~เสียดสีแบบมีแก่นสาร หรรษาแบบมีสาระ กับ"ดำรงค์ อารีกุล" ~
|
ช่วงที่เล่นเกม"เหมันต์ขยันอ่าน" ซีซั่นที่ผ่านไป ขาดแคลนหนังสือใหม่ ๆ บนชั้น ก็เลยหันไปหาหนังสือเก่าเก็บที่ดองไว้ข้ามชาติมาอ่าน ปรากฏว่าพบขุมทรัพย์ค่ะ...
พบหนังสือที่ตอนแรกมองข้าม ด้วยเข้าใจผิดว่าเป็นหนังสือผู้ชาย ที่แบ่งเพศ ติดเรทอะไรประมาณนั้น เพราะเป็นหนังสือของพี่ชายที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบปีก่อน พี่เขาหวงมาก เก็บไว้ในตู้เดียวกับหนังสือรุ่นโบราณทั้งหลาย...
ในช่วงวัยหนึ่งไม่คิดว่าจะชอบอ่านหนังสือพวกนี้ แต่พอได้รื้อลงมาอ่านก็ทำเอาติดหนึบต้องลุยอ่านอย่างต่อเนื่อง...
แล้วก็ได้หนังสือมาตอบโจทย์สามโจทย์กับหนังสือ ๑๐ เล่ม... (ยังคงตกค้างอยู่บนชั้นอีกสี่เล่มค่ะ ไว้จะหาโจทย์ลงในซีซั่นหน้านี่แหละ)
ขออนุญาตก้อปมาจากที่รีวิวไว้ในกระทู้มาลงตามลำดับโจทย์ก็แล้วกันนะคะ
..........
สามเล่มแรกกับโจทย์ที่กำหนดให้ชื่อหนังสือมีจำนวนพยางค์เท่ากันทั้งสามเล่ม เห็นว่าหนังสือคุณดำรงค์มักจะตั้งชื่อสนุก ๆ ยาว ๆ เลยหยิบที่มีชื่อ ๘ พยางค์มาเล่น... (แอบคิดว่าจำนวนพยางค์เยอะ ๆ มันท้าทายดีอ่ะ)
๑.จักรยานแดงในรั้วสีเขียว (จัก-กระ-ยาน-แดง-ใน-รั้ว-สี-เขียว) ๒.เป็นพระเอกเอาไว้อย่าให้เศร้า (เป็น-พระ-เอก-เอา-ไว้-อย่า-ให้-เศร้า) ๒.ไม่แอบอุ่นไอหญิงจะอิงใคร(ไม่-แอบ-อุ่น-ไอ-หญิง-จะ-อิง-ใคร)

เล่มแรก...
จักรยานแดงในรั้วสีเขียว พิมพ์โดย สนพ.เทศภักดิ์ (ไม่ระบุครั้ง/ปีที่พิมพ์)
เรื่องนี้เป็นเรื่องทำนองชีวิตของนิสิตนักศึกษาซึ่งมีอะไรต่ออะไรกระจุ๋มกระจิ๋ม น่ารักน่าหมั่นไส้เชิงวิชาการ ซึ่งดำรงค์ อารีกุลได้ถ่ายทอดออกมาได้เห็นชัดและสวยงาม อ่านดูก็จะทราบได้ว่า ผู้เขียนได้จำลองชีวิตนิสิตจากมหาวิทยาลัยใดในเมืองไทย ...
.................
ในเล่มนี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นสี่เรื่องค่ะ ทั้งสี่เรื่องดำเนินไปในลักษณะเรื่องเล่าของหนุ่มน้อยนามวาที จิตมนัส นักศึกษาปีที่หนึ่งแห่งรั้วสีเขียว...
เล่มนี้ขอเล่านิด ๆ แต่ละเรื่องแล้วกันค่ะ
เรื่องที่ ๑. หนุ่มเยาว์วัยผู้ใจง่าย - -สุคนธ์เป็นรูมเมทของวาที เขามีโรคประจำตัวคือโรคใจง่าย...เขาตกหลุมรักใครต่อใครได้ง่ายและรวดเร็วมาก...ตอนแรกวาทีคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล่น ๆ แต่นานเข้าเขาก็ตระหนักว่ามันชักจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียแล้ว... สุคนธ์จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง...
