All Blog
ลุยปราบขบวนการค้าม้าเถื่อน ส่งออกต่างประเทศ
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการชุดปฏิบัติการพิเศษ พญาไท ภายใต้การควบคุมของนายสัตวแพทย์บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนมีการเคลื่อนย้าย-ค้าสัตว์ผิดกฎหมาย (ม้า) ในพื้นที่จังหวัด ลำปาง
 
โดยชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ร่วมกับ กองบังคับการ ปราบปราม การ กระ ทำ ความผิด เกี่ยวกับ การ คุ้มครอง ผู้บริโภค (กก.1 บก. ปคบ.) และมูลนิธิ วอชด็อกไทยแลนด์  ได้ร่วมประชุมวางแผนการควบคุมดูแล และตรวจสอบ การเคลื่อนย้ายม้า กับ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และผู้เกี่ยวข้อง ก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อเป็นการป้องโรคกาฬโรคม้า กลับมาระบาดซ้ำด้วย
 
ต่อมาได้ลงตรวจสอบบ้าน นายสุรกิจ เสาร์ ใจ เลขที่ 761 หมู่ 3 ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง พบเป็นสถานที่เลี้ยงม้า และจำหน่ายม้า อีกทั้งยังเปิดสอนการขี่ม้าและฝึกม้าเพื่อใช้งาน พบมีม้าอยู่จำนวน 11 ตัว แบ่งเป็น เพศผู้จำนวน 5 ตัว เพศเมีย จำนวน 6 ตัว มีสมุดประจำตัวม้า (NID) อยู่ 5 เล่ม 
 
ทั้งนี้มีม้าตรงกับสมุดประจำตัวม้า (NID) อยู่ 3 ตัว ซึ่งมี 1 ตัว นำไปผสมพันธุ์ อยู่ที่จังหวัดระยอง และอีก 1 ตัว นำไปใช้งานอยู่ในตัวเมือง ส่วนม้าอีก 7 ตัว ไม่มีสมุดฯ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ได้แจ้งให้ดำเนินการขึ้นทะเบียน ประจำตัวม้าในทันที
 
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบ เอกสารการเคลื่อนย้ายม้า พบมีการเคลื่อนย้ายมาจากจังหวัด สุพรรณบุรี และขอตรวจเอกสารการค้าสัตว์ประเภทม้า แต่ไม่สามารถ นำมาแสดงได้  จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ไม่สามารถ แสดงใบอนุญาต ค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (ร.10) มีความผิดตาม พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไทได้ทำการอายัดม้าไว้ จำนวน 1 ตัว เนื่องจากไม่มีสมุดประจำตัวม้า ไม่มีเอกสารใบเคลื่อนย้าย และผลแลป มายืนยันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 

นอกจากนี้ลงตรวจสอบ บ้าน นายนคร วงศ์คำ เลขที่ 581 หมู่ 2 ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปางพบเป็นสถานที่เลี้ยงม้า และจำหน่ายม้า มีม้าจำนวน 8 ตัว แบ่งเป็น เพศผู้จำนวน 4 ตัว เพศเมีย จำนวน 4 ตัว ม้าทุกตัวไม่มีสมุดประจำตัวม้า (NID) พนักงาน เจ้าหน้าที่ ได้ให้ดำเนินการขึ้นทะเบียน ประจำตัวม้าในทันที เจ้าหน้าที่ ชุด ปฏิบัติการ พิเศษ พญาไท ขอตรวจเอกสารการค้าสัตว์ประเภทม้า แต่ไม่สามารถ นำมาแสดงได้  
 
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ ไม่สามารถ แสดงใบอนุญาต ค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (ร.10)มีความผิดตามพรบ.โรคระบาดสัตว์ โทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ ประเด็นม้าที่ขนย้ายไปด่านมุกดาหาร จำนวน 44 ตัว ของนายนคร วงศ์ คำ มีการขายและขนส่งม้า มาแล้วจำนวน 2 ครั้ง
 
โดยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ม.ค.64 ได้เคลื่อนย้ายม้าไปยังด่านมุกดาหาร และส่งออกขายไปยังประเทศ ลาว โดยผ่านวิธีการศุลกากร ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อสังเกต ภายในพื้นที่พักสัตว์ของนายสาคร ไม่มีพื้นที่คอกพักสัตว์ ที่สามารถพักม้าได้จำนวนมาก จึงตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นการไปรับซื้อม้าตามบ้าน และสนามม้าแข่งในจังหวัดใกล้เคียง และรวบรวมเพื่อนำไปจำหน่ายในนามสมาคมผู้เลี้ยงม้าลำปาง และส่งต่อให้กับบริษัทเอกชน(ห้างหุ้นส่วนจำกัดพีเอ็ม เซอร์วิสเซส) เพื่อนำม้าชุดดังกล่าวส่งออกต่างประเทศ
 
 
 

 



Create Date : 30 มกราคม 2564
Last Update : 30 มกราคม 2564 11:45:58 น.
Counter : 447 Pageviews.

0 comment
หนุนเปลี่ยนวิธีทำประมงลูกหอยแครงอย่างยั่งยืน
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง และคณะฯ ลงพื้นที่คลองตำหรุ่ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจพื้นที่การทำประมงลูกหอยแครง และเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เข้าตรวจสอบเหตุลักลอบทำการประมงหอยแครง บริเวณกลางอ่าวบางปะกง จังหวัดชลบุรี

นายบัญชา กล่าวว่า พื้นที่บริเวณกลางอ่าวบางปะกง จังหวัดชลบุรีนั้น เป็นพื้นที่ปากแม่นน้ำ ที่มีสภาพเป็นหาดโคลนหรือพื้นดินเลนละเอียด มีความลึกของน้ำไม่เกินสองเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หอยแครงชอบฝังตัว 
จึงพบว่ามีความชุกชุมของลูกหอยแครงเป็นจำนวนมาก ชาวประมงพื้นบ้านจึงนิยมทำประมงลูกหอยแครงกัน โดยวิธีช้อนหอยลูกหอยแครงด้วยเครื่องมือสวิง 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
มีลักษณะเป็นถุง ลากด้วยมือ ไม่ต้องใช้เครื่องมือคราดประกอบเรือยนต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่อนุญาตให้ใช้ได้ตามกฎหมาย ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่มีการกำหนดให้สามารถทำการประมงหอยแครงในเขตทะเลชายฝั่งได้โดยการจับด้วยมือหรือเครื่องมือที่ไม่ใช้ประกอบเรือกล แต่ยังคงห้ามเครื่องมืออวนลากหรือคราดหอยในเขตทะเลชายฝั่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงเช่นเดิม  
 
ส่วนในเขตทะเลนอกชายฝั่งให้ใช้คราดหอยประกอบเรือกลได้ แต่ต้องได้รับใบอนุญาตทำการประมงประมงพาณิชย์เท่านั้น  ส่งผลให้พี่น้องชาวประมงที่ทำการประมงลูกหอยแครง มีรายได้ โดยเฉลี่ย 1,000-2,000 บาทต่อคนต่อวัน จากการออกสำรวจพบว่าในระหว่างวันที่ 26 - 29 มกราคม 2564  มีชาวประมงอย่างน้อย 100-200 ราย/วัน ใช้วิธีการทำการประมงโดยไม่ใช้เรือยนต์ประกอบเครื่องมือคราด 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
สามารถใช้ประโยชน์ลูกหอยแครงได้อย่างคุ้มค่า  และให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องชาวประมงในการเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างเสมอภาค   อีกทั้ง ยังช่วยลดการสูญเสียของทรัพยากร ลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และสร้างห่วงโซ่การผลิตทรัพยากรในธรรมชาติ  ทำให้ลูกหอยมีอัตราการรอดสูงขึ้นได้   ซึ่งน่าชื่นชมและสนับสนุนให้เป็นตัวอย่างของการทำการประมงลูกหอยแครง ในลักษณะเช่นนี้ทั่วประเทศ เพื่อนำลูกหอยไปเลี้ยงในที่ที่มีอัตรารอดสูง สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่สำคัญอีกทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มชาวประมงที่ยังคงทำผิดกฎหมาย  อยู่ประมาณ 50 ลำ ซึ่งไม่ถึง 1 % ของจำนวนเรือประมงพื้นบ้านทั้งหมด ประมาณ 6,200 ลำ ที่ทำประมงอย่างถูกกฎหมายในเขตพื้นที่อ่าวไทยตอนบน (จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี) 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
นายมีศักดิ์  ภักดีคง  อธิบดีกรมประมง  ได้มีนโยบายและข้อสั่งการไปยังสำนักงานประมงจังหวัดพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก  และหน่วยตรวจการประมง  ที่รับผิดชอบควบคุมพื้นที่ ดำเนินการประชุมกลุ่มชาวประมง และเร่งประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้พี่น้องชาวประมงได้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการประมงลูกหอยแครง โดยใช้วิธีการที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย 

กรมประมงคาดว่า หากพี่น้องชาวประมงเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นกำลังหลักในการวางแผนเพื่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรด้วยวิธีการที่เหมาะสมถูกต้อง ร่วมกันปรับเปลี่ยนวิธีการ งดเว้นการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฏหมาย ก็จะสามารถลดความสุญเสีย ลดความขัดแย้ง สามารถสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรประมงได้ต่อไป 




 



Create Date : 30 มกราคม 2564
Last Update : 30 มกราคม 2564 11:20:38 น.
Counter : 643 Pageviews.

