All Blog
เตือนผลิตข้าวส่งเอกชนศึกษากฏหมายให้รอบคอบ
นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า  ขอชื่นชมสหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด ที่มีความห่วงใยสุขภาพผู้บริโภค ในการผลิตข้าวคุณภาพและคิดว่าสหกรณ์เดินมาถูกทางที่ทำคำนึงถึงผู้บริโภคว่าจะอย่างไรให้ได้รับประทานข้าวคุณภาพ  

แม้ว่าจะไม่ได้กำไรมากนัก อย่างไรก็ตามการแข่งขันตลาดข้าวสารส่งออกโดยเแพาะอย่างยิ่งประเทศจีนมีข้อควรคำนึงอยู่สองประเด็นคือ ต้นทุนการผลิต และคุณภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ผลิตต้องเอาใจใส่และให้ความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตข้าวอินทรีย์  
 
อย่างไรก็ตามการที่เรามีมาตรฐานการผลิตข้าวในประเทศแต่เมื่อมีการส่งออกก็ต้องปฏิบัติและยึดถือมาตรฐานในระดับโลกเช่นกัน ดังนั้นผู้ผลิตต้องยึดมั่นในมาตรฐานแม้ว่าจได้รับการรับรองว่าข้าวมีคุณภาพแต่ก็ต้องมีการตรวจสอบตามช่วงระยะการผลิตเพื่อรักษาตลาดด้วย

 
ส่วนที่สหกรณ์มีการผลิตและจำหน่ายข้าวให้กับเอกชนรวมทั้งมีการทำข้อตกลงหรือเอ็มโอร่วมกันนั้น อยากฝากให้ศึกษาระเบียบ ให้รอบคอบและขอให้ผลิตและดำเนินการตามกำลังของสหกรณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นปริมาณการผลิตและส่งมอบที่ทราบว่ามีข้อตกลงที่จำนวน 1,000 ตัน

อย่างไรก็ตามสำหรับมาตรฐานข้าวคุณภาพจนเป็นข้าวสาร Q  และการใช้และแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐานมาตรฐาน Q และ Organic Thailand ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นั้น รองอธิบดีกรมการข้าวกล่าวว่า เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ผู้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสินค้าเกษตรของ กรมการข้าวเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์แสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ได้ และต้องอยู่ใน ขอบข่ายที่ให้การรับรอง โดยจะต้องระบุรหัสรับรองภายใต้เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ด้วย


หากเป็นมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ให้การรับรองระบบการผลิต ผู้ได้รับการรับรอง  จะสามารถแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ได้ ณ สถานที่ผลิตเท่านั้น ไม่สามารถแสดง เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ที่บรรจุภัณฑ์สินค้าข้าวได้
 


 
แต่หากเป็นมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ให้การรับรองตัวผลิตภัณฑ์สินค้าข้าว ทั้ง ๕ ประเภท (ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวหอมไทย ข้าวไทย ข้าวสีไทย และข้าวกล้องงอก) ผู้ได้รับการ รับรองสามารถใช้และแสดงเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q กับผลิตภัณฑ์สินค้าข้าวได้ โดยจะแสดงในผลิตภัณฑ์สินค้าข้าว หรือแสดงไว้ที่สิ่งบรรจุ หีบห่อ สิ่งห่อหุ้ม สิ่งผูกมัด หรือ ป้ายของสินค้า ก็ได้ 

เครื่องหมาย Organic Thailand ผู้ได้รับการรับรองข้าวอินทรีย์ขอบข่ายแปรรูปและคัด บรรจุเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์แสดงเครื่องหมาย Organic Thailand โดยจะต้องแสดงคู่กับ เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q ที่ระบุรหัสรับรองภายใต้เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน Q โดยจะแสดงในสินค้าข้าวอินทรีย์ หรือแสดงไว้ที่สิ่งบรรจุ หีบห่อ สิ่งห่อหุ้ม สิ่งผูกมัด หรือป้าย ของสินค้า ก็ได้ การใช้และแสดง เครื่องหมายรับรอง ข้าวพันธุ์แท้ ของ กรมการข้าว 

ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าข้าว (Q Product)   ตามมาตรฐานสินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้ง ๕ ประเภท (ข้าวหอมมะลิ ไทย ข้าวหอมไทย ข้าวไทย ข้าวสีไทย และข้าวกล้องงอก) และมาตรฐานการผลิตข้าวอินทรีย์ ขอบข่ายแปรรูปและคัดบรรจุ จากกรมการข้าว สามารถยื่นแบบคำขอใช้เครื่องหมายรับรอง ข้าวพันธุ์แท้ได้ที่กองตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ กรมการข้าว 


 

 
เมื่อได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองข้าวพันธุ์แท้แล้ว ผู้ได้รับอนุญาตจะต้อง ใช้เครื่องหมายรับรองข้าวพันธุ์แท้กับสินค้าที่ผลิตจากผลิตผลที่ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ สินค้าข้าวจากกรมการข้าว ตามมาตรฐานสินค้าเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดยแสดงเครื่องหมายรับรองข้าวพันธุ์แท้คู่กับเครื่องหมาย Q หรือเครื่องหมาย Organic Thailand ให้ปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์สินค้าข้าว

 ส่วน 12  พันธุ์ข้าวที่อนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองข้าวพันธุ์แท้ ได้แก่ กข6 กข15 กข21 กข43 กข59 ปทุมธานี 1 พิษณุโลก 80 ขาวดอกมะลิ 105 ทับทิมชุมแพ สังข์หยด  มะลินิลสุรินทร์ และข้าวเหนียวลืมผัว 
 

นายอารีย์  มาตย์วิเศษ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด กล่าวถึงการผลิตข้าวของสหกรณ์ว่า สหกรณ์มีโครงการปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ตามมาตรฐานจีเอพี ซึ่งนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ การดำเนินการคือให้สมาชิกผู้ปลูกเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจไม่เกินรายละ 10 ไร่ โดยมีแหล่งเงินกู้เงินจากธกส.ดอกเบี้ย 1- 3 เปอร์เซ็นต์

 


 
ซึ่งในระยะแรกจะเป็นการปรับเปลี่ยนการปลูกและในระยะต่อไปจะเป็นการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าจะลดต้นทุนการผลิตลงได้ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนจะมีการอบรมเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เพื่อทำการปลูกข้าวอย่างยั่งยืน  

"ผลผลิตข้าวเราได้มีข้อตกลงส่งให้กับเอกชน นอกจากนี้ยังส่งให้กับรพ.ร้อยเอ็ดที่จะต้องปลูกข้าวอินทรีย์และถือเป็นโจกย์ที่ว่า ทำอย่างไรให้ได้มาตรฐาน พร้อมกันนี้สหกรณ์จะสร้างมูลค่าสินค้าข้าวประเภทอื่น เช่นข้าวกล้องงอก ด้วยความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ และอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อส่งไปขายที่ประเทศจีน สำหรับการผลิตข้าวแม้ไม่ได้กำไรไม่มากแตให้สหกรณ์เลี้ยงตัวและอยู่ได้  เพราะเรามีความห่วงใยต่อสุขภาพของผู้บริโภคและเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวมาเป็นอินทรีย์จะช่วยลดต้นทุนลงได้"

 

 



Create Date : 12 กรกฎาคม 2562
Last Update : 12 กรกฎาคม 2562 15:36:50 น.
Counter : 1332 Pageviews.

0 comment
ดัน"ทุเรียนบาตามัส"ส่งออกจีน
ผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่ของจีนมั่นใจคุณภาพทุเรียนหมอนทองของสามจังหวัดชายแดนใต้เตรียมรับซื้อไปจำหน่ายสร้างชื่อ“บาตามัส”ให้เป็นที่รู้จักของคนจีน

คณะนักธุรกิจจีน นำโดยนายเฉินเว่ยปิน (Shen Wei Bin) ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัทกวางโจว ยูฝู จำกัด (Guangzhou You Fu) ซึ่งเป็นบริษัทรับซื้อผลไม้จากทั่วโลกไปจำหน่ายในประเทศจีน รายใหญ่อันดับต้นๆ ร่วมกับผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร

บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เดินทางมาเยี่ยมชมและตรวจสอบคุณภาพการปลูกทุเรียนบาตามัส (ทุเรียนหมอนทอง) ภายใต้โครงการทุเรียนคุณภาพ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ดำเนินการร่วมกับภาคราชการและเกษตรกร


 

 
หลังจากศึกษาพื้นที่และพูดคุยกับเกษตรกรชาวสวนทุเรียนของโครงการฯ  นายเฉินเว่ยปินกล่าวว่า มีความยินดีที่มีโอกาสได้เยี่ยมชมและรับฟังผลการดำเนินงานพัฒนาเพื่อให้ได้ผลผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นายเฉินกล่าวว่า ปีที่ผ่านมา สัดส่วนการนำเข้าทุเรียนผลสดจากประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 90-95 อีกร้อยละ 5-10 เป็นผลผลิตจากประเทศเวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งจากการที่รัฐบาลจีนเข้มงวดมากขึ้นเรื่องคุณภาพ  ขณะที่มาเลเซียและเวียดนามก็กำลังพยายามขอโอกาสจากรัฐบาลจีนในการส่งออกทุเรียนเพิ่มขึ้น  ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือ การสร้างมาตรฐานทุเรียนไทยให้เข้มแข็ง
 
คนจีนนิยมทานทุเรียนมาก ทุเรียนที่ได้รับความนิยม เป็นทุเรียนที่มีเนื้อละเอียด สีเหลืองทองออกเข้ม เต็มพู รสชาติหวาน ที่ผ่านมา เมื่อพูดถึงทุเรียนไทย ชาวจีนจะรับรู้ว่า เป็นทุเรียนจากจันทบุรี 

 


 
ดังนั้นการขายทุเรียนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงเป็นเรื่องใหม่ที่จะสร้างการรับรู้ว่า ที่นี่ก็เป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพอีกแห่งหนึ่งของไทย นอกจากนี้ ยังจะมีการมองหาทุเรียนพันธุ์อื่น นอกจาก“หมอนทอง” ที่รสชาติดีมีคุณภาพ ไปเป็นตัวเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
 
นายเฉินกล่าวย้ำว่า เขามั่นใจในคุณภาพของทุเรียนที่ผลิตจากพื้นที่นี้ เพราะในโครงการมีคู่มือผลิตทุเรียนคุณภาพและสมุดตรวจแปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่พิเศษมาก เพราะหากทำตามคู่มือการผลิตและมีการบันทึกติดตามการผลิตอย่างเข้มงวดจริงจัง

ผลทุเรียนที่ได้จะมีคุณภาพที่ดีมาก เพราะในคู่มือมีแม้แต่การกำหนดระยะเวลาตัดทุเรียน โดยพิจารณาที่ระดับความหวานของทุเรียน ซึ่งจะเป็นจุดเด่นในการสร้างมาตรฐานที่มีความพิเศษ ต่างจากแหล่งอื่น ๆ ที่บริษัทเคยรับซื้อมา


 

 
นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันปิดทองหลังพระฯ กล่าวว่า “โครงการทุเรียนคุณภาพปีนี้ ดำเนินการเป็นปีที่สองแล้ว เพื่อแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งขาดโอกาส ความรู้ และทุนในการผลิตและจำหน่ายทุเรียน ปิดทองหลังพระฯ

จึงบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีภาครัฐ เอกชนและประชาชน สนับสนุนองค์ความรู้ในการบำรุงดูแลต้น สนับสนุนระบบน้ำเข้าแปลง  และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ในรูปแบบยืมก่อนจ่ายทีหลัง


รวมทั้งมีการคัดเลือก ‘อาสาทุเรียน’  91 คน จากเกษตรกรในพื้นที่ไปฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียง ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ตั้งแต่การบำรุงดูแลต้น การป้องกันโรคและศัตรูพืช ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อนำความรู้กลับมาแนะนำเกษตรกรรายอื่นต่อไป

 


 
“ในปีนี้ สามารถขยายผลการดำเนินการไปยังสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น จำนวน  664 ราย พื้นที่ 1,125 ไร่ จำนวนทุเรียนรวม 22,508 ต้น ซึ่งจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตรอบแรกได้ในกลางเดือนกรกฏาคม 2562 นี้ มีการคาดการณ์ผลผลิตว่าจะมีประมาณ 2,500 ตัน คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รวมกันไม่น้อยกว่า 160 ล้านบาท”  


 



 



Create Date : 08 กรกฎาคม 2562
Last Update : 8 กรกฎาคม 2562 16:01:30 น.
Counter : 870 Pageviews.