เรื่องที่ ๒. จักรยานแดงในรั้วสีเขียว - - เป็นเรื่องเล่าที่สะท้อนให้เห็นถึงระบบอาวุโสหรือโซตัสอันเข้มข้นในมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันได้สาบสูญไปหมดแล้ว... อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อวาทีถูกกล่าวหาว่าขโมยจักรยานสีแดงของรุ่นพี่ชั้นปีที่สี่...?
เรื่องที่ ๓. โอลัลลัลลัลลาโอปาทังกา - - เรื่องสั้นขนาดยาว เป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของนักศึกษาวิชากีฏวิทยา ที่แทรกแซมเรื่องราวเชิงวิชาการอย่างขบขัน... เรื่องที่ ๔. ศิษย์อาจารย์เพี้ยน - - เมื่อวาทีได้พบกับนิสิตสาวสองแบบ ... คนหนึ่งฉลาดถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ส่วนอีกหนึ่งสาวนั้นฉลาดเหมือนกัน...แต่ฉลาดแกมโกง... แล้วเธอก็ลากวาทีเข้าร่วมขบวนการโกงไปกับเธอด้วยนี่สิ...จึงเป็นเรื่อง...
*********
เล่มที่สอง...
เป็นพระเอกเอาไว้อย่าให้เศร้า พิมพ์โดย สนพ.เทศภักดิ์ (ไม่ระบุครั้ง/ปีที่พิมพ์)
เล่มนี้นับเป็นรวมเรื่องสั้นเล่มแรกในชุด ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวสมาชิกชมรมกอดลมไว้อย่าให้หงอย อันมีตัวละครเด่น ๆ ได้แก่ หมง หงจินเป่า สันต์ บุษบง ...ฯลฯ
ผองพวกเขา หัวใจใฝ่คุณงามความดี แต่พฤติกรรมมีอันตก ๆ หล่น ๆ แทบทุกหัวถนนและมุมเมือง หรือไม่ก็แทบเท้าแทบตักกานดาคนโน้นคนนี้อยู่ร่ำไป ไม่ใช่เรื่องแอนตี้ฮีโร่ เพราะพวกเขานี่แหละที่อยากจะเป็นมันเสียเอง แต่เรื่องมันยุ่งก็ตรงที่ไม่มีใครเขาเอา เขายอมรับน่ะสิเล่า...
.........
พวกเขาเป็น
ผองเพื่อนผู้ติดดิน กรำแดด ตากฝน ทนหนาว และยังคลุกฝุ่น คลุกโคลนเป็นระยะๆ
อีกทั้งเรื่องราวที่สนุกหรรษา มีสาระ และร่วมสมัย อยู่เสมอ อ่านแล้ว จะรู้ว่ามอเตอร์ไซค์ เป็นยอดขวัญใจของคนเดินดินทุกคน
********
เล่มที่สาม...
"ไม่แอบอุ่นไอหญิงจะอิงใคร" พิมพ์โดย สนพ. โคลีออส (ไม่ระบุครั้ง/ปีที่พิมพ์)
รวมเรื่องสั้น ๙ เรื่องในเล่ม ค่อนข้างแตกต่างจากสองเล่มข้างบน เพราะรวมเรื่องสั้นชุดนี้เป็นการหยิบยกเรื่องราวชีวิตรอบ ๆ ตัวในสังคมมาบอกเล่า แบบเสียดสีเล็ก ๆ เย้ยหยันน้อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นการยั่วล้อมากกว่า
ตัวละครในเรื่องสั้นแต่ละเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ทุก ๆ เรื่องมีแกนหลักเดียวกันคืออาศัยสถานการณ์ร่วมสมัยเป็นสำคัญ แล้วใช้อารมณ์ขันแต่งแต้มเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ด้วยสำนวนภาษาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้จะจิกกัดแต่ก็ไม่ถึงกับเจ็บแสบ อาจจะแค่เกิดอาการหมั่นไส้...ใครเป็นครูบาอาจารย์ก็อาจจะอยากหยิกพุงเบา ๆ ...ประมาณนั้น
เรื่องสั้นทั้ง ๙ เรื่องประกอบด้วย
-สาวอักษรศาสตร์ไกลมือ -ข้างขวาค่ะที่รัก -สนามหญ้าหน้าบ้าน -พุธเช้า -เพ็ดดีกรี -รักเป็นเกมอันตราย -มนุษย์เจ้าปัญหา? -นมกี่เต้า? -โรงเรียนกวดวิชา
อ่านสนุกทุกเรื่องค่ะ คอนเฟิร์ม!
