เดินเล่น เมืองกรุง ตอนที่ ๒
๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ วันที่สิบแปด เดือนแปด ปีห้าแปด
มากับ นพ เพื่อนที่ชอบถ่ายรูป ชอบเดินเล่น เหมือนกัน
หลังจากกินแห้ว จากการไม่ได้เข้าชมวังบางขุนพรหม เลยเดินเตร็ดเตร่กันมาที่ วัดอินทรวิหาร
วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ดั้งแต่เดิมชาวบ้านเรียกชื่อวัดกันว่า "วัดไร่พริก"
เพราะสร้างอยู่ในบริเวณสวนผักของชาวจีน และต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกเป็น "วัดอินทาราม" ตามนามของเจ้าอินทวงศ์
โอรสของเจ้าผู้ครองนครศรีสัตนาคนหุต ผู้ซึ่งมาพำนักตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณใกล้ๆ วัด และเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นใหม่อีกด้วย
ส่วนชื่อ "วัดอินทรวิหาร" นั้น ได้ถูกเปลี่ยนมาใช้ก็ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ
ให้วัดอินทาราม (บางขุนพรหม) ซึ่งมีชื่อไปพ้องกับวัดอินทาราม (บางยี่เรือ) เปลี่ยนชื่อวัดเสียเป็น "วัดอินทรวิหาร"
โดยมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น) แห่งวัดบวรนิเวศวิหารเป็นผู้ตั้งชื่อวัดเสียใหม่ และใช้ชื่อนี้มาตลอดจนปัจจุบัน
วัดอินทรวิหารนี้มีความสำคัญอย่างหนึ่งตรงที่ว่า เป็นวัดที่ "สมเด็จพระพุฒาจารย์" (โต พรหมรังสี) ปูชนียบุคคลของพระพุทธศาสนาไทย
และเป็นผู้นำพระคาถาชินบัญชรซึ่งเป็นพระคาถาเก่าแก่มาปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็นบทสวดมนต์หนึ่งที่พุทธศาสนิกชนไทยนิยมสวดกัน
ได้มาบรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดนี้ โดยเป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณอรัญญิก เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหารในสมัยนั้น แม้ต่อมาท่านจะไปบวชเป็นภิกษุ
และเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตารามก็ตาม แต่ก็ยังมีความผูกพันกับวัดอินทรวิหารเป็นอย่างมาก เห็นได้จากสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้สร้างไว้ในวัดแห่งนี้
ข้อมูล : //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000020686
มากับ Tokina 11-16 mm. เลยได้ภาพเช่นนี้แล
พระอุโบสถ
ทรงไทยแบบอยุธยา การสร้างบูรณะได้อนุรักษ์รูปแบบไว้หมดทุกประการ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับและปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต
ช่อฟ้าใบระกาหน้าบัน ซุ้มเสมา เป็นงานฝีมือปูนปั้นแบบอยุธยา ประดับกระจก งดงามมาก
ชั้นใต้ดินปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์รักษาของเก่าของวัด โดยเฉพาะพระพุทธรูป ตู้ลายรดน้ำ และของที่ขุดได้ในการบูรณะปฏิสังขรณ์
เปิดให้ชมเฉพาะเวลามีงานประจำปี
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดอินทรวิหาร
ความแปลกและน่าทึ่ง คือ แทนที่จะเป็นภาพพุทธประวัติเช่นเดียวกับวัดอื่น ๆ แต่กลับเป็นภาพประวัติของหลวงพ่อโตตั้งแต่สมัยบวชเป็นสามเณร
ภาพเขียนปรากฏอยู่สี่ด้าน เริ่มตั้งแต่ผนังด้านขวามือพระประธานด้านหน้าพระประธาน
ภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านซ้ายมือพระประธาน
ภาพจิตรกรรมฝาผนังหุ้มกลองด้านหลังพระประธาน
และภาพจิตรกรรมฝาผนังหุ้มกลอง
ถ้าไล่ชมมาตั้งแต่ขวามือพระประธาน เขียนภาพการบรรพชาเป็นสามเณรของหลวงพ่อโต ภาพวิถีชีวิตชาวบ้านแถบวัดระฆัง สภาพบ้านเรือนริมแม่น้ำเจ้าพระยา
การบวชเป็นนาคหลวงในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก่อนที่จะออกจากพระบรมหาราชวังไปเป็นสมภารวัดระฆัง ตลอดจนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
เช่น เรื่องราวระหว่างหลวงพ่อโตกับรัชกาลที่ ๔ ช่วงที่เกิดสงครามโลก ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อโต ภาพวัดและพระพุทธรูปต่าง ๆ
รวมทั้งภาพเขียนบ่อน้ำพระพุทธมนต์ที่สร้างไว้ในสมัยหลวงพ่อโตและบูรณะใหม่สมัยเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
เคยอัพบล็อกวัดอินทรวิหาร ในกรุ๊ปเที่ยววัดไปแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔
ตอนที่ ๑ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=04-2011&date=15&group=3&gblog=80
