ตนละฟากฟ้า - บทที่ 43
หลังจากที่นิคเดินทางไปสหรัฐฯได้สองสามวัน พราวพรายก็โทรศัพท์ไปหาเจิดจรัส เนื่องจากยังตรองไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะกลับบ้านไปคุยกับบิดามารดาเรื่องนี้ก็ยังหวาดวิตกอยู่ กลัวว่านอกจากจะทำให้ท่านทั้งสองโกรธหรือเสียใจแล้ว ดีไม่ดีคุณจิตราอาจจะยื่นคำขาดให้เธอลาออกจากงาน กลับไปหางานที่กรุงเทพฯทำเสียด้วยซ้ำ พราวพรายเชื่อเหลือเกินว่าไม่มีทางที่มารดาจะยอมให้เธอแต่งงานกับนิค นอกจากจะไม่ยอมแล้วยังอาจจะรีบไปตกลงกับทางบิดามารดาของเขตต์ ให้ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอโดยเร็วอีกต่างหาก ตอนนี้คนที่เธอพอจะปรึกษาเรื่องนี้ได้ ก็คงจะมีแต่เจิดจรัสเพียงคนเดียวเท่านั้น

หลังจากสอบถามทุกข์สุขกันอยู่พักหนึ่ง พราวพรายก็เลียบเคียงถามพี่สาวว่า “ตอนนี้พี่ยังคบกับแฟรงค์อยู่หรือเปล่า”

เจิดจรัสหัวเราะเสียงใสมาตามสายก่อนจะตอบว่า “ยังคบอยู่เหมือนเดิมน่ะแหละ ถามทำไมเหรอ แม่สั่งให้หาข่าวหรือไง”

“เปล่าหรอก พราวไม่ได้คุยกับแม่เป็นเดือนแล้ว แค่อยากรู้เท่านั้นแหละว่าพี่เจิดทำตามคำสั่งแม่หรือเปล่า ที่ให้เลิกคบเขาน่ะ”

“พราวก็น่าจะรู้นี่ว่าพี่ดื้อจะตาย แม่จะตามมาสั่งพี่ถึงที่นี่ได้ยังไง แม่สั่งพี่ก็รับฟัง ไม่เถียงหรอก แต่จะเลิกคบเขาหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

“พี่คิดจะแต่งงานกับเขาหรือเปล่า?”

“ยังไม่รู้เลย แต่ตอนนี้พี่ก็คบกับเขาอยู่คนเดียวเท่านั้น ไม่แน่..เราอาจจะลงเอยกันเร็วๆนี้ก็ได้”

อีกฝ่ายตกใจจนนิ่งอึ้งไปเลย ถ้าพี่สาวเธอแต่งงานกับแฟรงค์จริงๆ แล้วเธอไปขออนุญาตแต่งงานกับนิคซึ่งเป็นชายต่างชาติเหมือนกัน คุณจิตรามิยิ่งเสียใจหรือโกรธเป็นสองเท่าหรอกหรือ

“ทำไมเงียบไปล่ะ พราว หรือว่าตกใจ?”
พราวพรายอ้อมแอ้มตอบพี่สาวว่า “ก็นิดหน่อย แล้วพี่ไม่กลัวแม่โกรธหรอกหรือ ถ้าพี่พาแฟรงค์มาเมืองไทยมาพบแม่กับคุณพ่อ แล้วแม่ไม่อนุญาต พี่กับเขามิต้องเลิกกันหรอกหรือ?”

“โถ ยายพราว ทำไมพี่จะต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ถ้าพี่จะแต่งงานกับแฟรงค์พี่ก็จะแต่งกันก่อน แล้วค่อยพาเขาไปรู้จักทางบ้านทีหลัง เรื่องอะไรพี่จะไปขออนุญาตก่อน รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางที่แม่จะยอม จริงไหม?”

พราวพรายพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบจนพี่สาวชักสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ อ้าว..พราว เงียบไปเลย ช็อคหรือไง ความจริงพี่ก็ไม่อยากจะทำอะไรหักหาญหรอกนะ แต่เรื่องแฟรงค์เนี่ย พี่อาจจำเป็นต้องทำ เราคบกันมาปีกว่าแล้ว เขาเป็นคนดีและทรีตพี่ดีมาก ให้เกียรติทุกอย่าง หน้าที่การงานเขาก็ดี เขาเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล หน้าตาก็ไม่เลว แล้วทำไมพี่ถึงจะต้องเลิกคบกับเขา แม่น่ะตั้งแง่ไว้ล่วงหน้ามานานแล้วว่าไม่อยากได้ลูกเขยต่างชาติ ทำไงได้ พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นบุพเพสันนิวาสที่สร้างสมกันมานะ มีคนไทยมาจีบพี่ตั้งหลายคน ทำไมพี่ไม่สนพวกเขาเลยล่ะ แต่พอเจอแฟรงค์และคบกันได้ไม่นาน พี่ก็รู้สึกเลยว่าคนนี้แหละคือคนที่ใช่สำหรับพี่ อีกอย่างนึง..อาชีพพี่เห็นคนตายมาเยอะมาก บางคนอายุนิดเดียว ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตสักเท่าไรก็ตายเสียแล้ว พี่เลยชักจะคิดว่าต้องหาความสุขให้ตัวเองมั่งตอนที่ยังมีโอกาส ถึงได้บอกพราวไงว่าไม่แน่ พี่อาจจะลงเอยกับเขาเร็วๆนี้ก็ได้”