0 comment
แม็คโครชูวัตถุดิบท้องถิ่นยกระดับเกษตรกรเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
แม็คโครชูวัตถุดิบท้องถิ่น ยกระดับเกษตรกรเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาตรฐาน GAP จ.กาฬสินธุ์คาดรับซื้อ 250 ตัน ดันผลผลิตคุณภาพปลอดภัยขายทุกสาขาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือรองรับตลาดโต

 

 
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ  สำนักงานประมงจังหวัดกาฬสินธุ์  ยกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาตรฐาน GAP จ.กาฬสินธุ์ สู่แหล่งจำหน่ายผลผลิตคุณภาพปลอดภัย ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ขานรับนโยบายภาครัฐ ตั้งเป้าหมายรับซื้อปีนี้ 250 ตัน ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคทั่วภาคอีสาน  พร้อมเป็นพี่เลี้ยงติดอาวุธ  ปั้นเกษตรกรไทย สู่สนามการค้ายุคการตลาดนำการผลิต

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แม็คโครศูนย์จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคคุณภาพแบบขายส่ง ในระบบสมาชิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการคัดอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล


 

 
โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผู้ประกอบการธุรกิจด้านอาหารและผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ในขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม จังหวัดกาฬสินธุ์  

ในการเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยั่งยืน ด้วยการรับซื้อผลผลิตตลอดทั้งปี จำหน่ายในแม็คโคร ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดกิจกรรม “แม็คโครโชว์ของดีกาฬสินธุ์ กุ้งก้ามกรามมาตรฐาน GAP” ระหว่างวันที่ 5-10 กรกฎาคมนี้ ณ แม็คโคร สาขากาฬสินธุ์ 


 
  
 
แม็คโครให้ความสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมผลผลิตของเกษตรกรไทยให้มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แน่นอนและมั่นคง โดยรับซื้อกุ้งก้ามกราม ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP จากกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งที่เป็นเกษตรแปลงใหญ่ ที่มีสมาชิก 124 ราย จำนวนรวมถึงสิ้นปีกว่า 250 ตัน จำหน่ายในแม็คโครทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดปี 2562

อีกทั้งยังจัดกิจกรรมที่แม็คโคร สาขากาฬสินธุ์ เพื่อส่งเสริมการบริโภคกุ้งคุณภาพดี ปลอดภัย  สร้างความคึกคักให้กับตลาดภูมิภาค โดยร่วมทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรวางแผนการบริหารจัดการผลผลิตเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ได้ขนาดมาตรฐานตามความต้องการของตลาดและกลุ่มลูกค้าแม็คโคร


 
    
 
จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามคุณภาพดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งมีความเข้มแข็งรวมเป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ มีพื้นที่การเพาะเลี้ยงรวมกว่า 8,000 ไร่หรือกว่า 5,000 บ่อ มีผลผลิต 1,200 ตันต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมือง อำเภอยางตลาด และอำเภอห้วยเม็ก ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยน้ำจากเขื่อนลำปาว   
    
นางศิริพร กล่าวอีกว่า โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโมเดลความสำเร็จของการบูรณาการร่วมกันของหลายภาคส่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย ในการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างกุ้งก้ามกราม ให้กลายเป็นสินค้าคุณภาพ ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ


 

 
ทำให้ของดีจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นที่รู้จักไปทั่ว สอดคล้องไปกับการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และรองรับความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของแม็คโคร

ทั้งนี้ แม็คโคร มีเจตนารมณ์ชัดเจนการในกำหนดเป้าหมายเพื่อเป็น “คู่คิดธุรกิจ” ของลูกค้า ผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ตลอดจนนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการมอบคุณค่าให้แก่สังคม ซึ่งนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคู่ค้า ลูกค้า คนในชุมชน และพนักงานอย่างยั่งยืน สมกับเจตนารมณ์ “คู่คิด...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”  


 



 



Create Date : 08 กรกฎาคม 2562
Last Update : 8 กรกฎาคม 2562 8:04:31 น.
Counter : 951 Pageviews.