0 comment
วิสาหกิจชุมชนเฮ ! ขยายเวลายกเว้นภาษีถึงสิ้นปีหน้า
นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน สามารถจัดการผลผลิตทางการเกษตร และตอบสนองความต้องการของตลาดด้วยหลักตลาดนำการผลิต และยกระดับไปสู่การเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการประกอบธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนให้มีความยั่งยืน 
 
ล่าสุด กรมส่งเสริมการเกษตรได้รับการประสานงานจากกรมสรรพากรว่า กรมสรรพากรได้ออกกฎกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 371 (พ.ศ.2563) ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร 
 
 
 
 
 
 
 
 
โดยขยายระยะเวลาในการยกเว้นภาษีเงินได้พึงประเมินของวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 1,800,000 บาท 
 
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ขยายระยะเวลายกเว้นภาษีไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการทำธุรกิจของวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งทำให้เศรษฐกิจของชุมชนมีความเข้มแข็งและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ขอให้วิสาหกิจชุมชนทราบสิทธิที่ได้รับในการขยายเวลาการยกเว้นภาษีตามประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าว ทั้งนี้ หากวิสาหกิจชุมชนใดยังไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ให้ขอยื่นคำร้องขอมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของวิสาหกิจชุมชน ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่วิสาหกิจชุมชนมีภูมิลำเนาตั้งอยู่ เพื่อปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายต่อไป




 



Create Date : 29 มกราคม 2564
Last Update : 29 มกราคม 2564 17:12:48 น.
Counter : 507 Pageviews.

0 comment
แนะเกษตรกรน์โหลดแอปฯ"Kaset GO"ทุกขั้นตอนครบวงจร
นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า Kaset Go เป็นแอปพลิเคชั่นที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ในการประกอบอาชีพการเกษตร เช่น องค์ความรู้ และมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความชำนาญด้านการเกษตรคอยตอบข้อสงสัยให้กับเกษตรกรหรือบุคคลทั่วไป เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน ควบคุมคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร
 
ตลอดจนสามารถเพิ่มรายได้ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางด้านการเกษตรได้ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตรในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้ และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตร สามารถใช้ช่องทางการตลาดได้อย่างหลากหลายและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่องทางตลาดออนไลน์ตามแนววิถีชีวิตใหม่ (new normal) ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) 
 
 
 

 
 
 
 
สำหรับวิธีการเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น Kaset Go เมื่อทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมาแล้ว ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่ระบบได้ด้วย บัญชีเฟซบุ๊ค (Facebook) หรือไลน์ (Line) หลังจากนั้นเลือกชนิดพืชและจังหวัดที่ทำการเพาะปลูก เพื่อลงทะเบียน เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย เกษตรกรจะสามารถเข้าไปเลือกดูโพสต์ตามหมวดหมู่พืชที่ตนเองสนใจ หรือต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับพืชชนิดนั้น ๆ ได้ 
 
นอกจากนี้ หากเกษตรกรมีข้อสงสัย สามารถโพสต์ตั้งคำถามด้วยตนเองได้ โดยกดที่สัญลักษณ์เครื่องหมายบวกแล้วพิมพ์คำถามที่ต้องการถามหรือข้อความหรือความรู้ที่อยากบอกเล่า แล้วเลือกหัวข้อชนิดพืชเพื่อโพสต์คำถามหรือข้อความนั้น ๆ ซึ่งเกษตรกรที่สมัครเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่น Kaset Go จะสามารถมองเห็นโพสต์คำถามหรือข้อความในแต่ละโพสต์บนหน้าจอของแอปพลิเคชั่น รวมทั้งสามารถเป็นผู้แสดงความคิดเห็นหรือตอบกลับข้อความในโพสต์นั้น ๆ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้อีกด้วย

แอปพลิเคชั่น Kaset Go ดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับดีแทคเปิดตัวแอปพลิเคชั่นอย่างเป็นทางการ เมื่อปลายปี 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเทคโนโลยีทางเลือกใหม่ในการช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ และให้บริการที่ตอบโจทย์แก่เกษตรกรแบบครบวงจรบนแอปพลิเคชันเดียว กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น Kaset Go โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ตั้งแต่นี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรต่อไป
 

 
 
 



Create Date : 29 มกราคม 2564
Last Update : 29 มกราคม 2564 16:57:58 น.
Counter : 423 Pageviews.