ตอนที่ ๒ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=morkmek&month=04-2011&date=19&group=3&gblog=81
เป็นอีกหนึ่งวัด ที่มีนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ มามากกว่าคนไทย
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความสูงตั้งแต่พื้นถึงยอดเกตุ ๑๖ วา หรือราวๆ ๓๒ เมตร
สมเด็จพระพุฒาจารย์โตเป็นผู้ริเริ่มสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ แต่เมื่อสร้างไปได้ถึงเพียงพระนาภี หรือบริเวณสะดือของพระพุทธรูป
สมเด็จพระพุฒาจารย์โตก็มรณภาพลงเสียก่อน การก่อสร้างจึงได้หยุดชะงัก
ก่อนจะดำเนินต่อมาอีกถึง ๖๐ ปี จึงได้สร้างพระศรีอริยเมตไตรยองค์นี้เสร็จสิ้นลงในสมัยรัชกาลที่ ๗
วัดอินทรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ๑๑๔ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐
สามารถไปวัดได้สองทางคือทางถนนสามเสน (ทางคนเดิน) และทางถนนวิสุทธิกษัตริย์ (ทางรถเข้า)
มีรถประจำทางสาย ๓, ๙, ๓๐, ๓๒, ๓๓, ๔๓, ๔๙, ๕๓, ๖๔, ๖๕
สอบถามโทร. ๐-๒๒๘๒-๐๔๖๑, ๐-๒๒๘๒-๓๐๙๔, ๐-๒๒๘๑-๑๔๐๖
ผ่านวัดเอี่ยมวรนุช แวะเข้ามาแป๊บ
โบสถ์ปิด
วัดสามพระยาวรวิหาร อัพบล็อกไปตอนที่ ๑
เดินกลับลงมาเส้นเดิม น่าจะเป็นถนนสามเสน
แยกบางลำพู
ถนนจักรพงษ์
เดี๋ยวแวะที่นี่กันค่ะ มัสยิดจักรพงษ์
มาแถวบางลำพู เป็นสิบๆ ครั้ง ไม่เคยสังเกต
ประวัติความเป็นมา
ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์หรือในอดีตรู้จักกันทั่วไปว่า สุเหร่าวัดตองปุ ก่อตั้งมาขึ้นจาการอพยพมาจากปัตตานี
ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ได้เริ่มก่อตั้งมาประมาณรัชกาลที่ ๒ โดยในสมัยก่อนพื้นที่บริเวณมัสยิดจักรพงษ์อยู่เขตตัวเมืองพระนคร
ตอนสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เชลยศึกคนใดที่มีความสามารถทางด้านการทำทองจะถูกส่งตัวมาทำงานในเขตพระนคร
ดังนั้นคนในชุมชนมัสยิดจักรพงษ์จึงมีความสามารถในเรื่องการทำทองสืบต่อกันมาทุกครัวเรือน แต่ปัจจุบันในชุมชนไม่มีการทำทองแล้ว
เนื่องจากการทำทองทำได้ยากและเสียเวลาทำให้ไม่มีผู้ใดสืบทอดการทำทอง
ปัจจุบันในชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ส่วนใหญ่มีที่พักอาศัยเป็นบ้าน ๒ ชั้น แบ่งเป็น บ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน และ บ้านปูนทั้ง ๒ ชั้น
มัสยิดจักรพงษ์มาจากไทยมุสลิมเชื้อสายมลายู ยุครัตนโกสินทร์ บรรพชนมุสลิมเชื้อสายมลายู ในยุคต้นรัตนโกสินทร์
โดยเริ่มจากสมัยปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นต้นมา
อ่านต่อที่ //www.lib.su.ac.th/rattanagosin_web/?q=node/193
เดินออกมาแล้วค่ะ
ฝั่งตรงข้าม - ถนนตานี
ย่านบางลำพู
อีกซักวัดละกันค่ะ วัดชนะสงคราม
วันนี้มา ล้อมสแลน กำลังบูรณะพอดี
พระประธานในพระอุโบสถ นามว่า พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ มเหทธิศักดิ์ ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดา อนาวรญาณ
หรือชาวบ้านเรียกอย่างสามัญว่า หลวงพ่อปู่
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นแล้วบุด้วยดีบุกลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๒.๕๐ เมตร สูง ๓.๕๐ เมตร
ประดิษฐานบนฐานชุกชีขนาด ๖.๖๐ x ๗.๕๘ เมตร สูง ๑.๓๐ เมตร เบื้องหลังพระประธานมีประภามณฑลโพธิพฤกษ์และภาพจินตนาการ
เดิมนั้นทั้งองค์พระและฐานพระประธานมีขนาดเล็ก ภายหลังได้ซ่อมแซมให้สูงขึ้นอีกดังที่ปรากฏทุกวันนี้
ด้านหน้ามีพระอัครสาวกซ้ายขวา ๒ องค์ เป็นพระปูนปั้นเช่นกัน เดิมนั่งประนมมือมาเปลี่ยนภายหลังให้ยืนประนมมือ
และ รอบๆ พระประธานมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ๑๖ องค์หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ๕ องค์ ทิศตะวันตก ๔ องค์ ทิศเหนือ ๓ องค์ ทิศใต้ ๓ องค์
เหนือพระประธาน มีฉัตร ๗ ชั้นกางกั้นอยู่อันหมายถึงพระสัตปฏลเศวตฉัตรของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งมี ๗ ชั้น
ด้านหลังพระประธานประดิษฐานพระสังกัจจายน์ ๑ องค์
วันนี้ไม่มี ฉัตร ๗ ชั้น
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เป็นภาพพุทธประวัติ
และพระเวสสันดรชาดก
พระบรมรูปสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ผู้ทรงสถาปนาวัดชนะสงคราม
ออกจากวัดชนะสงคราม เราเดินไป พิพิธภัณฑ์เหรียญ (สนใจคลิกที่ link ได้ค่ะ)