0 comment
บ้านเอื้ออาทรลดถุงพลาสติก
กคช.รณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในโครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะที่ 1

การเคหะแห่งชาติรณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อมจัดพิธีเปิด “โครงการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก” ในโครงการ   บ้านเอื้ออาทรรังสิต (คลอง 9) โดยมี นางวิไล มณีประสพโชค รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ผู้บริหารการเคหะแห่งชาติ และผู้อยู่อาศัยในชุมชนเข้าร่วมโครงการฯ ณ ศูนย์ชุมชนบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะที่ 1 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ     

 

 
นางวิไล มณีประสพโชค รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคม พร้อมเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเพื่อสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและน่าอยู่ จึงได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาขยะที่เป็นตัวการสำคัญของการก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก รวมถึงฝุ่นควันที่เกิดจากการเผาขยะและถุงพลาสติก

ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไข การเคหะแห่งชาติจึงดำเนินโครงการรณรงค์ “ลดการใช้ถุงพลาสติก ร่วมใจใช้ถุงผ้า รักษาสิ่งแวดล้อม” เพื่อมุ่งหวังให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้ถุงผ้าในชีวิตประจำวันแทนการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งเป็นการช่วยลดปัญหาขยะที่เกิดจากถุงพลาสติกอีกทางหนึ่ง

 

 
ในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาชุมชน  ที่มีความพร้อมให้เป็นต้นแบบด้านการลดใช้ถุงพลาสติกใน 5 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรลาดกระบัง 1 โครงการเอื้ออาทรรัตนาธิเบศร์ (ท่าอิฐ) โครงการบ้านเอื้ออาทรรังสิต (คลอง 9) สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ และโครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะที่ 1 

ทั้งนี้ โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะ 1 เป็นพื้นที่ติดตามกระบวนการโครงการบริหารจัดการขยะจัดทำแผนการขับเคลื่อนในกิจกรรมบริหารจัดการขยะและลดการใช้ถุงพลาสติกในชุมชน ผ่านกระบวนการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหาตามแนวทาง 3R คือ ลดปริมาณการใช้ (Reduce) ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle)

 

 
โดยมีการจัดกิจกรรมตามแผนจำนวน 5 กิจกรรม คือ 1. โครงการส่งเสริมการบำบัดน้ำเสียด้วยจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ EM Floor Five 2. โครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกผักปลอดสารพิษ 3. โครงการรณรงค์การคัดแยกขยะจากครัวเรือน 4. โครงการรณรงค์ให้ความรู้การจัดการน้ำมันพืชใช้แล้วในครัวเรือน
 
5. โครงการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งรายละเอียดของการดำเนินงานและผลที่ได้ทางประธานกลุ่มเยาวชนรักบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง จะเป็นผู้นำเสนอในลำดับต่อไป สำหรับผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้ชุมชน คือ รางวัลชนะเลิศ หมู่บ้าน / ชุมชนสะอาด ภายใต้แผนปฏิบัติการ “ประเทศไทยไร้ขยะ” ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2559 – 2560) 

 

 
โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณ เลขที่ 243 หมู่ 1 ถนนบางนาตราด กม.17 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จัดสร้างเป็นอาคารชุดพักอาศัย 5 ชั้น จำนวน 836 หน่วย มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 1,500 คน ส่งมอบอาคารให้กับผู้อยู่อาศัยเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2547 โดยการเคหะแห่งชาติได้มอบโอนระบบสาธารณูปโภค – สาธารณูปการให้องค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลงได้บำรุงรักษาและพัฒนาชุมชนเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553

 



 



Create Date : 07 กรกฎาคม 2562
Last Update : 7 กรกฎาคม 2562 17:22:23 น.
Counter : 883 Pageviews.