0 comment
ข่าวดี...เกษตรกรสมัครจำหน่ายสินค้าบนเว็บไซต์ตลาดออนไลน์ ด้วยตนเองได้แล้ววันนี้ !!!
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้เปิดตัวเว็บไซต์ “www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com” ภายใต้สโลแกน “เกษตรกรจริงจริง ทุกสิ่งปลอดภัย เพียงคุณสั่ง เราพร้อมส่ง” เพื่อเป็นสื่อกลางในการรวบรวมข้อมูลสินค้าเกษตร ที่มีช่องทางการติดต่อซื้อขายแบบออนไลน์ และผ่านการคัดสรรจากคณะทำงานฯ ระดับจังหวัด กำกับด้วยคณะกรรมการระดับประเทศ นำสินค้าเกษตรคุณภาพดีจากเกษตรกรตัวจริง 
 
อาทิ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่, Smart Farmer (SF), Young Smart Farmer (YSF), วิสาหกิจชุมชน และองค์กรเกษตรกรอื่น ๆ จากทั่วประเทศ ถึงมือผู้บริโภคโดยตรงในราคายุติธรรม ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง พร้อมส่งถึงบ้านแล้ว โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จนถึงปัจจุบัน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่า 144 ล้านบาท

จากกระแสตอบรับที่ดีมีปริมาณชนิดสินค้าให้เลือกหลากหลาย ประกอบด้วยสินค้าทางการเกษตร ทั้งผลผลิตสด สินค้าแปรรูป และสินค้าหัตถกรรม จำนวน 9 หมวด ได้แก่ ข้าวและธัญพืช ผัก ผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ อาหารแปรรูปและเครื่องดื่ม สมุนไพรและเครื่องสำอาง ผ้าและเครื่องแต่งกาย หัตถกรรมและสิ่งประดิษฐ์ และสินค้าอื่น ๆ และจากยอดการสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ขณะนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรเปิดรับสมัครเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและจำหน่ายสินค้าบนเว็บไซต์ “www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com” ด้วยตนเองได้แล้ว ทั้งนี้ กรมฯ จะมีการคัดเลือกสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูปเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ เช่น Good Agricultural Practice (GAP), มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ Participatory Guarantee System (PGS), Good Manufacturing Practice (GMP), Primary GMP, 
 
Hazard Analysis Critical control Point (HACCP), อย., มาตรฐานอาหารฮาลาล และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นต้น กรณีสินค้าที่ยังไม่มีมาตรฐานรองรับ เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ยกเว้น กล้วยไม้ และปทุมมา จะต้องได้รับการรับรองคุณภาพจากสำนักงานเกษตรอำเภอ เพื่อรับประกันคุณภาพเบื้องต้น สำหรับเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและจำหน่ายสินค้าบนเว็บไซต์จะต้องมีประสบการณ์จำหน่ายสินค้านั้นในรูปแบบออนไลน์อยู่แล้ว
 
โดยต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

1. เป็นเกษตรกรรายย่อย SMART FARMER (SF), SMART FARMER ต้นแบบ, YOUNG SMART FARMER (YSF) ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) กับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเป็นสมาชิกในครัวเรือนเกษตรกรที่อยู่ในทะเบียนเกษตรกร และไม่เป็นนิติบุคคล 2. ประเภทองค์กรเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ได้แก่ เป็นกลุ่มส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตร 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เป็นเกษตรกร องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ที่ผลิตสินค้า/ผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐานบริการดี และเป็นเกษตรกร องค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ที่จำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ หรือช่องทาง e-Commerce ต่าง ๆ อยู่แล้ว ที่อยู่ใน Platform เช่น thailandpostmart.com, dgtfarm.com, ortorkor.com และ platform ภาคเอกชน เช่น LAZADA, Shopee, 24Shopping ฯลฯ หรือใช้ช่องทางออนไลน์อื่น

ในการจำหน่ายสินค้าอยู่แล้ว เช่น Line, Line Official, Facebook และ Instagram เป็นต้น และ 3. ไม่เป็นพ่อค้าคนกลางที่ซื้อสินค้าเกษตรหรือผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรมาจำหน่ายในระบบออนไลน์ และยินยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของกรมส่งเสริมการเกษตร

โดยเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมโครงการและจำหน่ายสินค้า สามารถสมัครด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ //www.ตลาดเกษตรออนไลน์.com ในเมนู "เข้าสู่ระบบ/สมัครสมาชิก" หรือสามารถดาวน์โหลดคู่มือการสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ https://bit.ly/farmer-manual ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
 
 
 
 
 
 



Create Date : 29 มกราคม 2564
Last Update : 29 มกราคม 2564 16:07:09 น.
Counter : 596 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments