ถุงมือประหลาด ตอนที่ ๒
นวนิยายสืบสวน สอบสวน ของ นักสืบพราน โดย ๔๔๑๑ เล่มที่ ๒ เรื่องที่ ๕
เรื่อง ถุงมือประหลาด
ตอนที่ ๒
พราน เจนเชิง ไขกุญแจประตูห้องทำงานของเขาเข้าไป เปิดไฟสว่าง ถอดเสื้อนอกออกแขวนไว้ที่ขอแขวนเสื้อ แล้วทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา พูดกับ กัลยา ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะว่า นับเงินดูซิ กัลยา
กัลยา เปิดกระเป๋าถือ หยิบเอาซองจดหมายลึกลับนั้นออกมา เปิดซอง ดึงปึกธนบัตรออกมานับ ระหว่างที่ พราน กำลังพิจารณาดู ถุงมือประหลาดข้างนั้น
สองพันห้าร้อยบาท พอดีค่ะ หัวหน้า กัลยา เงยหน้าขึ้นพูด เมื่อนับเสร็จ
สองพันห้า สำหรับการเก็บรักษาถุงมือข้างหนึ่ง พรานพูดพึมพำ มันประหลาดสิ้นดี เขาพิจารณาดูรอยคล้ายรอยเลือดที่ติดอยู่นั้น พลางว่า ดูคล้ายรอยเลือด แต่มันอาจเป็นสนิมเหล็ก หรือ รอยอะไรสักอย่างที่คล้ายเลือดก็ได้ พราน นิ่งคิด
กัลยา พูดขึ้นว่า เขารู้ได้อย่างไรว่า หัวหน้าอยู่ที่ เชอีฟ
นั่นน่ะซี.. ผมกำลังคิดอยู่นี่... เราไม่ได้บอกใครเลย ว่าเราจะไปไหนคืนนี้ พราน พูด ขมวดคิ้ว
อาจจะมีใครคนหนึ่ง ซึ่งบังเอิญรู้จักเรา อยู่ที่นั่นด้วย
อาจจะมี แต่ลักษณะของผู้หญิงที่โทรศัพท์มานั้น พูดอย่างเร่งร้อน คนที่รู้จักเรา ที่บังเอิญพบเราใน เชอีฟ ก็จะรู้ล่วงหน้าไม่ได้ว่า เราจะไปที่นั่น เขาจะติดต่อกันได้อย่างไร ต้องเป็นทางอื่น
เขาหยุดพูด ใช้นิ้วมือเคาะท้าวเก้าอี้เล่น ขณะใช้ความคิด
เงินจำนวนนี้ ได้เตรียมที่จะนำมาให้เรามาก่อนหน้าคืนนี้ ลักษณะของมันได้ถูกรวบรวม และมัดไว้เพื่อความประสงค์อันแน่นอนของเจ้าของเงินมาก่อนหน้านี้ คุณดูซิ... เงินย่อยหลายชนิดด้วยกัน... จะนับมาให้โดยกระทันหัน ทำไม่ได้... เจ้าของเงินจะต้องมีความตั้งใจมาก่อน และเตรียมการไว้ก่อนคืนนี้ และจากเงินที่เราเห็นอยู่ แสดงให้เห็นว่า เจ้าของเงินไม่ใช่เป็นคนมีเงินเป็นก้อน หรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่ใช่เป็นคนมีสตางค์นัก เขาต้องเก็บหอมรอมริบ ทีละเล็กทีละน้อย และรวมๆ ไว้ หรือมิฉะนั้นก็เป็นเงินที่ได้มาจากการประกอบอาชีพเป็นประจำวัน แล้วเก็บสะสมไว้วันละเล็กละน้อย ซึ่งบางทีอาจไม่ใช่เพื่อที่จะนำมาให้เรา แต่เมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น ก็ต้องนำมาใช้โดยกระทันหัน อาจจะมีผู้ที่มีอาชีพทางค้าขายหาบเร่ หรืออาจจะ...