 
สองเล่มแรก ...
อะไรจะขนาดนั้น? กับ แหกคอกเขียว พิมพ์โดย สนพ.เทศภักดิ์ (ไม่ระบุครั้ง/ปีที่พิมพ์)
สองเล่มนี้เป็นเรื่องสั้นในชุดชีวิตนิสิตนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เล่มแรกเป็นเรื่องสั้นคัดสรรที่บอกเล่าโดย วาที จิตมนัส (เจ้าเก่าจากจักรยานแดงในรั้วสีเขียวนั่นเอง) เผยเคล็ดลับในการจีบหญิงอย่างเนียน ๆ ในชั่วโมงเรียน... สนุกแบบน่ากลุ้มใจในความผาดแผลง พฤติกรรมแบบหลุดโลก... จนต้องอุทานว่า...อะไรจะขนาดนั้น?
ส่วน แหกคอกเขียว ก็ยังคงเป็นเรื่องสั้น ๆ ของนักศึกษาสถาบันเดิม แต่เรื่องสั้นชุดนี้จะมีตัวละครที่แตกต่างหลากหลาย แต่พวกเขามีหัวใจเดียวกันนั่นคือหัวใจที่เป็นอิสระ... เมื่อต้องเข้ามาอยู่ในรั้วสีเขียว พวกเขาจึงอดมิได้ที่จะแหกคอก เพื่อทะลุไปสู่ความแปลกใหม่...
มีทั้งแหกคอกแบบกุ๊กกิ๊ก น่ารัก แหกคอกอย่างลึกลับ พิสดาร แหกคอกอย่างมุ่งมั่นเพื่อพิทักษ์ธรรม แหกคอกอย่างทวนกระแส...อย่างดิบเถื่อน อย่างบ้าระห่ำ... ฯลฯ จนกลายเป็นตำนานเล่าขานของคนในรั้วสีเขียวมากมายไม่รู้จบ...
*******
เล่มที่สาม...
"อ๊ะ...น้องอะไรแว้บแว้บ?" พิมพ์โดย สนพ.โคลีออส(ไม่ระบุครั้ง/ปีที่พิมพ์)
เล่มนี้ฟังชื่อออกแนวล่อแหลมนะ แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เป็นเรื่องสั้น-สั้น 17 เรื่องในชุดชมรมนักบิด กอดลมไว้อย่าให้หงอย เขาจั่วหัวเรื่องชุดนี้ไว้ว่า
เรื่องราวของคนหนุ่มสาวร่วมสมัย... ผู้จรมอเตอร์ไซค์ในป่าคอนกรีต
.
เรื่องราวในเล่มเป็นเรื่องสั้น ๆ แต่เรื่องราวก็ดำเนินสอดร้อยกันไป มีตัวละครที่ต่อเนื่อง และประเด็นที่นำเสนอก็สามารถโยงใยถึงกันได้หมด เพราะผู้เขียนได้หยิบยกเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นกระแสในช่วงนั้น ๆ มาบอกเล่าด้วยอารมณ์ขันที่แฝงไว้ด้วยสาระน่าขบคิดอยู่ไม่น้อย...
