Group Blog
 
 
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
27 มกราคม 2565
 
All Blogs
 

วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร

ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัล BlogGang Popular Award #17 ทุกท่านค่ะ 

และขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตที่มอบให้บล็อก "สายหมอกและก้อนเมฆ" ด้วยค่ะ 

สลับหมวดบล็อกหน่อยเนาะ วันนี้จะชวนไปเดินเที่ยว เดินเล่น ไหว้พระกันค่ะ
วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2565 เรานั่งรถเมล์มาลงที่หัวลำโพง สาย 75 ค่ะ สายนี้ใช้บริการบ่อย สะดวก เพราะผ่านหน้าบ้าน

11.43 น. ชอบตึกตรงแยกนี้ 



เดินไปวัดไตรมิตร นิดเดียวค่ะ



พระมหามณฑป เพิ่งเปิดให้สักการะหลวงพ่อทองคำไม่นานนี้เองค่ะ ช่วงโควิดระบาดหนัก ๆ ปิดยาว ถ้าเราจำไม่ผิด 2 ปีกว่าเลยมัง



จุดธูปไหว้พระด้านนอก ก่อนเข้ามากราบ พระพุทธทศพลญาณ พระประธานในพระอุโบสถ





พระพุทธทศพลญาณ พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ปูนปั้น ลงรักปิดทอง ประชาชนทั่วไปเรียกว่า “หลวงพ่อโต” บ้าง “หลวงพ่อวัดสามจีน” มีประชาชนมาบนบานกันเสมอ ๆ ด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ และได้ตรัสยกย่องว่า เป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก



“หลวงพ่อโม” อดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เคยได้ทำพระเครื่องแจกครั้งหนึ่ง ได้ทำเป็นรูปพระพุทธทศพลญาณสร้างด้วยเนื้อชิน เรียกชื่อว่า หลวงพ่อโตวัดสามจีน ปรากฏว่าเป็นที่นิยมนับถือของคนทั่งไปว่าศักดิ์สิทธินัก ปัจจุบันนี้หายากแล้ว





ไปพระมหามณฑปกันต่อค่ะ







มองลงไปที่พระอุโบสถ จุดธูปไหว้พระตรงบริเวณที่กางเต็นท์ด้านหน้าพระอุโบสถ



หลวงพ่อทองคำ งามมากค่ะ





พระพุทธรูปทองคำ ทองคำหนัก ๕.๕ ตัน
 
 
"พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร"  หลวงพ่อทองคำสุโขทัยไตรมิตร
สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๗๐๐ ปี สมัยกรุงสุโขทัย ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ปัจจุบันประดิษฐาน ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร (วัดสามจีน) แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร

ประวัติความเป็นมา
แต่เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ถูกพอกปิดด้วยปูนทั่วทั้งองค์ พุทธลักษณะภายนอกไม่งดงามหรือโดดเด่น จากหลักฐานที่ปรากฏพบว่า เคยประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดโชตินาราม หรือวัดพระยาไกร มาตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ต่อมาวัดพระยาไกรขาดคนบูรณปฏิสังขรณ์ จึงตกอยู่ในสภาพรกร้าง ราว พ.ศ. ๒๔๗๔ บริษัท อีสต์เอเซียติก จำกัด ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับสัมปทานป่าไม้ ได้ขอเช่าที่จากรัฐบาล เข้าจัดสร้างโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ในบริเวณวัดร้างแห่งนี้ มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดทรุดโทรมของวัดพระยาไกรออกจนเหลือแต่พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่
ในขณะนั้น “วัดสามจีน” ซึ่งภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดไตรมิตรวิทยาราม กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ทั่วทั้งพระอาราม โดยสร้างวิหารสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปเพิ่มเติม สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) เจ้าคณะแขวงล่าง เห็นว่า จะปล่อยองค์พระพุทธรูปปูนปั้นให้อยู่ที่เดิมต่อไปจะเป็นการไม่สมควร ประกอบกับวัดสามจีน มีสถานที่กว้างขวางเหมาะสมกับการประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จึงมอบให้คณะกรรมการวัดสามจีน อันประกอบด้วย พระมหาเจียม กมโล, พระมหาไสว ฐิตวีโร (พระวิสุทธาธิบดี), น.อ. หลวงศุภชลาศัย (บุง ศุภชลาศัย), ร.น. หลวงบริบาลเวชกิจ (ยู้ ลวางกูล), นายสนิท เทวินทรภักดี ร่วมกันอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้จากวัดพระยาไกรมาประดิษฐานยังวัดสามจีน เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๗๘