คำพูดของเขาขาดหายชะงักลง พราน หลิ่วตา ชะโงกตัวมาหยิบซองจดหมายไปจากตรงหน้า กัลยา ยกขึ้นดม กลิ่นน้ำหอมราคาถูกๆ ยังกรุ่นอยู่ เขาแบมือขอปึกธนบัตรไปจาก กัลยา แล้วยกขึ้นดมอีกครั้งหนึ่ง มันมีกลิ่นหอมเช่นเดียวกัน
พราน พึมพำ แม่ค้าไม่ใช้กลิ่นหอมชนิดนี้ กัลยา... ดมดู...
กัลยา รับซองและปึกธนบัตรไปดม หล่อนพูดขึ้นด้วยความไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงเต้นรำ...
ถูกแล้ว พราน พูด อาจเป็นผู้หญิงเต้นรำตามสถานที่เต้นรำต่างๆ ฉะนั้น โทรศัพท์ที่มาถึงผม จะต้องเป็นโทรศัพท์มาจากสถานที่เต้นรำ หรือไม่ก็ โทรศัพท์สาธารณะ ถ้าการตรวจตราของ เกรียง ได้ความว่า เป็นโทรศัพท์จากสถานที่เต้นรำ เราก็คลำหาตัวได้ง่ายหน่อย ถ้ามันเป็นโทรศัพท์สาธารณะ เห็นจะลำบาก
พราน หยุดพูดชั่วขณะ ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
ทีนี้ เรามาพิจารณากันต่อไปว่า เขารู้ได้อย่างไรว่า เราอยู่ที่ เชอีฟ ? ... ความจำเป็นที่จะพูดกับเรา จะต้องเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผมออกจากบ้านพอดีเวลาที่เราได้รับโทรศัพท์ เพราะก่อนหน้านี้ เขาจะต้องติดต่อไปทางบ้านผม หรือมิฉะนั้น ทางสำนักงาน... ตอนกลางวันวันนี้ เราอยู่ที่สำนักงานทั้งวัน... ผมออกจากบ้านเวลาทุ่มเศษๆ... เราไปถึง เชอีฟ เวลาเกือบสองทุ่ม... ใช่ไหม... กัลยา...
กัลยา พยักหน้ารับ ค่ะ... โต๊ะยังว่างหลายโต๊ะ ตอนนั้น...
ลองโทรศัพท์ไปที่บ้านผมซิ... ถามตาโทนว่า มีใครโทรศัพท์ถึงผมบ้างหรือเปล่า ตั้งแต่ตอนหัวค่ำ
กัลยา ยกหูโทรศัพท์ หมุนหมายเลขตามคำสั่ง หล่อนยกหูแนบหู รออยู่ครู่ใหญ่ๆ จึงพูดลงไปว่า ฮัลโหล... นั่น โทน ใช่ไหมจ๊ะ... นี่ กัลยา พูด...ฉันรู้แล้วว่า หัวหน้าไม่อยู่..
หล่อนยิ้ม แล้วเหลือบตามองดู พราน และพูดต่อไปว่า นี่ โทน... ตั้งแต่ตอนหัวค่ำ มีใครโทรศัพท์มาที่บ้านหัวหน้าหรือเปล่า... มีเหรอ... ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย... เวลาสักเท่าไร... กี่ครั้งจ๊ะ โทน... โทนบอกเขาว่าอย่างไร... อ๋อ... เท่านั้น และขอบใจมาก โทน... ไหนนะ... ไม่ต้องเป็นห่วง... หัวหน้าอยู่กับฉันที่นี่แล้ว... สวัสดีจ้ะ..
