กนกลายโบตั๋น ~ ศรีฟ้า ลดาวัลย์
|

กนกลายโบตั๋น ศรีฟ้า ลดาวัลย์ / แต่ง สนพ.โชคชัยเทเวศร์ / พิมพ์ (ปกแข็ง พ.ศ. ๒๕๓๔)

เรื่องย่อ : เมื่อรู้ว่า"วิภาดา" หลานสาวกำลังจะเดินทางไปทัศนาจรประเทศจีน คุณยายก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เรียกเธอมาเล่าให้ฟังถึงน้าหญิงคนเล็กของเธอ.. .ม.ร.ว.หญิงริมทอง...ว่าได้เดินทางไปเมืองจีนแล้วก็เลยไม่กลับ เพราะไปแต่งงานกับคนจีนที่นั่น...คุณยายคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวมากแต่ไม่รู้จะติดตามถามข่าวกับใคร เพราะลูก ๆ คนอื่น ๆ ของคุณยายต่างก็รู้สึกไม่พอใจที่น้องคนเล็กตัดสินใจเช่นนั้น ทุกคนตัดใจจากน้องได้ แต่คนเป็นแม่ย่อมตัดลูกสาวของตนไม่ได้
คุณยายขอให้วิภาดาช่วยติดตามหาน้าหญิงของเธอให้ได้ วิภาดารับปากคุณยาย แม้จะรู้ว่าโอกาสที่จะพบคุณน้านั้นมีน้อยเต็มที เพราะประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน...แต่อาจเป็นด้วยโชคชะตาหรือฟ้ากำหนดก็เหลือคาด วิภาดาได้พบกับน้าหญิงของเธอจนได้ เพราะลูกชายของน้าบังเอิญมาทำงานเป็นไกด์ให้กับกลุมนักทัศนาจรที่วิภาดาเดินทางมาด้วยพอดี
วูซูหลิน...เป็นหนุ่มชาวจีนที่มีสายเลือดไทยครึ่งหนึ่งจากผู้เป็นแม่... แม่ผู้ถือกำเนิดมาในตระกูลศักดินา... เขารู้สึกประทับใจในตัววิภาดาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ด้วยความสดใสร่าเริงของหญิงสาว...จากความผูกพันทางสายเลือดในเบื้องต้น ก่อตัวเป็นความรู้สึกอันลึกซึ้งระหว่างกัน เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ที่วิภาดาไปพักอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ๆ ของครอบครัววู
วิภาดากลับมาเมืองไทยพร้อมด้วยกำลังใจอันสำคัญยิ่งที่มอบให้กับคุณยายของเธอ ในขณะที่ญาติ ๆ คนอื่น ๆ ไม่มีใครสนใจใยดี
เมื่อเวลาผ่านไป ธุรกิจของครอบครัวเกิดซวดเซ วิภาดาจำต้องรับหมั้นกับชายหนุ่มรุ่นพี่...และแต่งงานกันในเวลาต่อมา... แต่การแต่งงานของเธอนั้นเป็นไปเพียงเพื่อหน้าที่และความรับผิดชอบโดยแท้ หัวใจของเธอยังผูกพันลึกซึ้งอยู่กับญาติหนุ่มชาวจีน
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจีน (หลังการเสียชีวิตของประธานเหมา ช่วงประมาณปี ๒๕๒๐-๒๕๒๑) จีนเปิดประเทศมากขึ้น ผู้คนเดินทางไปมาระหว่างประเทศได้มากขึ้น วูซูหลินมีโอกาสติดตามคณะผู้แทนรัฐบาลจีนมาเยือนประเทศไทย วิภาดาได้พยายามติดต่อจนสามารถพาวูซูหลินมาเยี่ยมคุณยายของเขาได้ ท่ามกลางสายตากึ่งสนอกสนใจ กึ่ง ๆ ประเมินท่าทีจากบรรดาญาติ ๆ ... และในตอนนี้เอง ซูหลินก็ได้รับรู้ว่า...วิภาดาแต่งงานแล้ว...
หรือวิภาดาจะเป็นเพียงความฝันสำหรับเขาไปแล้วจริง ๆ อย่างที่แม่ของเขาเคยพร่ำเตือน... ถ้าเช่นนั้น...ดอกโบตั๋นจะเกี่ยวพันร้อยรัดกับกิ่งก้านลายกนกได้อย่างไร...?