จากพระพุทธรูปปูนปั้น สู่ "พระพุทธพุทธรูปทองคำ"
พระพุทธรูปปูนปั้นจึงถูกอัญเชิญมาตั้งแต่นั้น โดยในขณะที่ยังบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามไม่แล้วเสร็จ คณะกรรมการวัดได้ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปไว้ข้างเจดีย์เป็นการชั่วคราว ในระหว่างนี้ มีผู้มาขออัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดต่าง ๆ มากมาย แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ การก่อสร้างพระอาราม พระวิหารต่าง ๆ ในวัดสามจีน ใช้เวลาเนิ่นนาน จนล่วงเลยไปถึง ๒๐ ปี ใน พุทธศักราช ๒๔๙๘ การบูรณะจึงเสร็จสิ้นเรียบร้อย
เมื่อทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม ท่านเจ้าคุณพระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีรมหาเถระ ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็นพระวีรธรรมมุนี ผู้ดำเนินการสร้างวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นจนแล้วเสร็จ ได้เป็นแม่กองเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปปูนปั้นองค์นี้ เพื่อนำขึ้นประดิษฐานยังพระวิหารซึ่งตรงกับวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ การเคลื่อนย้ายเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากองค์พระมีขนาดใหญ่ และหนักมาก ต้องใช้ปั้นจั่นยกองค์พระพุทธรูป ในขณะทำการยกนั้น ปรากฏว่า ลวดสลิงที่ยึดองค์พระเกิดขาดเพราะทานน้ำหนักองค์พระไม่ไหว องค์พระพุทธรูปจึงตกลงกระแทกบนพื้นอย่างแรง พอดีกับเวลานั้น เป็นเวลาใกล้ค่ำ และฝนก็บังเอิญตกอย่างหนัก การอัญเชิญพระพุทธรูปในวันนั้น จึงเป็นอันต้องหยุดชะงักลง
ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ท่านเจ้าอาวาส ได้มาตรวจดูองค์พระ เพื่อหาทางอัญเชิญขึ้นประดิษฐานใหม่ ก็ได้พบเห็นรอยแตกที่พระอุระ และเห็นรักที่ฉาบผิวองค์พระด้านใน เมื่อแกะรักออก ก็ได้พบเนื้อทองคำบริสุทธิ์งามจับตาอยู่ชั้นในสุด ท่านเจ้าอาวาส จึงสั่งการระดมผู้คนช่วยกันกะเทาะปูน และลอกรักออกหมดทั้งองค์ ความงดงามแห่งเนื้อทองบริสุทธิ์ขององค์พระปฏิมาจึงปรากฏให้เห็นพร้อมพุทธลักษณะที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สกุลช่างสุโขทัย ที่งดงามจับตาจับใจผู้พบเห็นยิ่งนัก
ความยากลำบากในการเคลื่อนย้ายหมดสิ้นลงเมื่อมีการคุ้ยดินใต้ฐานทับเกษตรออก และพบกุญแจกลสำหรับถอดองค์พระออกเป็นส่วน ๆ ได้ ๙ ส่วน เพื่อสะดวกต่อการอัญเชิญขึ้นประดิษฐานยังพระวิหาร จึงดำเนินการถอดองค์พระออกแต่เพียง ๔ ส่วน คือ ส่วนพระศอ ส่วนพระหัตถ์ทั้ง ๒ ข้าง และส่วนพระนาภี ทำให้สามารถอัญเชิญพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ ขึ้นประดิษฐานยังพระวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้จัดเตรียมไว้

ที่สุดของไทย ที่สุดของโลก
การค้นพบพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัยของวัดไตรมิตรวิทยารามในครั้งกระนั้น ได้เป็นข่าวสำคัญอย่างอึกกะทึกครึกโครมไปทั่วทั้งประเทศ หนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ หลายฉบับ ต่างก็พากันประโคมข่าวกันอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางความปลื้มปีติยินดีของพุทธศาสนิกชนทั่วหน้า มีการตรวจสอบ และประเมินเนื้อทองขององค์พระพุทธรูปซึ่งเป็นทองคำบริสุทธิ์ เรียกว่า ทองเนื้อเจ็ด น้ำสองขา (มาตราทองคำของไทยโบราณตั้งไว้ตั้งแต่ทองเนื้อสี่ คือทองหนัก ๑ บาท จะมีค่า ๔ บาท ทองเนื้อเจ็ด คือทองหนัก ๑ บาท จะมีค่า ๗ บาท ซึ่งเป็นทองที่มีค่าของเนื้อทองรองจากทองนพคุณหรือทองเนื้อเก้า ซึ่งทองเนื้อเก้าจะเริ่มพบที่บางตะพานในแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ เรียกกันว่าทองคำบางตะพาน ส่วนคำว่าสองขาหมายถึง ๒ สลึง) มีน้ำหนักกว่า ๕ ตัน คิดเป็นน้ำหนักทองคำ ๒๕,๐๐๐ ปอนด์ หรือคิดเป็นมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำในขณะนั้น (พ.ศ. ๒๔๙๘ ) ๑๔ ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ ๒๙๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยเก้าสิบสี่ล้านบาท) อันเป็นราคาทองคำที่ถูกประเมินในครั้งแรก

พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร หรือ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร นับเป็น “พระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” หนังสือกินเนสบุ๊ค ฉบับปี ค.ศ. ๑๙๙๑ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ได้ทำการประเมินค่าอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน ค.ศ. ๑๙๙๐ (พ.ศ. ๒๕๓๓) และบันทึกไว้ว่า เป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำสูงถึง ๒๑.๑ ล้านปอนด์ แล้วบันทึกลงเป็นข้อความว่า
Highest intrinsic value is the 15th-century gold Buddah in Wat Trimitr Temple in Bangkok, Thailand. It is 3-04 m 10 ft tall and weighs an estimated 51/2 tonnes. At the April 1990 price of $ 227 per fine ounce, its intrinsic worth was $ 21.1 million. The gold under the plaster exterior was found only in 1954.
ข้อความที่ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือ กินเนสบุ๊ก ออฟ เดอะ เวิร์ด เรคคอร์ด
ก่อนจะมาเป็น "พระพุทธพุทธรูปทองคำ"













เดินเก็บภาพหลายมุมเลยค่ะ











อนุญาตให้ถ่ายภาพได้เฉพาะด้านหน้าราวกั้นนี้ค่ะ กราบพระนั่งด้านหน้าบริเวณพรมสีแดงได้เลย











จากหน้าประตู มองเข้าไป







ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช หรือ พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตรฯ ยังไม่เปิดให้บริการนะคะ



ออกจากวัดไตรมิตร เราปักหมุดไปที่วัดพระแก้ว แผนที่บอกใช้เวลา 38 นาที ระยะทาง 3 กิโล ไปกันค่ะ





เก็บภาพมาตามรายทาง เราไม่ค่อยแม่นชื่อถนน แต่พยายามถ่ายรูปติดชื่อถนนมาด้วยค่ะ



อาคาร ตึกไหนดูเข้าท่า ก็เก็บภาพมา



แยกแปลงนาม







สถานีมังกร



วัดเล่งเน่ยยี่ - วัดมังกรกมลาวาส



เยาวราช รถรามากมาย









ร้านรับปะชุนเสื้อผ้า



เสือป่าพลาซ่า มุมมองจากเยาวราช สำเพ็งจะอยู่ฝั่งซ้ายมือของภาพ



ห้างขายยาเบอร์ลิน ตึกสวย



ข้ามฝั่งมา ได้อีกมุม



ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเฉลิมนคร



อาคารซินเสียนเยอะเป้า อยู่ฝั่งตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ ตรงแยกเอสเอบี



ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเฉลิมนคร









ฝั่งที่เราเดิน



ป้ายบอกชื่อสะพานดำรงสถิต





สะพานเหล็ก คือ สะพานเหล็กข้ามคลองรอบกรุง บริเวณคลองโอ่งอ่าง บนถนนเจริญกรุง ในพื้นที่แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีชื่อเรียกอย่างทางการว่า "สะพานดำรงสถิต"



คลองโอ่งอ่างค่ะ



มีร้านค้าเฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 





สถานีสามยอด





แยกสามยอด







ป้ายรถเมล์ ตรงเต็นท์นั่น ไม่แน่ใจว่าป้ายชั่วคราวหรือเปล่า 











ศาลาเฉลิมกรุง



ขวามือของภาพ ไปทางดิโอลด์สยาม สวนกุหลาบ เพาะช่าง



ฝั่งตรงข้ามนั่น เจริญกรุงซอย 1 ค่ะ



แยกสี่กั๊กพระยาศรี



ชุมชนบ้านหม้อ







น้ำใสแบบนี้ทุกคลองคงดีเนาะ





ใกล้ถึงแล้วค่ะ เกินครึ่งทางแล้ว




 

Create Date : 27 มกราคม 2565
0 comments
Last Update : 27 มกราคม 2565 14:55:14 น.
Counter : 1430 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtoor36, คุณSleepless Sea, คุณตะลีกีปัส, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณปรศุราม, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเนินน้ำ, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณสองแผ่นดิน, คุณkatoy, คุณKavanich96, คุณหอมกร, คุณกาบริเอล, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณกะว่าก๋า, คุณกิ่งฟ้า, คุณชีริว, คุณmariabamboo, คุณtuk-tuk@korat


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.