กัลยา วางหูโทรศัพท์ลง พูดเสียงหัวเราะว่า ตาโทนตกใจ เห็นหัวหน้าบอกว่า จะไปรับดิฉัน นึกว่า มีเรื่องอะไร ไม่ได้พบกัน... มีค่ะ เป็นเสียงผู้หญิง โทรศัพท์ไปประมาณ สองทุ่มครึ่ง ครั้งเดียว ตาโทนบอกว่า หัวหน้าออกจากบ้านไป ไม่ทราบว่าไปไหน แกถามว่า มีธุระอะไรให้สั่งไว้ ก็ไม่ยอมบอก แกก็เลยไม่บอกเหมือนกันว่า หัวหน้าจะไปที่ไหน
พราน เม้มริมฝีปาก เรียก จอน มาทีซิ.. กัลยา...
กัลยา กดกริ่งที่หน้าประตู
จอน เปิดบังตาเข้ามา พูดในทันทีว่า ผมรออยู่ข้างนอกนี้แล้วครับ
พราน หัวเราะชอบใจ มีใครโทรศัพท์มาที่สำนักงานนี่หรือเปล่า ค่ำวันนี้
ไม่มีครับ... มีแต่ผู้ชายคนหนึ่งมาที่นี่ เขาเคาะประตูเรียก บังเอิญ ผมกำลังนั่งคุยอยู่กับเจ้าชวนมันอยู่ที่ห้องข้างล่าง เขาถามหาหัวหน้า ผมบอกว่า ไม่อยู่ และไม่รู้ว่า ไปไหน เขาก็เลยกลับไป
ไม่ได้บอกชื่อไว้รึ ?
ไม่ได้บอกครับ.. ผมถามเขาเหมือนกัน เขาบอกว่า ไม่เป็นไร และไม่ยอมบอกชื่อ
เวลาสักเท่าไร
สามทุ่มกว่าๆ เห็นจะได้ครับ
รูปร่างยังไง
ผอมๆ สูงๆ ขนาดผมนี่ได้...ใส่เสื้อเชิร์ตสีขาว กางเกงขาว สวมแว่นตาดำด้วยครับ
อายุสักเท่าไร
เห็นจะราวๆ สามสิบได้ครับ
พราน แหงนหน้าพ่นควันบุหรี่ขึ้นสู่เพดาน เท่านั้นแหละ จอน..
จอนกลับออกไป
พราน นิ่งคิดอะไรอยู่สักครู่ แล้วพูดว่า นี่แสดงว่า ความจำเป็นของผู้หญิงคนนั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณสองทุ่ม เขาโทรศัพท์มาหาผม เมื่อไม่พบก็ใช้วิธิเสี่ยง โดยให้ผู้ชายคนนั้นนำสิ่งนี้มาให้ผม ในขณะนั้น ตัวเขาคงจะอยู่ในที่บังคับอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่โทรศัพท์มาไม่ได้ เขาก็คงหาโอกาสอยู่ตลอดเวลาที่หยุดพัก ออกมาจากที่บังคับนั้น... ครั้งสุดท้าย เขาคงจะได้ทราบว่า ผมอยู่ที่ เชอีฟ แต่เขาทราบได้อย่างไรว่า ผมอยู่ที่นั่น... มันอาจเป็นได้ไหมว่า เขาบังเอิญนั่งรถผ่านทางนั้น และเห็นรถของผมจอดอยู่ที่นั่น...
