|

พญาไร้ใบ(๒ เล่มจบ) ผู้เขียน : กฤษณา อโศกสิน สนพ. บ.ศรีสารา (ครั้งที่ ๑ /มิ.ย. ๒๕๔๑)

(บางส่วน)จากคำนำผู้เขียน:
พญาไร้ใบ เป็นนวนิยายที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่งของข้าพเจ้า... ยากแต่อยากเขียน เมื่อเขียนแล้วก็ราวกับถูกตรึงให้ตกอยู่ในห้วงเหวอันลึกล้ำ... แทบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว ด้วยว่าดื่มด่ำไปกับตัวละครหลากหลายบุคลิกแห่งเรือนปั้นหยา ๓ หลัง ตั้งแต่แรกจรดดินสอเขียนตอนที่ ๑ จนถึงตอนอวสาน

เรื่องย่อ(ย่อเอง):
คุณพู่กลิ่นเป็นหญิงสาวโสดวัยสี่สิบต้น ๆ เธอมีพี่สาวและน้องสาวที่ต่างเป็นม่ายทั้งคู่อย่างละหนึ่ง คือคุณพิกุลและคุณพิกัน ทั้งสามเป็นลูกสาวของคหบดีแห่งละแวกนั้น มีทรัพย์ศฤงคารและบริวารมากมาย...แต่ไม่มีบุตร-ธิดาเลยสักคน
วันหนึ่ง มีคนเอาทารกน้อยใส่ถาดมาวางไว้ที่ท่าน้ำหน้าบ้านคุณพู่กลิ่น พร้อมจดหมายสั้น ๆ ฝากฝังขอให้ช่วยเลี้ยงเอาบุญเพราะตัวเองกำลังจะตาย คุณพู่กลิ่นจึงโอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นไปเลี้ยงดูด้วยความเวทนา ...เพราะแม่ของเด็กเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านเธอมาก่อน
เธอให้พระที่วัดใกล้บ้านตั้งชื่อให้เด็กน้อยสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า รัด
คุณพู่กลิ่นให้การอุ้มชู ฟูมฟักรัด เป็นอย่างดี ดีจนเกินไปในความรู้สึกของพี่น้องและบริวารคนอื่น ๆ ในบ้าน ซึ่งมีเด็กวัยไล่เลี่ยกันอยู่หลายคน รัดจึงเติบโตมาด้วยความรักของคุณแม่ แต่ท่ามกลางเสียงเปรียบเปรยเย้ยหยันจากคนรอบข้างว่าเป็นไอ้เด็กเก็บตก เด็กในถาด...
จนรัดอายุได้สิบขวบ เขาก็สุดจะทนกับความไม่เป็นสุขในบ้าน เขาจึงหนีออกไปอยู่กับครูที่โรงเรียน แม้คุณพู่กลิ่นจะมาตาม เขาก็ไม่ยอมกลับ เพราะเขารู้ดีว่าคุณแม่ของเขาไม่สามารถปกป้องเขาได้จากความเจ็บปวดในใจที่เขาได้รับ...จนรัดอายุสิบสี่ คุณพู่กลิ่นก็ล้มป่วยและเสียชีวิต เธอทำพินัยกรรมยกสมบัติ(ส่วนใหญ่)ของเธอให้กับรัด...ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความโกรธแค้น ชิงชังให้กับญาติและบริวารคนอื่น ๆ
รัดให้สัญญากับตัวเองและวิญญาณคุณแม่ของเขาว่า...เขาจะใช้ทรัพย์สินที่ได้มาให้เป็นประโยชน์สูงสุด...เขาเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอกและกลับมาหลังจากจบปริญญาโทในอีกสิบสองปีต่อมา...จากเด็กกำพร้า บัดนี้เขาได้กลายเป็นคุณรัดของบริวารจำนวนมากที่ยังคงพำนักอยู่ในเขตบ้านอันเป็นมรดกของเขา...รวมทั้งคุณพิกุล และคุณพิกันซึ่งชะตากรรมทำให้ไปติดบ่วงของคนทรงเจ้าจนหมดตัว เป็นหนี้เป็นสิน ต้องยอมโอนอ่อนเอาอกเอาใจรัดด้วยหวังให้เขาปลดหนี้สินให้
แต่รัดมีเป้าหมายที่สำคัญกว่า เขาวางแผนจะสร้างสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า...เขาจำเป็นต้องแข็งใจ ระบายเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านออกเสียบ้าง ทำให้เกิดความแค้นเคือง และวันหนึ่งเขาก็ถูกปองร้ายหมายชีวิต...

เรื่องราวยังอีกยาวยืด...หากจะเล่าให้จบคงอ่านกันตาแฉะ... เอาเป็นว่ารีวิวเลยแล้วกันนะคะ
คงเห็นจากเรื่องย่อแล้วว่ารัดไม่มีนางเอก...
จริง ๆ แล้วรัดมีผู้หญิงที่เข้าข่ายเป็นนางเอกได้มาพัวพันใกล้ชิดสองคนค่ะ
คนแรกคือสุมทอง...สุมทองเป็นลูกสาวของส่งศรี(น้องสามีคุณพิกุล) เป็นน้องของเปรย เด็กชายเกเรที่อายุมากกว่ารัดสี่ปี ตอนเด็ก ๆ มักรังแกรัดเป็นประจำ...ครั้งที่รุนแรงจนรัดต้องออกจากบ้านไปนั้นมีสุมทองเป็นต้นเหตุ
นั่นทำให้ความรู้สึกของรัดที่มีต่อสุมทองจึงยังเหมือนมีอะไรค้าง ๆ คาๆ อยู่ ทั้งๆ ที่สุมทองแสดงออกชัดเจนว่าเธอชอบเขา และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเขา...
อีกคนคือมะเดหวี...ลูกสาวของเพื่อนคุณพู่กลิ่นที่รัดเคยเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แรก ๆ มะเดหวีมีท่าทีห่างเหินกับรัด ไม่สนิทใจด้วย แต่หลังจากได้ใกล้ชิดกันเพราะรัดมาช่วยงานศพคุณยายของเธอเธอจึงรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง มะเดหวีมีคนรักอยู่แล้ว แต่คนรักของเธอเป็นคนที่รักอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด...รัดนั้นแม้จะเจ็บปวด แต่เขาก็ถือเป็นหน้าที่พี่ชาย จึงพยายามปรับความเข้าใจให้คนทั้งคู่ จนแต่งงานกันในที่สุด...
นิยายเรื่องนี้จึงไม่มีนางเอก...(ซึ่งหักอารมณ์คนอ่านที่อ่านแต่นิยายรักหวานมานับสิบเล่มก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก...)
แต่เรื่องราวชีวิตของรัดก็ช่างน่าสนใจ ชวนติดตามเป็นอย่างมาก จนไม่ได้นำพาเลยว่าไม่มีเรื่องราวความรักหวาน ๆ มีแต่ดื่มด่ำไปกับชีวิตของผู้คนที่โลดเต้นไปตามครรลองของแต่ละคนอย่างสมเหตุสมผล...
ประมาณว่า อ่านแล้ว ตระหนักถึงพุทธพจน์บทหนึ่งที่ว่า... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...เช่นนั้นเอง

|
ชอบเล่มนี้ แม้จะหนาสองเล่ม แต่ก็อ่านได้เพลิน