นิยายรักลึกซึ้งและมั่นคงระหว่างคนสองคนที่ต่างสัญชาติ ต่างวัฒนธรรม มีเพียงเสี้ยวส่วนของสายเลือดที่เป็นสายใยโยงกันไว้... กับความผูกพันอันลึกซึ้งที่อุปสรรคใด ๆ ก็มิอาจกั้นขวาง...
ภาพดอกโบตั๋นค่ะ(พักสายตา)

หนังสือเล่มนี้วางอยู่บนชั้นมาเนิ่นนานมาก รู้ว่าเป็นนิยายน้ำดี แต่เมื่อก่อนไม่ได้หยิบมาอ่านเพราะติดพันอยู่กับนิยายยุคใหม่ ๆ ที่มีออกมามากมายเหลือเกินในโลกหนังสือ ประกอบกับได้ดูละครทีวีแว่บ ๆ คิดว่าเป็นนิยายรักต่างชนชั้นฐานันดร ธรรมดา ๆ... แต่เผอิญเมื่อคืนก่อนแม่เขานอนไม่หลับก็เลยนอนคุยกัน แม่ก็เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง แน่ล่ะ เรื่องเล่าของแม่ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเก่า ๆ ... เก่าตั้งแต่เรายังไม่เกิดโน่นทีเดียว...
ตอนหนึ่งแม่ก็เล่าถึง "ป้า" กับลูกของป้าให้ฟัง... แม่เล่าว่าป้าแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย กับชายชาวจีนคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากประเทศจีนตั้งแต่หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง ตอนนั้นแม่เองก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงวัยประมาณเก้าขวบเท่านั้น...
ป้าแต่งงานได้สองปีก็มีลูก...แต่ป้าอาภัพนัก ลูกชายป้าอายุเพียงสองขวบป้าก็เสียชีวิตด้วยโรคที่คนโบราณเรียกว่า โรคผิดเดือน... หลังจากป้าตาย สามีของป้าก็หอบลูกชาย(หลานของแม่)กลับไปเมืองจีน แล้วก็หายเงียบไปเลยไม่ได้ส่งข่าวคราวมาทางเมืองไทยอีก... แม่บอกว่าแม่กับพี่ ๆ คนอื่น ๆ ต่างก็รักและอาลัยหลานชายตัวน้อยเป็นนักหนา เพราะเคยได้อุ้มชูเลี้ยงดูกันอยู่ในช่วงที่เขาเป็นทารก...แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะคนที่เอาไปนั่นก็เป็นพ่อของเขาเอง...
จนเวลาล่วงเลยไป...นานมากเกือบสี่สิบปีได้...ตอนนั้นแม้ว่าฉันจะยังเด็กมาก แต่ก็จำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แม่นยำ... มีรถเก๋งคันโก้คันหนึ่งมาจอดที่หน้าบ้านเรา มีชายหนุ่มใหญ่ท่าทางภูมิฐาน อายุน่าจะราว ๆ สี่สิบต้น ๆ ก้าวลงมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าบ้าน พี่สาวคนโตของฉันปราดออกไปถามไถ่อย่างคนเจนมารยาท เสียงเขาถามว่าที่นี่บ้านน้า...(ชื่อแม่ฉัน)ใช่ไหม พี่สาวก็ตอบว่าใช่ เขาดูมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด...ถามต่อว่าแล้วน้า...อยู่หรือเปล่า...พี่สาวฉันจึงหันมาตะโกนเรียกแม่ ซึ่งนั่งเย็บจักรอยู่หลังบ้าน เมื่อแม่ออกมา...ชายคนนั้นก็จ้องมองแม่อย่างตื่นตะลึง แล้วก็ทรุดตัวลงคุกเข่า ยกมือไหว้แม่ปะหลก ๆ พร้อมกับน้ำตาไหลพราก ๆ ...สร้างความแปลกใจและตกใจให้กับพวกเราที่ออกันอยู่ที่ประตูเป็นอย่างยิ่ง
แม่เองก็ออกอาการเงอะๆ งะๆ ด้วยไม่รู้จักและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ชายคนนั้นจึงแนะนำตัวตะกุกตะกักว่าเขาชื่อ...เป็นลูกของแม่... (ชื่อป้า) นาทีนั้น...แม่ก็เข่าอ่อนทรุดลงต่อหน้าหลานชายนั่นเอง...
ปกติแม่เราเป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยแสดงความรักกับลูก ๆ (ที่โต ๆ แล้ว) ด้วยการสัมผัสใกล้ชิดสักเท่าไหร่ แต่ภาพที่พวกเราเห็นในวันนั้นก็คือ แม่เกาะกอดผุ้ชายคนนั้นไว้แน่น ลูบหลังลูบไหล่ ทั้งจับต้องหน้าตาเขาอยู่นั่นแหละ...ราวกับเขาเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ วัยเพียงสี่ห้าขวบ ไม่ใช่ชายวัยสี่สิบ รูปร่างสูงใหญ่อย่างที่เราเห็นอยู่...
นั่นคือภาพที่ติดตาเรามาจนบัดนี้ และก็คงติดตรึงอยู่ในใจแม่เช่นกัน เมื่อพูดถึงทีไรแม่ก็น้ำตาไหลทุกที... (ปัจจุบันหลานชายแม่คนนี้เสียชีวิตแล้ว...)

และนั่นก็คือแรงบันดาลใจให้หยิบหนังสือเล่มนี้ลงมาปัดฝุ่นแล้วก็อ่านอย่างจริงจัง...รวดเดียวจบ...นึกเสียดายว่า ตัวเองช่างโง่งมอยู่เป็นนานที่ไม่ได้หยิบเพชรแห่งวรรณกรรมชิ้นนี้มาชื่นชมทั้ง ๆ ที่...วางอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ มีหลายบทหลายตอนมากที่ชอบ...ขอยกตัวอย่างมาเพียงเล็กน้อยแล้วกัน...
"...ซูหลินจะพูดภาษาไทยกับมารดา...แม่เรียกเขาว่า..."ลูกรัก" เขาชอบฟังภาษาไทยคำนี้จากปากแม่ของเขานัก สำเนียงมันไพเราะอ่อนหวาน แม่เป็นคนมีน้ำเสียงไพเราะอยู่ด้วย เมื่อพูดจาด้วยภาษาที่มีวรรณยุกต์สูง ๆ ต่ำ ๆ คล้ายเสียงดนตรี จึงยิ่งฟังไพเราะคล้าย ๆ เสียงนกในฤดูชิวเทียน...(ฤดูใบไม้ร่วง)..."
หรือตอนที่ซูหลินรู้ว่าวิภาดาเป็นญาติของเขา...
"จิตใจและอารมณ์ของซูหลิน แต่ไหนแต่ไรมาเคยสงบราบเรียบอยู่เสมอ... เมื่อเริ่มปฏิวัติวัฒนธรรมเขาเพิ่งจะมีอายุเพียง ๑๕-๑๖ ปี กำลังเป็นเยาวชนที่มีหัวรุนแรง ... แต่อาจจะเป็นเพราะความรักและการกล่อมเกลาอย่างอ่อนโยนของแม่ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกต่อต้านการกระทำอันโหดร้ายและบ้าคลั่งบางอย่าง... เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น ไม่มีใครกล้าแสดงออก หรือขัดขวาง... แต่เป็นด้วยความรักแม่และคงเป็นเพราะอายุของเขาผ่านวัย"ไฟ"มาแล้ว รวมทั้งพวกเรดการ์ดถูกยับยั้งความบ้าคลั่งให้สงบซาลง... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จิตใจและอารมณ์ของเขาก้พลอยสงบราบเรียบ... ไม่เคยมีเหตุการณ์หรือมีใครทำให้เขาเกิดความรู้สึกหวั่นไหวแปลก ๆ ... ดังที่กำลังเกิดขึ้นกับเขาขณะนี้..."
อีกตอนที่ซูหลินพูดถึงความแตกต่างของโลก...เมื่อถูกวิภาดาถามไถ่...
