Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 

อยากให้ลูกรัก มีความคิดสร้างสรรค์



ในช่วงที่เด็กมีอายุ 0-3 ขวบ ถือเป็นวัยที่สมองกำลังมีความเจริญเติบโตและมีการพัฒนาสูงสุด
การที่พ่อแม่จะเลี้ยงลูกให้มีความคิดสร้างสรรค์บรรเจิดจึงควรเริ่มตั้งแต่ที่เขาอยู่ในวัยนี้
เพราะเด็กในวัยนี้มักจะแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมา
เช่น เป็นคนช่างถาม บางครั้งถามจนผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรด้วย

เด็กมี Creativity พ่อแม่ช่วยได้
นพ.อุดม เพชรสังหาร จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองเด็ก ได้กล่าวถึงความคิดสร้างสรรค์ในเด็กว่า
ธรรมชาติได้สร้างให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว เด็กจะไม่มีกรอบความคิดเหมือนผู้ใหญ่
ดังนั้นเด็กจึงมักจะมีคำถามแสดงความอยากรู้อยากเห็นและต้องการคำตอบจากพ่อแม่อยู่เสมอ

“ถ้าพ่อแม่เข้าใจ หมั่นตอบคำถามของลูก พยายามรักษาความคิดสร้างสรรค์นี้ให้มีมากขึ้น
สุดท้ายเมื่อลูกเติบโตในวันหน้าก็จะสามารถดึงเอาความคิดสร้างสรรค์ที่เคยมีมาใช้ได้ทันที”
นพ.อุดม กล่าวและว่า ความเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์นั้นไม่ได้เกิดจากพรสรรค์ของเด็ก
แต่เป็นทักษะที่ต้องสร้างโดยพ่อแม่ช่วยกันฝึกฝนอบรมลูกบ่อยๆ โดยวิธีต่างๆ จนเกิดเป็นประสบการณ์ของลูก

นพ.กมล แสงทรงศรีกมล กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นวิธีการหรือความมหัศจรรย์ที่มาจากการที่เด็กได้มีการลองผิด
ลองถูก ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ไม่ใช่ด้วยระบบท่องจำหรือถูกบังคับให้ทำ
เพราะการถูกบังคับนั้นเด็กจะไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งความคิดสร้างสรรค์จะเกิดได้นั้นเด็กจะต้องเรียนรู้อย่างมีความสุขและเป็นอิสระ

“ถ้าเด็กถูกบังคับก็จะไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ ที่สำคัญจะต้องให้เด็กเรียนรู้จนเกิดความชำนาญ
เมื่อเด็กทำได้ก็ต้องชม หรือถ้าทำไม่ได้ก็ต้องให้กำลังใจ
บางครั้งอาจให้รางวัลหรือให้การส่งเสริมอย่างอื่นจึงจะทำให้เด็กเกิดความอยากทำต่อเนื่อง”

นพ.กมล กล่าวอีกว่า ทฤษฎีการสร้างความคิดสร้างสรรค์ได้บอกไว้ว่าความพร้อมในเรื่องจิตใจของเด็กนั้น
จะทำให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ เพราะเด็กพร้อมที่จะเรียนรู้
แต่ปัจจุบันระบบการศึกษาทำให้เด็กเรียนรู้เกินวัย เร่งเรียน ทำให้เด็กเรียนอย่างมีความทุกข์และเครียด
เพราะเน้นการแข่งขันมากเกินไปจึงทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กหายไป



เทคนิคช่วยให้ลูกคิดสร้างสรรค์
สำหรับเทคนิคที่จะช่วยสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กนั้น นพ.อุดม กล่าวว่า
ความจริงความคิดสร้างสรรค์จะมีในเด็กทุกคนอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งสำคัญพ่อแม่จะต้องฝึกให้ลูกได้ใช้ความคิดบ่อยๆ
จนกระทั่งเกิดการทดลอง เมื่อมีเวลาควรหาเวลาว่างพาลูกไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ
เพื่อที่เขาเมื่อพบกับความแปลกใหม่ก็จะเกิดการพัฒนาจนกลายเป็นทักษะความชำนาญ

“เด็กวัยนี้อย่าให้ไปสนใจเรื่องความสวยงาม แต่ควรฝึกให้เขาสนใจและใส่ใจเรื่องกระบวนความคิด
ให้เขาสามารถคิดเป็น วางแผนได้ และรู้จักการแก้ปัญหา เพราะศิลปะก็คือการมองไม่เหมือนคนอื่น
เมื่อคนอื่นนึกไม่ถึงจึงเป็นที่มาของความคิดสร้างสรรค์” คุณหมออุดม กล่าวทิ้งท้าย

ส่วนคุณหมอกมลได้เล่าเทคนิคในการสร้างความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ให้เด็กจากประสบการณ์ของตัวเอง
ที่ใช้กับลูกว่า การเล่านิทานให้ลูกฟังเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี
วิธีคือพ่อแม่จะต้องปิดไฟเล่านิทานให้ลูกฟัง โดยนิทานที่เล่านั้นควรเป็นเรื่องที่พ่อแม่แต่งขึ้น ตัวละครก็เป็นลูก
จะทำให้นิทานมีความสนุกมากและได้อรรถรส
ทั้งนี้ที่ต้องเล่าในขณะที่ปิดไฟนั้นจินตนาการจะเกิดในสมองของลูกทันที

“นอกจากนี้ขณะเล่านิทานให้พยายามตั้งคำถามกับลูกเป็นระยะ เช่น ถามว่าแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป
ลูกก็จะใช้ความคิดของเขา เกิดการโต้ตอบกัน ซึ่งตรงนี้จะเป็นการกระตุ้นให้เด็กได้ใช้ความคิดที่สร้างสรรค์”

นอกจากนี้ พ่อแม่ควรวาดภาพหรือการ์ตูนแล้วทำเป็นเครื่องหมายคำพูด ตั้งคำถามกับลูก เช่นว่า
ประโยคนี้ควรจะพูดอย่างไร ซึ่งลูกก็จะใช้ความคิดของเขา
สุดท้ายแล้วพ่อแม่จะต้องกระตุ้นให้ลูกเกิดความอยากรู้อยากเห็นจนลูกอยากถามคำถาม
แต่ถ้าลูกไม่ถามพ่อแม่ก็ต้องตั้งคำถามถามลูก จะได้ช่วยกระตุ้นความคิดของเขาให้เกิดมากขึ้น

นพ.กมล กล่าวเพิ่มเติมว่า การสอนศิลปะนั้นสามารถให้ลูกเรียนได้ตั้งแต่ที่เริ่มเรียนรู้
โดยให้วาดภาพออกมาจากจินตนาการของเขา และพ่อแม่จะต้องเชื่อมโยงระหว่างศิลปะกับการเล่านิทานให้
ผสมกลมกลืนอย่างลงตัวจะทำให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น

ด้วยเคล็ดลับดีๆ นี้เชื่อว่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นสมองส่วนความคิดสร้างสรรค์ให้คุณหนูๆสุดที่รัก
ได้แสดงออกมาโดยไม่มีขีดจำกัด และเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญ
เพราะการที่เด็กมีความคิดสร้างสรรค์นั้นจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่การเรียนรู้เรื่องอื่นๆ
ทั้งศาสตร์และศิลป์ สามารถนำไปใช้ในคราวที่เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

ข้อมูลจาก โพสต์ทูเดย์




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2552
0 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 17:45:31 น.
Counter : 1074 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.