แต่ทำไมเขาจึงไม่เข้ามาพบกับหัวหน้าเอง กัลยา พูดต่อขึ้น สถานที่อาจไม่เหมาะที่เขาจะเปิดเผยตัว คนอาจรู้จักเขา และเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ใครเห็น เขาจึงใช้คนอื่นมา
พราน หยิบถุงมือขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
เขาให้เราเก็บเจ้านี่ไว้ทำไม มันอาจเป็นสิ่งสำคัญที่จะพิสูจน์อะไรสักอย่างหนึ่ง... ถ้าเจ้ารอยนี้เป็นรอยเลือด ก็น่ากลัวจะไม่สนุกนักสำหรับเรา... สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ควานหาลูกค้าประหลาดรายนี้ของเราให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่เร่จะถูกกฏหมายครอบเอาตัวไป
มีเสียงฝีเท้าคนเดินขึ้นบันไดมา
คงจะเป็น เกรียง พราน พยักหน้าไปทางประตู
บังตาเปิดออก เกรียง ศักดา ก้าวเท้าเข้ามา
ได้ความยังไง เกรียง... พราน ถามขึ้นทันที
เกรียง เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะ พูดว่า โทรศัพท์สาธารณะครับ... ที่ตู้โทรศัพท์ หน้าสถานีตำรวจสามแยก
พราน นิ่งอึ้ง ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ ใช้มือข้างขวาลบไล้ริมฝีปากเล่นอยู่ไปมา
ผมลองสอบถามแถวนั้นดูแล้ว ตอนที่ผมไปถึง ร้านต่างๆ ปิดหมด มีเด็ก ๒ ๓ คนนั่งเล่นอยู่ที่ม้าหินใกล้ๆ ตู้โทรศัพท์ ถามมันดู มันบอกว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในตู้โทรศัพท์นั้น ออกจากตู้แล้วรีบเดินไปทางสถานีตำรวจ แต่มันไม่เห็นมีอะไรผิดปกติที่บริเวณนั้น
ถามรูปร่างลักษณะไว้หรือเปล่า
ถามครับ... มันบอกว่า ไม่ได้สังเกตุอะไรมากนัก มันบอกว่า มันดูแต่หน้า เห็นสวยดี มันยังร้องเพลง รักคุณเข้าแล้ว เกี้ยวเข้าให้... ผมพยายามถามมัน ได้ความแต่ว่า ใส่เสื้อสีขาว นุ่งกระโปรงสีคล้ำ จะแดงหรือม่วง อะไรนี่แหละครับ
มาจากทางไหน
เข้ามาจากฝั่งเฉลิมบุรี แต่ขากลับ เดินไปทางโรงพัก และมันเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากโรงพัก แล้วเขาก็พากันขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ ออกไปทางเยาวราช
มีอะไรอีกไหม
เจ๊กขายน้ำใบบัวบก ทางฝั่งเฉลิมบุรีที่ยังขายอยู่แห่งเดียว บอกว่า มีผู้หญิงเดินข้ามถนนมาซื้อน้ำใบบัวบก มันตักใส่ถ้วยไว้ ผู้หญิงคนนั้นก็หันไปมองทางโรงพัก แล้วโยนสตางค์ให้มัน ไม่ได้กิน รีบเดินข้ามถนนมาทางหน้าโรงพักอีก แต่มันไม่ได้ดูว่า จะไปทางไหน
พราน พูดขึ้น ขณะก้มหน้าหลับตา ใช้ความคิด ว่า คุณไปถึงที่นั่น เวลาเท่าไร
ก็ไม่ช้ากว่าที่ผมได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าเกินกว่าครึ่งชั่วโมง เพราะพอผมรับโทรศัพท์ก็ออกจากบ้าน เสียเวลาแต่งตัวไม่ถึงห้านาที ตรงไปที่โทรศัพท์กลาง เขากำลังเช็คเครื่องอยู่พอดี เพราะมีสัญญาณบอกเครื่องโทรศัพท์สาธารณะหูหลุดจากแท่น บังเอิญเครื่องอื่นก็ไม่มีผิดปกติ มีเครื่องนี้เครื่องเดียว ผมเลยรับอาสาเขาไปจัดการวางหูให้เรียบร้อยเสียเลย ทั้งหมดกินเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง"