0 comment
ชุมนุมยุวเกษตรกรส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
งานชุมนุมยุวเกษตรกรประจำปี 2562 “จิตวิญญาณของกลุ่มยุวเกษตรกร คือ พลังที่ไม่สิ้นสุด”กรมส่งเสริมการเกษตรจัดงานชุมนุมยุวเกษตรกรและที่ปรึกษายุวเกษตรกรระดับประเทศ ประจำปี 2562 ส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มยุวเกษตรกร

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กลุ่มยุวเกษตรกร หรือ 4-H Clubจัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะอาชีพการเกษตร ทักษะการดำเนินชีวิตในสังคมให้กับเยาวชน

โดยเน้นวิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์และการปฏิบัติจริง (Learning by doing) ให้ยุวเกษตรกรมีความสามารถและมีความพร้อมในการสืบทอดอาชีพการเกษตร โดยให้มีการจัดงานชุมนุมยุวเกษตรกรทั้งในระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับประเทศ


เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรและที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานซึ่งกันและกัน เพื่อนำแนวคิดไปพัฒนา สร้างแรงจูงใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ รวมถึงสร้างเครือข่ายให้ยุวเกษตรกรและที่ปรึกษายุวเกษตรกรที่เข้มแข็งและขับเคลื่อนการพัฒนางานยุวเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพ


 



 
ทั้งนี้ การส่งเสริมยุวเกษตรกรไทยได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2495 โดยผู้เชี่ยวชาญองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations หรือ FAO)

ได้เสนอโครงการให้มีการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติสำหรับเกษตรกรผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวและเกษตรกรวัยรุ่น และในปี 2496 ได้มีการดำเนินโครงการทดลองส่งเสริมการปลูกพืช ทำสวนครัว และเลี้ยงสัตว์แก่เยาวชนที่โรงเรียนพรหมานุเคราะห์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นครั้งแรก 

มีการจัดตั้ง 4-H Club ขึ้นในประเทศไทย โดยนำรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการมอบหมายให้กระทรวงเกษตรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการส่งเสริมและจัดตั้งหน่วยยุวกสิกร ต่อมางานยุวกสิกรโอนมาเป็นภารกิจกรมส่งเสริมการเกษตรเมื่อปี 2510 และเปลี่ยนชื่อเป็น “กลุ่มยุวเกษตรกร” ในปี 2518



 


 
นายสำราญ กล่าวต่อว่า ในปี 2562 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรกำหนดจัดงานชุมนุมยุวเกษตรกรและที่ปรึกษายุวเกษตรกรระดับประเทศ ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 22-26 กรกฎาคม 2562 ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก

ภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณของกลุ่มยุวเกษตรกร คือ พลังที่ไม่สิ้นสุดในการขับเคลื่อน สร้าง และพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทย (Infinite Power The Spirit of 4-H club)” ด้านกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดแสดงนิทรรศการ


กิจกรรมด้านวิชาการ กิจกรรมประกวดและแข่งขัน อาทิ การแข่งขันตอบปัญหาด้านการเกษตร  การแข่งขันทักษะด้านการเกษตร/ศิลปะเกษตร และกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์/นันทนาการ ซึ่งกิจกรรมที่กำหนดขึ้นดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มยุวเกษตรกร


 


 
สร้างแรงจูงใจและกระตุ้นจิตสำนึกรักการเกษตรด้วยกลุ่มยุวเกษตรกรต้นแบบ สร้างความภาคภูมิใจในการเป็นยุวเกษตรกร รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนางานยุวเกษตรกร และเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายด้านการพัฒนางานเยาวชนในภาคการเกษตร

ช่วยประชาสัมพันธ์ผลงานดีเด่นของกลุ่มยุวเกษตรกรต้นแบบให้เป็นที่รู้จักและเป็นแรงบันดาลใจให้กับยุวเกษตรกร รวมทั้งการนำเสนอผลการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนายุวเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรด้วย  



 



 



Create Date : 02 กรกฎาคม 2562
Last Update : 2 กรกฎาคม 2562 13:05:57 น.
Counter : 857 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments