น เปลือกและกากสับปะรด ฟางข้าว กากมันสำปะหลัง 

3. ย้ายช้างไปปางอื่นหรือจังหวัดอื่นที่มีแหล่งหญ้าอาหารช้างสมบูรณ์ 

4. ประสานขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิ หรือองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ หรือปางช้างอื่น
 
อย่างไรก็ตามเบื้องต้น กรมปศุสัตว์ได้สนับสนุนหญ้าแห้งจากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ใกล้เคียง เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาหารชั่วคราว ส่วน ผู้เลี้ยงช้างที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถสอบถามหรือขอรับความช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหารสัตว์ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพื้นที่





 




 
 



Create Date : 29 เมษายน 2563
Last Update : 29 เมษายน 2563 19:50:10 น.
Counter : 615 Pageviews.

0 comment
สหกรณ์รวมพลังสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด - 19 ขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อการกระจายผลผลิตของสหกรณ์สู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผัก ผลไม้ และสินค้าประมง  

เนื่องจากที่ผ่านมาสหกรณ์จะรวบรวมผลไม้ส่งออกไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศจำนวนมาก แต่ต้องหยุดชะงัก เพราะประเทศคู่ค้าหยุดการสั่งซื้อจากผลกระทบโควิด 19 สินค้าเกษตรหลายชนิดไม่มีตลาดรองรับ ทำให้ผลผลิตล้นตลาดในพื้นที่แหล่งผลิตและราคาตกต่ำ



 



 
กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงขอความร่วมมือไปยังสหกรณ์ในทุกจังหวัดช่วยกันสั่งซื้อสินค้าจากสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เพื่อกระจายสู่ตลาดและผู้บริโภคในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายและช่วยกันประชาสัมพันธ์ทางสื่อออนไลน์ทั้งทางเพจ Facebook และ Line ของสหกรณ์

ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน ที่ผ่านมา สหกรณ์ทั่วประเทศได้สร้างเครือข่ายเพื่อช่วยกันกระจายสินค้าคุณภาพจากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภค เน้นผลผลิตการเกษตรของสมาชิกที่สหกรณ์รวบรวมและช่วยหาตลาด อาทิ ผลไม้ เกลือ ปลากะพง ปลานิล ปลาทับทิม ปลากดคัง กุ้งขาว  แวนนาไมและกุ้งก้ามกราม



 



 
เบื้องต้นสามารถรวบรวมและกระจายสินค้าการเกษตรในช่วง 2เดือน มูลค่า 14.963 ล้านบาท อาทิ มะม่วง ลำไยลิ้นจี่ เงาะ รวม 133.142 ตัน มูลค่า 4.119 ล้านบาท เกลือทะเลกระจายไปยังสหกรณ์ปลายทาง 71 จังหวัด จำนวน 1,150 ตัน มูลค่า6.325 ล้านบาท ยังมีสินค้าประมง ได้แก่ ปลากะพง ปลานิล ปลาทับทิมอีก 2.305 ตัน มูลค่า 0.279 ล้านบาท กุ้งแวนนาไมและกุ้งก้ามกราม 21.202 ตันมูลค่า 4.240 ล้านบาท

รมช.เกษตรฯกล่าวว่า กรณีผลกระทบโควิด19 ได้มองเห็นปัญหาตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดจึงได้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติงบกลาง เพื่อสนับสนุนการกระจายผลไม้ของสถาบันเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคไวรัส โควิด - 19 วงเงิน 45,037,200 บาท



 



 
ขณะนี้กล่าวได้ว่าทุกอย่างพร้อมช่วยเหลือสหกรณ์เต็มที่ โดยจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการกระจายผลไม้ออกนอกพื้นที่ให้กับสหกรณ์ชาวสวนผลไม้ซึ่งอยู่ต้นทางแหล่งผลิต 90 แห่ง ใน 31 จังหวัด แบ่งเป็นค่าบริหารจัดการกิโลกรัมละ 1 บาท รวม 11,700,000 บาท และชดเชยค่าขนส่งให้กิโลกรัมละ 2 บาท รวม 23,400,000 บาท

ส่วนสหกรณ์ปลายทางที่ตั้งอยู่ทุกอำเภอทั่วประเทศ  824 แห่ง จะได้รับค่าบริหารจัดการกิโลกรัมละ 50 สตางค์ เป็นค่าขนส่งค่าจ้างคนงานและจัดซื้อถุงใส่ผลไม้ รวมทั้งสิ้น 5,850,000 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้กับสหกรณ์ในการกระจายผลผลิตจากสหกรณ์ไปสู่ผู้บริโภคในแต่ละจังหวัด และยังมีงบประมาณอีกส่วนหนึ่ง 4,087,200 บาท สนับสนุนด้านบรรจุภัณฑ์



 



 
โดยให้สหกรณ์นำไปจัดซื้อตะกร้า 191,700 ใบ เพื่อขนส่งผลไม้ไปสู่ผู้บริโภคปลายทางได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นซึ่งการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนค่าบรรจุภัณฑ์ดูจากแผนการรวบรวมผลผลิตของแต่ละสหกรณ์ที่เสนอเข้ามาและจะกระจายไปตามสัดส่วนของปริมาณผลผลิตในแต่ละจังหวัด

ขณะที่ภาครัฐมีนโยบายที่จะช่วยสนับสนุนช่องทางการจำหน่าย ผลไม้ของเครือข่ายสหกรณ์ไปสู่ผู้บริโภค นอกจากจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องผลไม้กระจุกตัวในพื้นที่  แหล่งผลิตและราคาตกต่ำแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาที่เป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้บริโภคอีกด้วย





 




 



Create Date : 29 เมษายน 2563
Last Update : 29 เมษายน 2563 18:40:38 น.
Counter : 630 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments