|

"ในกรงเล็บ : วีรภาพในกรงขังของนักสู้ วัน 6 ตุลาเลือด " ผู้เขียน :ศิลา โคมฉาย สนพ.มิ่งมิตร,(ครั้งที่ 2 ต.ค. 2539) 118 หน้า
โปรยปกหลัง :
ผ่านการต่อสู้มายาวนาน ทำให้ชีวิตของพวกเขาเหมือนถูกชำระด้วยไฟ ด้วยเลือด ด้วยน้ำตา...และน้ำใจ ที่ไหลหลั่งมิเคยเผือดแห้ง เมื่อละลายเอาความเห็นแก่ตัว เฉพาะเหล่า เฉพาะพวก ละลายตัวตน ธาตุประกอบแห่งมนุษย์ออกไป และเมื่ออากาศที่ไหลผ่านช่องจมูกเข้าออก ผสมด้วยความมั่นใจแห่งการดำรงอยู่... ดำรงอยู่เพื่อส่วนรวม เพื่อผู้ไร้โอกาส และเพื่อสังคม จึงทำให้พวกเขาหาญกล้า บริสุทธิ์... และวิญญาณเป็นอมตะ
*****
เป็นนวนิยายขนาดสั้นที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหลังกรงเหล็ก จากเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 โดยตัวละครสมมติอย่าง "เขน" เด็กหนุ่มนักศึกษาจากปักษ์ใต้ วัย 22...
"เขนถูกจับพร้อมนักศึกษาและประชาชนประมาณ 300 คน ที่ใต้ถุนตึกคณะเศรษฐศาสตร์ ในราวสามโมงเช้า เขาเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยทางสะพานพระปิ่นเกล้า ต้องคอยระวังยามตลอดคืนวันที่ 5 ตุลาคม เพื่อป้องกันการก่อกวนจากภายนอก... การฆ่าฟันกำลังจะยุติลงแล้ว เมื่อเหลือบตามองเห็นบริเวณหอประชุมใหญ่ ซากศพกองอยู่เป็นกลุ่ม ๆ เหมือนกองขยะ รอการเก็บและฝัง..."
เขนถูกส่งเข้าห้องขังหมายเลข 7 ร่วมกับพวกอีกร่วม ๆ 70 คน ในห้องกว้างขนาด 12 ตารางเมตร...
ด้วยไม่รู้ชะตาของตัวเองว่าจะต้องเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ในนี้อีกกี่วันกี่คืน พวกเขาต้องรวมตัวกันให้เป็นกลุ่มก้อน ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครมาจากไหน เป็นนักศึกษาหรือเป็นกรรมกร... พวกเขาต้องยืนหยัดร่วมกัน ต่อสู้ร่วมกัน ดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ต่อมาห้องขังหมายเลข 7 จึงกลายเป็นกองร้อยที่ 7 แห่งคุกบางเขน ที่เหตุการณ์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนั้น จะตราตรึงอยู่ในหัวใจของพวกเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่
*****
อ่านแล้วสะเทือนใจ มีหลายฉากหลายตอนที่ผู้เขียนบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังและเจ็บปวด... แต่ก็มีหลายตอนที่ปลุกเร้า ให้กำลังใจ...
มีตอนหนึ่งอ่านแล้วน้ำตาไหล คือตอนที่เขนถูกเรียกตัวไปสอบสวนซ้ำ แล้วเขาตอบไม่ตรงกับการสอบสวนครั้งแรก เขนถูกซ้อมอย่างทารุณก่อนจะถูกส่งไปขังเดี่ยว... แต่สิ่งของและกำลังใจที่เขาได้รับจากเพื่อน ๆ ร่วมกรงขังนั้น ช่วยทำให้ความเจ็บปวดบรรเทาเบาบางลงไปได้
คนอ่านไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศ หรือมีส่วนร่วมในการเรียกร้องสิ่งใด ๆ อย่างจริงจัง (เพราะส่วนตัวเชื่อมั่นในเรื่องของกฏแห่งกรรม กับวลีที่ว่า...ธรรมะจัดสรร) ทั้งยังไม่ค่อยกล้าพอที่จะอ่านวรรณกรรมแนว ๆ นี้...นอกเหนือไปจากตำราเรียน ที่ถูกบังคับให้อ่าน
แต่เมื่ออ่านนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้จบลง...คล้าย ๆ จะมีบางสิ่งบางอย่างมากระตุกต่อมคิด อาจจะเป็นคำถามที่ผู้เขียนได้ทิ้งท้ายไว้...
"...ผู้ต้องหาแห่งห้องขังหมายเลข 7 บางคนดับชีวิตลงกับไฟลุกโชน ฝังตัวเองหลับใหลลงกับผืนดินอันแสนเทิดทูน... บางส่วนย้อนรอยถอยกลับทางเดิมเพื่อคืนสู่ความเป็ยปุถุชนด้วยบาดแผลเจ็บช้ำ... ส่วนหนึ่งหยุดยั้งลงเพื่อครุ่นคิด เรียนรู้สรุปจากประสบการณ์ แลกเอาด้วยชีวิตทั้งชีวิต เสาะแสวงทางก้าวไปสู่จุดหมายไม่จบสิ้น ด้วยแรงดันจากความหวังที่ยังพอมีแสงหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะมนุษย์มิอาจไร้หวัง... การต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงจึงยังไม่จบสิ้น... แน่นอนย่อมไม่จบสิ้น ตราบมนุษย์ยังสำนึกได้ถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์... เพราะเขาย่อมปรารถนาสิ่งที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ ?"
กับประโยคทิ้งท้ายในหน้าคำนำที่ว่า...
...การอุทิศเพื่อส่วนรวมเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ไม่ว่ายุคสมัยจะแปรเปลี่ยนเป็นเช่นไร และสิ่งนี้ควรเป็นหน้าที่ของมนุษย์
บล็อกนี้ ขออุทิศแด่ดวงวิญญาณวีรชนผู้กล้าทุกท่านค่ะ! 

***เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ ค่ะ  
|
คนไทยลืมง่าย
ถ้าอ่านเล่มนี้จบสงสัยโจวลี่ต้องอินสุดริด