5 วิธีช่วยให้ลูกอารมณ์ดี
โดยธรรมชาติเด็กทุกคนมีความต้องการให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชมของพ่อแม่ และบุคคลรอบข้าง มีเด็กหลายคนต้องการกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ไม่ได้ตามวัย เพราะได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธี อารมณ์ไม่ได้ตามวัย เพราะได้รับการเลี้ยงดูไม่ถูกวิธีอารมณ์เหล่านี้จะมีผลเสียต่อบุคคลิกภาพ และการปรับตัวทางสังคมในวัยผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระมัดระวังในการเลี้ยงดูบุตรหลาน
ลูกอารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา มีการวิจัยพบว่า การที่แม่มีความสุขในระยะตั้งครรภ์มีการสัมผัสลูบท้องบ่อยๆ ทั้งจากผู้เป็นแม่และพ่อของเด็ก การได้ฟังเสียงดนตรีไพเราะอยู่เป็นประจำจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ทำให้เด็กมีความสุข มีความอดทนต่อภาวะเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ดีกว่าที่แม่ไม่มีความสุขในระยะตั้งครรภ์
พ่อแม่ช่วยให้ลูกอารมณ์ดีได้อย่างไร?
1. พ่อแม่ควรปรับตัวให้เข้ากับกิจวัตรในการเลี้ยงดูลูก โดยมีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ไม่โกลาหลวุ่นวายและขุ่นมัวกับชีวิตประจำวัน พ่อแม่ที่ขี้โมโห เจ้าอารมณ์และขึ้นเสียงเหมือนพ่อแม่ 2. ปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการเลี้ยงเด็ก ในที่นี้สิ่งแวดล้อมรวมถึงบุคคลรอบข้าง บรรยากาศ สภาพที่อยู่อาศัย พี่น้อง เพื่อนเล่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลต่ออารมณ์ของเด็กทั้งสิ้น จากรายงานการสำรวจเด็กเล็ก 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก เด็กอยู่สภาวะแวดล้อมที่พูดคุยเสียงปกติ ฟังเสียงดนตรีไพเราะไม่อึกทึกครึกโครม กลุ่มที่ 2 เด็กอยู่ท่ามกลางเสียงเอะอะโครมคราม เกรี้ยวกราด มีการขว้างปาของ พูดคุยเสียงดัง และมีเสียงดุว่า ภายในเวลา 2 สัปดาห์ปรากฏว่า เด็กกลุ่มที่ 2 จะไม่ยิ้ม โกรธง่าย ชอบขว้างปาของเล่น ส่งเสียงเอะอะ ทำเสียงตะคอก หรือขึ้นเสียงดังกว่าปกติ
สิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ ผู้ใหญ่อื่นๆนอกจากพ่อแม่ของเด็ก มีหลายคนที่ชอบเย้าแหย่ให้อารมณ์เสีย โกรธง่าย โวยวาย เพราะผู้ใหญ่สนุก แต่มีผลทำให้เด็กติดนิสัยโกรธง่ายและหงุดหงิดกับท่าทีของคนอื่นๆ เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่เหมาะสม 3. สุขภาพและสุขนิสัยของเด็กก็มีผลต่อลักษณะนิสัย เด็กที่ไม่แข็งแรงจะไม่ร่าเริงอารมณ์เสียบ่อยกว่าเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงและเด็กอ่อนแอจะถูกห้ามในกิจกรรมการ เล่นต่างๆทำให้ไม่มีทางแสดงออกของอารมณ์ ยิ่งหงุดหงิดง่าย หรือกระทั่งการกินนอนไม่ถูกสุขลักษณะ จะทำให้เด็กมีพัฒนาการไม่สมวัย อาจทำให้ถูกล้อเลียน เช่น ฟันผุ ฟันหลอ ผอมหรืออ้วนเกินไป การถูกล้อเลียนบ่อยๆ จะทำให้เด็กโกรธง่ายฉุนเฉียว มีภาวะทางอารมณ์ไม่มั่นคง
4. การเสริมกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กมีอารมณ์อ่อนโยนเมตตาและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เช่นการมีสัตว์เลี้ยงที่พอใจ การปลูกต้นไม้ การที่เด็กๆมีสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง สุนัขจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ เด็กๆจะมีความเป็นเจ้าของ มีความผูกพันธ์ ทำให้ต้องช่วยเหลือดูแล และรับผิดชอบ อยากให้ความสนใจและให้อภัยเมื่อเกิดความผิดพลาด การให้เด็กปลูกต้นไม้ ก็จะช่วยพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กๆ เป็นที่ยอมรับว่าสีเขียวของต้นไม้ทำให้อารมณ์สงบ และการได้ดูแลรักษาต้นไม้ ติดตามการงอกงามเจริญเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกเอง จะทำให้เกิดความภูมิใจ และรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ ผู้ที่รู้สึกว่าได้ทำอะไรโดยมีผลผลิตปรากฏให้เห็น จะมีความอิ่มใจและอารมณ์ดี เมื่อเด็กๆมีความสุข กิริยาท่าทางจะอ่อนโยน การแสดงออกต่างๆทางอารมณ์ย่อมแจ่มใสร่าเริงด้วย
5. ให้โอกาสเด็กๆปรับทุกข์และให้แนวทางการคิด เด็กทุกคนมีโอกาสที่จะผิดพลาด หรือพ่ายแพ้ในการเล่น การเรียน ถ้ามีผู้ให้คำปลอบโยน ให้แนวการคิดการปรับ ตัวที่เหมาะสมจะทำให้เด็กๆได้ทิศทางการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง ลดความกังวล อารมณ์จะปกติและไม่เก็บกด เคียดแค้นหรือเสียใจ ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ อาจเป็นญาติพี่น้องในบ้าน เพื่อน ครู หรือผู้เกี่ยวข้องกับเด็ก ที่สำคัญอย่าซ้ำเติม หรือประจานความผิดพลาดของเด็กซ้ำๆ การปลอบใจและให้โอกาสเด็กแก้ตัวใหม่ จะทำให้เด็กสามารถปรับตัวได้ มีความหวัง มีกำลังใจในการให้โอกาส ตัวเองและผู้อื่น และแน่นอนย่อมเป็นเด็กอารมณ์ดี มีความสุข ที่มา นิตยสารบันทึกคุณแม่ No.153
Create Date : 26 พฤษภาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 17:52:49 น. |
Counter : 1166 Pageviews. |
|
|
|