ทริปนี้ มากับ "นพ"  เพื่อนที่ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน เลยเดินกันแบบสบายๆ  ต่างคนต่างหามุมตัวเอง เรื่อยเปื่อย ไม่รีบร้อน แต่อากาศร้อนมากค่ะ  





12.22  น.  วันที่  25  กุมภาพันธ์   2558   ออกจากศาลเจ้าโจวซือกงแล้ว มาย่านตลาดน้อยทั้งที  ต้องแวะที่นี่ต่อเลยค่ะ





แผนที่ จากแผ่นพับ "ยลเสน่ห์เยาวราช ย่ำแดนมังกรกลางกรุง"  จัดทำโดย สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ถือเป็นสำนักงานแห่งแรก หลังจากที่มีการก่อตั้ง “บริษัทแบงก์สยามกัมมาจลทุนจำกัด”  ในปี พ.ศ. 2451 

และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น  “ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด”  เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2482

อีกหนึ่งสถานที่ ที่มองจากริมน้ำ เวลานั่งเรือผ่าน อยากมาก็ได้มา...

ตัวอาคารเป็นอาคารขนาดกลาง 3 ชั้น สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เรียกว่า “โบซาร์” (Beaux Arts) ผสมกับ “นีโอคลาสสิก” (Neo-classic) มีความสวยงามประณีตมาก

ออกแบบโดย นายอันนิบาเล ริก๊อตติ (Annibale Rigotti) สถาปนิกชาวอิตาเลียน และนายมาริโอ ดามันโย (Mario Tamagno)

ผู้เป็นนายช่างออกแบบ รับราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็น 2 คนเดียวกันกับผู้ที่ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม

เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่ถนนเพชรบุรี ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2514 

สำนักงานแห่งเดิมที่ตำบลตลาดน้อยก็ยังคงดำเนินงานต่อไปในฐานะเป็น  “สาขาตลาดน้อย”

นอกจากนี้ อาคารแห่งนี้ยังได้รับรางวัลจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นแห่งหนึ่งในประเทศไทย

นับเป็นประกาศนียบัตรที่ประกันความงดงามเก่าแก่ และมีคุณค่ายิ่งของอาคารแห่งนี้ ซึ่งยังอยู่ในสภาพดีเยี่ยมอันควรค่าแก่การเข้าชม

ข้อมูลจาก  //www.m-culture.in.th/

ปัจจุบัน อาคารนี้ ธนาคารยังใช้เป็นสาขา และเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติ  

ด้านหน้าอาคารริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามี  "ต้นไกร" ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และเป็นไม้มงคลที่อยู่กับที่ดินก่อนก่อสร้างอาคาร

มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย มีอายุไม่ต่ำกว่า 103 ปี  ขนาดประมาณ 10 คนโอบ สูงประมาณตึก 5 ชั้น ในปี 2554

ต้นไม้ดังกล่าวได้รับรางวัลชนะเลิศประเภท "ต้นไม้ที่ทรงคุณค่าน่าประทับใจ"






คอนโดบ้านเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามค่ะ





ขวามือของธนาคาร -- ท่าเรือกรมเจ้าท่าค่ะ





ตึกสีเหลืองขวามือ -- ร้านอาหารยกยอ

ตึกสูงถัดไป โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตันค่ะ





จากท่าเรือธนาคาร มองกลับเข้าไป








ซ้ายมือ ที่มีเรือจอดอยู่ ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ค่ะ





ซ้ายมือของบ้านเจ้าพระยา -- ร้านอาหารยกยอมารีน่า 

ขวามือของบ้านเจ้าพระยา -- พระมหาธาตุเจดีย์ วัดจีจินเกาะ



































คนชอบตึก ชอบอาคารเก่า ชอบถ่ายรูป น่าจะชอบกันถ้วนหน้า














12.40  น.





12.43 น.  มาต่อที่นี่เลยค่ะ อยู่ติดๆ กัน








โบสถ์อยู่ในบริเวณโรงเรียนกุหลาบวิทยา มีรั้วรอบขอบชิดล่ะ  เรายืนถ่ายรูปอยู่ด้านนอก เมียงๆ มองๆ  อยู่

พี่ รปภ. ซุ้มด้านหน้าโรงเรียน ถามว่า จะเข้ามามั้ย ให้แลกบัตรด้วย ... เรารีบขอบคุณ แล้วเข้ามาอย่างไว

โบสถ์กาลหว่าร์ หรือ วัดแม่พระลูกประคำ (อังกฤษ : Holy Rosary Church)

เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แบบสถาปัตยกรรมกอธิค

ตั้งอยู่ที่ซอยวานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 

โบสถ์แห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์หลังแรก หากแต่เป็นโบสถ์หลังที่สาม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อทดแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกทิ้งร้างภายหลังเพลิงไหม้ใหญ่ในปี พ.ศ. 2407 

โบสถ์ในปัจจุบันได้สร้างขึ้นโดย คุณพ่อแดซาลส์ ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2434  ปัจจุบัน โบสถ์มีอายุรวมแล้ว 123 ปี

โบสถ์ได้รับการบูรณะใหญ่ในปี พ.ศ. 2500  ในสมัยที่คุณพ่ออาแมสตอย เป็นอธิการโบสถ์ และถือเป็นการฉลองครบ 60 ปี ของโบสถ์กาลหว่าร์อีกด้วย

การบูรณะครั้งล่าสุดคือในช่วงปี พ.ศ. 2526 - 2532   โดยมีบาทหลวงประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย เป็นอธิการโบสถ์ในขณะนั้น

ปัจจุบัน โบสถ์กาลหว่าร์ได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์เป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โบสถ์แห่งนี้มีจุดเด่นที่สำคัญคือ รูปปั้น 2 รูป ซึ่งเป็นสมบัติเก่าแก่ตั้งแต่การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

ได้แก่ "รูปแม่พระลูกประคำ" และ "รูปพระศพของพระเยซูเจ้า" โดยทั้งหมดนี้ยังคงเก็บรักษาและใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาจนถึงปัจจุบันนี้

อธิการโบสถ์องค์ปัจจุบันคือ บาทหลวงไพทูรย์ หอมจินดา

ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
























โบสถ์กาลหว่าร์ จดๆ จ้องๆ จากริมน้ำ มาหลายปี วันนี้ได้มาซะที 











เข้าไปชมด้านในโบสถ์ไม่ได้ค่ะ มีเด็กนักเรียนทำกิจกรรมอยู่























13.40  น. ร่ำลาโบสถ์กาลหว่าร์ไปด้วยภาพนี้ค่ะ








อีกสองตอน น่าจะจบทริปนี้