"ผีก็อยู่โลกหนึ่ง คนก็อยู่โลกหนึ่ง คนละโลกกัน...แล้วทีนี้ โลกของคนที่ปกครองแตกต่างกันล่ะคะ อย่างโลกประชาธิปไตยกับโลกคอมมูนิสต์ พี่ซูหลินว่าเป็นคนละโลกเหมือนโลกคนกับโลกผีหรือเปล่า...?" ซูหลินตอบด้วยหน้าตาเคร่งขรึมว่า..."โลกผีกับโลกคนแตกต่างกันเพราะมันเป็นโลกของคนตายกับคนเป็น แต่โลกที่มีการปกครองแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโลกคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย หรือลัทธิอะไรก็ตามคือโลกของคน...ถึงโลกจะแตกต่างกัน แต่ความเป็นคนไม่แตกต่างกัน...ผมหมายถึงคนอย่างเรา ๆ ...อย่างคุณกับผม""
ผู้ชายที่เติบโตมาในโลกคอมมิวนิสต์ก็มีความรักอันดื่มด่ำได้...แต่ต้องควบคุมให้อยู่ในกรอบในเกณฑ์...
"เราเป็นปุถุชน แม้บางคนจะถูกหลอมมาให้แข็งกระด้าง แต่พื้นฐานจิตใจของทุกคนไม่เหมือนกัน แม้แต่ประเทศเสรีก็เถอะ ใช่ว่าทุกคนจะแต่งงานด้วยความรักเสมอไปหมด...หรือคุณจะปฏิเสธว่า ทุกคนในโลกเสรีแต่งงานด้วยความรัก ทุกคนและทุกคู่... ผมไม่ได้รักคุณอย่างผู้ชายรักผู้หญิงอย่างเดียว แต่มันลึกซึ้งผูกพันกันยิ่งกว่านั้น รักอย่างภรรยา รักอย่างน้อง รักอย่างคนที่เข้าใจกันผูกชีวิตจิตใจเอาไว้ด้วยกัน..."

โห...บล็อกนี้ยาววววว.........จะอ่านข้ามมั่งก็ได้นะคะ เพียงแต่อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วเกิดความประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกิดอารมณ์สะเทือนใจในบางบทบางตอน...จึงนำมาบอกเล่ากันค่ะ
|
Create Date : 29 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 11 เมษายน 2556 12:25:58 น. |
|
42 comments
|
Counter : 12753 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ยอพระกลิ่น วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:39:10 น. |
|
|
|
โดย: โมกสีเงิน วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:47:45 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:53:58 น. |
|
|
|
โดย: กชมนวรรณ วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:36:27 น. |
|
|
|
โดย: BeCoffee วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:02:53 น. |
|
|
|
โดย: กุลธิดา IP: 206.74.208.250 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:17:13 น. |
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:35:30 น. |
|
|
|
โดย: โมกสีเงิน วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:12:05 น. |
|
|
|
โดย: treehouse วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:39:05 น. |
|
|
|
โดย: ปลิวตามลม วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:22:24 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:06:56 น. |
|
|
|
โดย: โมกสีเงิน วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:33:38 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:34:55 น. |
|
|
|
โดย: พ่อพเยีย วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:15:04 น. |
|
|
|
โดย: ธรรม (ห่วงใย ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:4:03:16 น. |
|
|
|
โดย: นายแจม วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:18:19 น. |
|
|
|
โดย: กวินทรากร วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:18:17 น. |
|
|
|
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:9:11:12 น. |
|
|
|
โดย: kiimujii วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:17:04:09 น. |
|
|
|
โดย: กวินทรากร วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:17:25:53 น. |
|
|
|
โดย: ลูกปัดแก้ว วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:22:00:50 น. |
|
|
|
โดย: ยายกุ๊กไก่ วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:22:01:20 น. |
|
|
|
โดย: แม่เฮือน วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:2:06:14 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:10:09:05 น. |
|
|
|
โดย: ลูกปัดแก้ว วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:20:11:34 น. |
|
|
|
โดย: มุกสีทอง วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:22:01:46 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:22:19 น. |
|
|
|
โดย: นวล ทองคำแท้ IP: 58.9.183.190 วันที่: 13 กันยายน 2552 เวลา:22:26:13 น. |
|
|
|
โดย: ปินค่ะ IP: 192.168.0.61, 58.10.128.129 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:35:17 น. |
|
|
|
โดย: สำรวย IP: 115.87.70.34 วันที่: 16 มกราคม 2553 เวลา:11:29:12 น. |
|
|
|
โดย: อั๋น IP: 180.180.154.126 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:2:32:56 น. |
|
|
|
โดย: C. THANATTHEERAKUL IP: 49.228.178.237 วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:12:23:28 น. |
|
|
|
| |
|
|