วัดมณีวงศ์มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2446 มาถึงปัจจุบันนับว่ามีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว ขณะที่จังหวัดนครนายกเองนั้นตามประวัติสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองสมัยทวารวดีมาก่อน โดยมีหลักฐานคือแนวกำแพงเนินดินและสันคูอยู่ที่ ตำบลดงละคร และในสมัยอยุธยาก็ปรากฏหลักฐานเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทอง
ตามคำบอกเล่าของ
“หลวงพี่ต่อ-พระครูปิยะรัตนานุกุล” เจ้าอาวาส ว่าการสร้างถ้ำพญานาค หรือ
“ถ้ำวังรัตนมณีมหานครบาดาลนาคราช” นี้ เพราะอยากให้นาคทั้งหลายได้รับบุญกุศล แรกเริ่มทีเดียวเกิดจากโบสถ์ของวัดแห่งนี้ทรุดโทรมมาก หลวงพี่จึงร่วมแรงศรัทธากับชาวบ้านสร้างโบสถ์ขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยกลับถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง ทำให้เสียใจมาก
“…โบสถ์เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ไฟไหม้หมดเลย อาตมาก็เสียใจมากๆ จนด่าพญานาคว่าไม่ช่วยอะไรเลย จึงไม่เชื่อหรอกว่าพญานาคมีจริง ถ้ามีจริงก็ต้องมาให้เห็นมาช่วยเหลือ มาทำให้เชื่อ…พอตกกลางคืนมาเลย รอยมาเต็มผนังห้องทั้ง 4 ด้าน แล้วก็ฝันว่ามีชายชราคนหนึ่งมาหาเรา พาไปเมืองๆ หนึ่ง งามวิจิตรมาก ก็จดจำในสิ่งที่เห็นกลับมา มาถึงก็สร้างถ้ำจำลองเมืองบาดาลตามแบบที่เราเห็นมา…” ภายในถ้ำจำลองจากเมืองบาดาลแห่งนี้ ประกอบด้วยกษัตริย์พญานาคทั้ง 12 ตระกูล ขุนพลทั้ง 12 ตระกูล และบริวารจำนวน 1,000 องค์ ซึ่งหลวงพี่-พระครูปิยะรัตนานุกุล ตั้งใจว่าไม่เกิน 5 ปี ต้องสำเร็จทั้งหมด แต่ตอนนี้ยังสร้างได้ไม่ถึงหนึ่งพันองค์
นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์หรือความเชื่อที่ไม่อาจลบหลู่ หลวงพี่บอกว่ามีจุดหนึ่งที่ทุกคนต้องไป คือ “รูปปั้นงูสีดำ” ทุกวันนี้งูตัวจริงยังมีชีวิตอยู่ บางวันก็มาปรากฏตัวให้เห็น และระหว่างการสร้างก็จะมีเศษซากของงูที่ตายระหว่างสร้างเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ก็ได้นำกระดูกหรือซากใส่ไว้ในรูปปั้นพญานาคที่อยู่ในถ้ำนี้
พระครูปิยะรัตนานุกุล เจ้าอาวาส บอกว่าตามตำนานที่เล่าต่อกันมา พญานาคในตระกูลสีดำนั้นมีฤทธิ์มากและมีจำนวนมากที่สุดอีกด้วย จะมีหน้าที่ในการเฝ้าสมบัติ จึงมีเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นมากมายภายในถ้ำแห่งนี้
ที่มา : matichonacadamy.com