“สมัยโบราณหลวงพะบางเคยมีวัดมากถึง ๖๕ วัด ปัจจุบันเหลือ ๓๒ วัด เนื่องจากเคยมีจีนฮ่อมาเผาผลาญเมืองหลวงพะบางรวมถึงวัดนี้ด้วยแต่กลับเหลือทาดนี้ไว้ เขาคงคิดว่าภายในไม่มีอะไร ความจริงบรรจุของมีค่าไว้มากมายทั้งทาดเจดีย์ พระพุทธรูปทองคำ เงิน ทอง เยอะแยะไปหมด”
ภายหลังที่พบรัฐบาลจึงนำวัตถุทั้งหมดซึ่งล้วนมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมไปเก็บรักษาที่ “หอคำ” (หอพิพิธภัณฑ์เมืองหลวงพะบาง) อดีตพระราชวังที่ประทับเจ้าชีวิตสายหลวงพะบางมัคคุเทศก์สาววัย ๒๓ ปี ย้อนประวัติศาสตร์ตามที่เธอศึกษาเรื่องราวท้องถิ่นให้ฟัง
“เมื่อห้าร้อยปีก่อนวัดเดิมนี้เคยใช้เสาจากไม้แท้ขนาดใหญ่ทั้งประดู่ มะค่า พะยูง จำนวน ๔,๐๐๐ กว่าต้น สมัยนั้นไม้สักยังไม่มีค่าเท่าไม้ที่คงทนมากเหล่านี้ ต่อมามีพวกโจรข้าศึกบุกโจมตี ปล้นสะดม ทำให้วัดนี้ถูกทำลายส่วนหนึ่ง อีกเกือบร้อยปีต่อมาได้จึงปฏิสังขรณ์ใหม่ ใช้เวลาปีเดียวก็สร้างเสร็จแต่ไม่สามารถหาไม้ขนาดใหญ่ได้ครบ ๔,๐๐๐ กว่าต้นดังเดิม เสาบางต้นจึงใช้ไม้ขนาดเล็กกว่าแล้วครอบชั้นนอกด้วยปูน”ด้วยเป็นดำรัสของเจ้าชีวิตวิชุนนะราด (ພະເຈົ້າວິຊູນນະຣາດ) จึงตั้งชื่อวัดตามนามของพระองค์ แล้วอัญเชิญ “พะบาง” พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรจากวัดมะโนรม (ວັດມະໂນຣມ) มาประดิษฐาน
“จนถึงวันนี้ วัดวิชุนนะราดมีอายุร้อยกว่าปีแล้ว คนหลวงพะบางให้ความเคารพศรัทธามาตลอด ไม่เพียงเป็นวัดที่ได้รับการสร้างขึ้นก่อนวัดเซียงทองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักมากกว่า พระพุทธรูปหลายองค์สำคัญก็เคยประดิษฐานที่นี่ แม้ปัจจุบันวัตถุมรดกทางศาสนาจะย้ายไปรักษาที่หอคำเกือบหมดแล้ว ที่นี่ยังเคยสำคัญขนาดว่าก่อนที่เจ้ามหาชีวิตทุกพระองค์จะขึ้นครองราชย์ต้องบวชจากวัดนี้ก่อน แต่เมื่อจะสึกต้องไปสึกที่วัดอื่น ด้วยถือว่าที่นี่เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อขึ้นครองราชย์ก็ต้องมาดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาจากโอ่งในวัดนี้”https://www.sarakadee.com/2019/07/26/mark-mo/
ซุ้มประตูทางเข้าอีกด้านซุ้มประตูฝั่งที่ติดกับวัดอาฮาม มองเห็นพระธาตุพูสีบนเขา07.21 น. เจ้าหน้าที่ดูแล เปิดประตูแล้วค่ะ แต่ด้านหน้าทางเข้ายังเตรียมไม่เรียบร้อยดีพระประธานหลวงในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สุดในหลวงพระบางด้านหน้าถนนซ้ายมือ ทางขึ้นวัดวิชุน มองตรงไปเห็นพระธาตุพูสี07.37 น. เดินไปตลาดเช้าต่อค่ะ07.47 น. ถึงแล้วค่ะ ตลาดเช้านอกจากเงินกีบบ้านเค้า ลาวยินดีรับเงินไทยค่ะชอบค่ะ มากี่รอบก็ซื้อกลับไปกินสาหร่าย ที่เอาไปทำไคแผ่นเชื้อฟืนหนังควายตากแห้ง ห้องสมุด
วัดใหม่สุวรรณภูมาราม เดิมเป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ใกล้พระราชวังหลวงพระบาง (หอคำ) มากที่สุด ถือเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของหลวงพระบาง สร้างโดยเจ้าอนุรุทธและเจ้ามันธาตุราช เป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาวจนถึงสิ้นสมัยราชอาณาจักร
สิมของวัดเป็นแบบผสมผสานหลายสกุลช่างเข้าด้วยกัน เป็นสิมแบบโอ่โถงอยู่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เกือบจะคล้ายกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีขนาดใหญ่ สูงโปร่ง เครื่องประกอบหลังคา มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์อย่างอุโบสถศิลปะรัตนโกสินทร์ หลังคาแอ่นโค้ง มีโหง่และช่อฟ้า (สัตตะบูริพัน) ตกแต่งด้วยลายฟอกคำอย่างสิมแบบหลวงพระบาง หลังคามีการซ้อนชั้นแบบเชียงขวาง และมีคอสองแบบไทลื้อ ทวารบาล เช่น รูปเทวดาถือช่อดอกกระดันงา ตามแบบที่นิยมในศิลปะลาว ขณะเดียวกันก็มีรูปมังกรแบบจีนสลักไว้ด้านล่าง ส่วนภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง คนลาวเรียกว่า พระเอ้ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ส่วนผนังด้านในประดับพระพิมพ์ปิดทององค์เล็ก ๆ เป็นหมื่นองค์ มีภาพปูนปั้นปิดทองเรื่องพระเวสสันดรที่แฝงด้วยเรื่องราวการดำเนินชีวิตของชาวเมืองหลวงพระบาง ด้านหน้ายังปรากฏหอขวาง
ด้านหน้า ถ้าเป็นตอนเย็น บริเวณนี้ ก็คือตลาดมือด มีของขายเต็มไปหมดฝั่งตรงข้าม อีกฟากถนน ทางขึ้นพระธาตุพูสีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางเดินกลับที่พักค่ะตอนที่ 1 @ One Vientiane Hotel, ร้านแหนมเนืองสีหอม, วัดสีสะเกดตอนที่ 2 หลวงพระบาง - สายน้ำคาน ริเวอร์วิว, ร้านโจมา, ร้านส้มตำเจ๊ติ๋มตอนที่ 3 หลวงพระบาง - เดินเล่น, วัดแสนสุขาราม, วัดเชียงทองตอนที่ 4 หลวงพระบาง - พระธาตุพูสี