ที่ชอบมาก ๆ ในเล่มนี้คือตอนที่ใช้ชื่อว่า คำสาปทางวัฒนธรรม... ซึ่งต่อเนื่องมาจากตอนก่อนหน้านั้นคือ พันธุ์หายาก บอกเล่าถึงตอนที่หมง หงจินเป่า นักยั่วล้อชีวิตผู้มากด้วยอารมณ์ขันได้พบกับกวีหนุ่มใหญ่ผู้อ่อนไหวและมีหัวใจพเนจร...อย่างน้าปอน...(อดีตบ.ก.นิตยสาร"สู่ฝัน" - พิบูลศักดิ์ ละครพล) มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุปสรรคและขวากหนามของคนในแวดวงหนังสือ... ที่ทั้งน่าขันและน่าขมขื่นปานกัน
แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องอื่น ๆ จะไม่ชอบนะคะ...ชอบทุกเรื่องนนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เรื่องที่พูดถึงนั่นในใกล้ตัวหน่อย...
*******
เล่มที่สี่...
โตแล้วค่ะ พิมพ์โดย สนพ.โคลีออส(ครั้งแรก ต.ค. ๒๕๓๙)
เล่มนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นนิยายขนาดสั้น... เป็นเรื่องเล่าของเด็กมัธยมโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับการอบรมให้มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ติดยึดอยู่กับผู้ใด และสิ่งใดทั้งสิ้น รู้จักเลือก รู้จักตัดสินใจ และรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเลือกและตัดสินใจแล้วนั้น
.......
พวกเขาและเธออาจจะต้องผจญและปะทะกับแรงกดดันหลาย ๆ อย่าง จนเหมือนจะเกินกำลังของเด็กวัยนี้...แต่พวกเขาก็สู้อย่างไว้ลาย... แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นเด็กธรรมชาติดั้งเดิมของตัวเอง... เรื่องราวทั้งหมดจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีสีสัน มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยอารมณ์ขัน...มีทั้งขันลึก ๆ แบบต้องขบ(คิด)ก่อนแล้วจึงขัน และมีทั้งขันแบบโฉ่งฉ่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา
เรื่องเล่าโดยป๊อด...เด็กหนุ่มแห่งโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเพื่อนสาวคนสนิทที่เป็นถึงลูกสาวคุณหญิงชื่อดัง...กับหลานสาวอาจารย์มหาวิทยาลัยเก่าแก่...(ซึ่งใครต่อใครต่างเรียกท่านว่า"อาจารย์แม่")และเขายังมีเพื่อนหนุ่มผู้สุขมลุ่มลึก (แถมรูปงามอีกต่างหาก)อนาคตนักการเมืองชื่อดังอย่างอภิสุทธิ์...
เรื่องราวของพวกเขารับรองว่า...สนุกแน่นอนค่ะ!
หนังสือคุณดำรงค์ในชุดนี้ทั้งหมดเท่าที่อ่าน (๙ เล่ม) ชอบเล่มนี้มากที่สุดค่ะ ... ผู้เขียนได้เอาตัวเองไปสวมจิตสวมใจเด็กพันธุ์ใหม่วัยเยาว์ได้อย่างแนบเนียน กลมกลืนมาก มีการล้อเลียนสถานการณ์ร่วมสมัยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากอยากรู้ว่าในยุคนั้นมีอะไรที่เป็นกระแสอยู่ อ่านหนังสือของคุณดำรงค์ซักเล่มหนึ่งก็จะรู้ได้ไม่ยากค่ะ
*********
เล่มที่ห้า...(เล่มสุดท้ายในโจทย์นี้)
"โสดไม่เสร็จ" สนพ.โคลีออส(ครั้งแรก ส.ค. ๒๕๔๐)
รวมเรื่องสั้น ๑๓ เรื่อง ของหนุ่มสาว ๑๒ คู่ในเล่มเป็นเรื่องสั้นแนวเสียดสี ยิงมุขกระจายสไตล์คุณดำรงค์เขาแหละค่ะ...
ขออนุญาตคัดคำนำผู้เขียนมาลงแทนการเล่าเรื่องก็แล้วกันค่ะ...
หนุ่มสิบสองแบบ สาวสิบสองแบบซึ่งมากันจากคนละทิศ คิดกันคนละอย่าง พบกันอย่างผิดฝาผิดตัว ผิดที่ผิดทาง ผิดกาละ ผิดพื้นเพ ด้วยโตมาคนละแบบ ไปจนถึงผิดประเพณี...
