|

ปีกปรารถนา โดย ดวงตะวัน พิมพ์โดย สนพ.ดวงตะวัน(มกราคม ๒๕๕๒)
~ โบยบินสู่ขอบฟ้าหัวใจ ~
จากเว็บ สนพ.ดวงตะวัน
ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น หลายคนคงเห็นด้วยกับประโยคที่ว่านี้ น่าแปลกก็ตรงที่ความคิดที่ตามมาจากประโยคสั้น ๆ นั้นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
สำหรับบางคน หรือหลายคน ชีวิตยิ่งสั้นก็ยิ่งต้องดิ้นรน ตักตวงกอบโกยให้เต็มที่ เพื่อร่นระยะเวลาแห่งความเต็มพร้อมในชีวิตให้มาถึงโดยเร็ว ก่อนที่โอกาสในการเสพสุขจะจบสิ้นลง อีกบางคน ชีวิตแสนสั้นสั่งให้ขวนขวายแสวงหาความสำเร็จ รางวัล เกียรติยศ เพื่อให้โลกจารจารึกชื่อและตัวตนไว้
ขณะที่บางคน ชีวิตแสนสั้นกลับบอกเขาว่า ไม่มีเวลายาวนานพอในการรีรอที่จะทำความดี ไม่ใช่เพื่อคำยกย่องสรรเสริญ หรือแม้บุญบารมีใด ๆ หากแต่เพื่อหัวใจตนเอง...ทำเพราะต้องทำ ไม่อาจเพิกเฉยได้ ปรารถนา ปรมี ณภัทร์ นิจ กนธี รสริน ยวดยง ฯลฯ นิยามต่อ ชีวิต และ การใช้ชีวิต ที่แตกต่าง พาพวกเขามาพานพบและพันผูกกัน และจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ต่างก็มีโจทย์ในใจ...คุณค่าแท้จริงของการใช้ชีวิตและความหมายที่แท้ของการดำรงอยู่คืออะไร ? ที่สุดปลายทางของปรารถนาที่ต่างคนต่างติดปีกทะยานไป มีคำตอบรอคอยพวกเขาอยู่...คำตอบและความหมายของช่วงเวลาอันแสนสั้นในชีวิตเล็ก ๆ ของมนุษย์ ซึ่งแท้จริงแล้วอาจไม่ต่างจากชั่วขณะการกะพริบของดวงดาวยามค่ำคืน

เรื่องย่อ (ย่อเอง) : ปรารถนา สถาปนิกสาวผู้โดดเด่น รู้สึกได้ถึงความภาคภูมิใจสูงสุดเมื่อได้รับการประดับ "ปีกเพชร" อันเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในวงการสถาปนิก เธอคิดว่าด้วยปีกเพชรอันนี้เธอจะสามารถบินได้สูงและไกลกว่าคนอื่น ๆ แต่เพียงชั่วข้ามคืนเธอก็ต้องพานพบกับความผิดหวังซ้ำซ้อน เมื่อผลงานของเธอถูกปฏิเสธถึงสองชิ้นติด ๆ กัน อีกทั้งยังถูกเพื่อนร่วมงานเยาะเย้ย เธอซมซานเหมือนนกปีกหัก ขับรถเรื่อยเปื่อยจนไปพบสถานที่ที่เธอเคยคุ้นมาแต่เล็กแต่น้อย นั่นคือโรงเรียนอนุบาลเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่เธอเคยเรียนสมัยเด็ก ๆ นั่นเอง ที่นั่นเธอพบกับครูปอ - - ปรมี ลูกชายของอดีตคุณครูใหญ่ของเธอ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และครูปอก็เข้ารับช่วงเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้แทน และแท้ที่จริง ปรมีก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยอนุบาลกับเธอนั่นเอง
ปรารถนาได้เรียนรู้และซึบซับน้ำจิตน้ำใจมากมายจากเพื่อนเก่าและครูเก่ารวมทั้งสังคมเรียบง่ายที่นี่ ก่อเป็นฐานทางใจอันมั่นคงให้กับเธอ จนพร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคใด ๆ ในหน้าที่การงานที่เผชิญอยู่... แต่เธอจะทำอย่างไร...หากวันหนึ่งเธอพบว่า... ด้วยหน้าที่การงานที่เธอมุ่งมั่นสรรค์สร้างนั้นกลับกลายเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำร้ายผู้คนและสถานที่ที่แสนจะอบอุ่นสำหรับเธอแห่งนี้

ส่วนตัว... ค่อนข้างชอบทีเดียวค่ะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ให้แง่คิดมุมมองที่ดีและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตการทำงาน และการอยู่ร่วมกันกับผู้คนในสังคม ไม่มีบทรักฟุ้งเฟ้อ แต่ก็ไม่เข้มเครียดจนเกินไป การดำเนินเรื่องก็ค่อนข้างเรียบ ๆ ง่าย ๆ ...แม้จะมีจุดที่ทำให้ผู้อ่านสามารถเดาเรื่องราวได้ตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง แต่ก็ไม่สะดุดหรือชวนวาง... กลับเป็นตัวเร่งเร้าให้อ่านต่อเพื่อที่จะดูว่า...แล้วพวกเขาจะคลี่คลายปัญหาอย่างไร ?
ในบทแรก ๆ อาจจะต้องทนรำคาญการพร่ำพรรณาถึงความ "มั่น" ความภาคภูมิใจของนางเอกอยู่สักนิด แต่หลังจากที่ได้พบกับ "ครูปอ" แล้ว นางเอกก็ลดทอนความเซลฟ์ของตัวเองไปเยอะ แม้ไม่ถึงกับอ่อนละมุน...แต่ก็มี..."ดวงตาเห็นธรรม" ขึ้นมาบ้าง... มองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในระนาบเดียวกันมากขึ้น ไม่ได้มองผู้คนด้วยสายตาที่เหนือกว่าเช่นเคยนั่นเอง ติงนี๊ดดดด...เดียว..."ครูปอ"ออกจะน่ารักเกินจริง...เกินเหตุไปสักหน่อยไหมเนี่ย คุณผู้เขียนขา... อยากได้กอดวิเศษมั่งอ่ะ อิจฉายายโก้ชะมัด หุหุ 

**เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ค่ะ  
|
ชอบประเด็นคนทำงานแบบนางเอกเนี่ยแหละ
วัฏจัิกรของการทำงาน คือ ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน
ขึ้นสูงได้ ก็ตกต่ำได้
อ่านแล้วอยากมี "ครูปอ" เป็นของตัวเองซักคน
เอาไว้ กอด ปลอบใจยามท้อแท้