พราน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินกลับไปกลับมา มือทั้งสองข้างล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง
เกรียง เลี่ยงไปทางตู้เก็บเหล้า เปิดตู้หยิบขวดบรั่นดีขึ้นมารินใส่ถ้วยเล็ก
ขอผมถ้วย... เกรียง เสียงพราน พูด ขณะเขาเดินหันหลังให้ เกรียง
เกรียง ส่งถ้วยบรั่นดีที่รินแล้วให้ พราน รับไปเทรวดเดียวหายเข้าไปในลำคอ ส่งถ้วยเปล่าให้ เกรียง แล้วเริ่มต้นเดินกลับไปกลับมา ก้มหน้ามองดูพื้นอีก พลางพูดว่า
กัลยา... คุณต่อโทรศัพทถึง คุณผจญ ให้ผมที
กัลยา จัดการต่อโทรศัพท์ตามที่เขาต้องการ พูดได้แล้วค่ะ หัวหน้า
พราน หันกลับมารับโทรศัพท์ ฮัลโหล... คุณผจญ หรือครับ... ผม พรานพูด
ผจญ พูด เป็นเสียงของนายร้อยตำรวจเอก ผจญ สุรไกร แห่งกองปราบปราม อะไรกันอีกล่ะ
พราน หัวเราะดัง อากาศร้อนหน่อยวันนี้... กำลังทำอะไรอยู่หรือครับ
นอนน่ะซิ เสียงกระแทกกระทั้นของ ผจญ ดังมา
นอนหัวค่ำจริง วันนี้...
หัวค่ำบ้าอะไรของคุณ สองยามกว่าเข้าไปแล้ว... นี่ คุณจะเล่นตลกอะไรกับผม
เปล่าครับ... ผมมีธุระนิดหน่อย... มีใครก็ไม่รู้ เอาอะไรก็ไม่รู้ มาให้ผมไว้
อะไรล่ะ
ซองจดหมาย
เสียงเงียบ
พราน นิ่งสักครู่
มีเสียงทาง ผจญ ดังมาอีก แล้วยังไงล่ะ... แล้วกัน..
ผมจะให้คุณต่อ... พราน พูดเรียบๆ
บ้าจริงแฮะ... ทำไมต้องมาปลุกกัน ดึกๆ ดื่นๆ
เดี๋ยวก่อนซีครับ... ซองจดหมายนี้ ลักษณะสีขาว ค่อนข้างใหญ่ เป็นซองแบบราชการ จ่าหน้าซองว่า...
ไม่เอาละ... เลิกกัน เสียงพูดอย่างรำคาญ แกมโมโห แล้วมีเสียงวางหูค่อนข้างแรง
พราน มองดูโทรศัพท์ที่เขาถืออยู่ แล้วหัวเราะก๊ากใหญ่ลั่นห้อง เขาวางหูโทรศัพท์
ทำไมหัวหน้าไม่โทรไปหาสารวัตรพจน์ กัลยา ถามขึ้น
พราน หลิ่วตา ผมยังไม่อยากกวน สารวัตรพจน์ และอีกประการหนึ่ง ผมยังอยากเก็บเจ้าสิ่งนี้ไว้ โดยไม่ผิดกฏหมาย
เขาเดินไปที่แขวนเสื้อ คว้าเสื้อถือติดมือมา และพูดว่า ต่อไปนี้ เราจะไปสืบหากันว่า ผู้หญิงคนนี้คือใคร ... เกรียง... คุณไปที่ห้อยเทียนเหลา... ลิโด้... แล้วเลยไปที่บาร์ที่ท่าหวั่งหลี... ลองถามว่า ผู้หญิงพาร์ทเนอร์คนไหนที่ลางานคืนนี้... พรุ่งนี้แต่เช้า ไปพบผมที่บ้าน
เขาหันไปทาง กัลยา พยักหน้า กัลยา... เราไปด้วยกัน
ไปไหนคะ
พราน นกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พูดว่า โรงพักสามแยก
Create Date : 07 มกราคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 8 มกราคม 2558 1:10:37 น. |
Counter : 499 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog
ติดตามจ้า...