ก็ด้วยความผิดแผก ความแตกต่างนานาสารพันเหล่านี้แหละ ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวทั้งสิบสองคู่จึงมากด้วยความขัดแย้ง ไม่มีที่จะชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้สักกรณี...
จึงเป็นที่มาของคำว่า...โสดไม่เสร็จ...นั่นเอง
.....
อ่านสนุกค่ะ ในเล่มนี้ไม่แน่ใจนักว่าผู้เขียนเขาแอบแหย่หรือแซวใครในแวดวงไฮโซอีกหรือเปล่า...เพราะบังเอิญคนอ่านค่อนข้างโลว์โซ แถมมาอ่านเอาหลังจากเวลาล่วงเลยไปกว่าสิบปี...
พิมพ์โดย สนพ.โคลีออส (ไม่ระครั้ง/ปีที่พิมพ์)
เล่มนี้เป็นเรื่องสั้นในชุดกอดลมไว้อย่าให้หงอย
นั่นก็คือเป็นเรื่องราวของบรรดาเหล่าสมาชิกชมรมนักบิด อันมีตัวละครหลัก ๆ อย่างหมง หงจินเป่า สันต์ บุษบง อ๊อด ใจเรี่ยม เสี้ยม หน้าพระลาน...
หลากหลายในความแตกต่าง หากกระนั้นผองพวกเขาก็ยังผูกกระสันรวมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น มือเติบใจเติบในการยั่วล้อชีวิตอย่างสุดแสนมีอารมณ์ขัน ทั้งที่บ่อยครั้งชีวิตชักพาชะตากรรมเข้าเล่นงานพวกเขาจนแทบหายใจไม่ทัน ขันไม่ออก...
ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมของนักเขียนท่านนี้แหละค่ะ เป็นการหยิบยกเอาเรื่องราวในสังคมมายั่วล้อ เสียดสีเล็ก ๆ แต่อาศัยความมัน ความสนุกเป็นพื้นฐาน การเสียดสีนั้นจึงไม่รุนแรงนัก...
เรื่องราวในเล่มนี้เป็นตอนที่สังคมไทยกำลังอยู่ในยุคที่...ตะเกียกตะกายสู่ความเป็นนิกส์... เรื่องที่นำมาล้อเลียนจึงเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น รวมถึงนักการเมืองในยุคนี้หลายคนก็ไม่พ้นถูกนำมากล่าวขวัญ... อ้อ...กระทั่งพระนักเทศน์ชื่อดังก็ยังไม่วายถูกแซว...กลายเป็นหลวงพี่เฮฟวี่ไปเสียได้ 
*******
บล็อกนี้ยาวอ่ะ... แต่เชื่อไหมว่าอ่านไปเยอะ ๆ อย่างนี้ยังไม่อิ่มไม่เอือมค่ะ ว่าจะต้องหางานของนักเขียนท่านนี้มาอ่านเพิ่มอีกแน่นอนค่ะ ชอบมาก...
~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ ค่ะ   
|
Create Date : 29 มีนาคม 2554 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2561 15:16:11 น. |
|
14 comments
|
Counter : 4262 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2554 เวลา:5:46:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2554 เวลา:11:31:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:6:20:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:13:29:22 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:23:51:42 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:6:14:32 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:6:00:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2554 เวลา:5:27:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:5:58:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:5:48:21 น. |
|
|
|
โดย: นิตยานิตย์ IP: 110.171.24.33 วันที่: 2 ธันวาคม 2554 เวลา:23:31:54 น. |
|
|
|
โดย: bongge IP: 119.46.58.215 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:14:49:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
หลายปีก่อน
ผมก่ตามอ่านงานของคุณดำรงค์เกือบครบทุกเล่มเลยเน้อครับ
มาหยุดซื้ออ่านก่ตอนตี้ผมเลือกเปลี่ยนแนวการอ่านหนังสือน่ะครับ
ตะก่อนก่ซอบอ่านเรื่องสั้น และนิยายมากพอสมควร
แต่บ่าเด่วบ่าค่อยได้อ่านแล้วครับ