พราวพรายทำได้เพียงแค่ถามพี่สาวว่า “พี่แน่ใจแล้วหรือว่าจะแต่งงานกับแฟรงค์เร็วๆนี้”

“ก็กำลังคิดอยู่ บอกตรงๆนะพราว อย่าไปบอกแม่ล่ะ พี่กับเขาอยู่ด้วยกันมาได้พักหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ เขาขอให้พี่แต่งงานกับเขาแล้วด้วย”

สุ้มเสียงมีความสุขและมั่นใจในตัวเองของเจิดจรัส รวมทั้งคำบอกเล่าของพี่สาวถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ระหว่างเธอกับหนุ่มต่างชาติผู้นั้น ทำให้พราวพรายนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน คิดไม่ตกว่าจะให้คำตอบกับนิคว่าอย่างไรเมื่อเขากลับมาทวงถาม เรื่องที่คิดจะไปพบมารดาเพื่อซาวเสียงเรื่องแต่งงานกับนิค ก็เป็นอันต้องยกเลิกไปโดยปริยาย เธอไม่สามารถจะทำร้ายจิตใจบุพการีโดยเฉพาะมารดาได้ เพราะเท่าที่ฟังจากเจิดจรัส พี่สาวเธอคงจะแอบแต่งงานกับแฟรงค์เร็วๆนี้ โดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน แล้วเธอจะช่วยซ้ำเติมความทุกข์ของมารดาได้อีกหรือ สำหรับบิดานั้น หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าท่านมีเหตุมีผลและคงจะไม่ขัดขวางมากนัก

พราวพรายไปทำงานทุกวันด้วยจิตใจที่ไม่เป็นสุข ยิ่งใกล้กำหนดที่นิคจะกลับมาเธอยิ่งวิตก เพราะรู้ว่าเขาคาดหวังเอาไว้มากเรื่องแต่งงาน แต่แล้วเมื่อนิคโทรศัพท์มาหาเธอ ก่อนกำหนดวันกลับของเขาสองสามวัน ว่าเขายังไม่สามารถกลับมาได้ คงต้องอีกพักหนึ่ง เพราะยายชาวอิตาเลียนของเขาป่วยหนักอยู่โรงพยาบาล และขณะนั้นเขากับมารดาอยู่ในอิตาลีเฝ้าดูอาการที่น่าเป็นห่วงอยู่ พราวพรายก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ที่อย่างน้อยการพูดจาระหว่างเธอกับเขา จะถูกเลื่อนออกไปอีกพักหนึ่ง เมื่อนิคถามเรื่องการเจรจากับคุณจิตราและคุณพนัส เธอก็บอกเขาแต่เพียงว่าค่อยมาคุยกัน เมื่อเขากลับมาเมืองไทยแล้ว

ในที่สุดนิคก็กลับมาที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากหายไปเดือนกว่าๆ ยายที่ป่วยหนักของเขาเสียชีวิต หลังจากนอนโรงพยาบาลเกือบสองสัปดาห์ หลังเสร็จพิธีศพตามประเพณี ชายหนุ่มก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยที่พราวพรายไม่รู้ เพราะกำหนดกลับที่เขาบอกเธอครั้งล่าสุดทางโทรศัพท์คืออีกสองวันข้างหน้า แต่นิคซึ่งหมดภาระทางบ้านแล้ว ร้อนใจเรื่องการแต่งงานว่ามีข่าวคืบหน้าไปแค่ไหนแล้ว หาไฟล์ทแรกได้ก็เดินทางมาเลย

อาจจะเป็นโชคร้ายของพราวพรายก็ได้ ที่คืนนั้นซึ่งเป็นคืนวันศุกร์เขตต์มาหาพราวพรายกับสุนิสา ที่บ้านตั้งแต่หกโมงเย็น เขานั่งคุยอยู่กับเจ้าของบ้านสาวทั้งสองจนหกโมงครึ่งและรับคำชวนของอรรณพที่มารับสุนิสา ออกไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่สวนอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นประมาณสามทุ่มก็แยกกันกลับเพราะมารถคนละคัน สุนิสาไปค้างกับอรรณพตามปกติ ส่วนเขตต์พาพราวพรายมาส่งบ้าน

เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินตามลงมาจากรถ โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะรีบกลับเหมือนทุกครั้งที่รู้ว่าไม่มีใครอื่นอยู่บ้าน เธอก็เลยเชิญเขานั่งที่หมู่ม้าหินที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ตรงบริเวณที่มีไฟเปิดสว่าง ลงนั่งคุยกันเรื่องดอกไม้ป่าต้นเล็กๆสองสามต้นในกระถาง ที่เขตต์นำมาฝากเธอจากโขงเจียม และขณะนี้ยังวางอยู่บนโต๊ะหินรูปสี่เหลี่ยมตรงหน้าหนุ่มสาวทั้งสอง

นิคซึ่งตั้งใจมาหาพราวพราย จอดรถเลยหน้าบ้านพักหลังนี้ไปสองสามหลังเหมือนทุกครั้งที่มารับเธอ ตามคำขอร้องของเธอที่ไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านเห็น หลังจากจอดรถแล้วชายหนุ่มก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่พอมาถึงหน้าบ้านมองเข้าไป เห็นพราวพรายนั่งอยู่กับผู้ชายคนที่เขารู้ว่าชอบเธอ กำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม นิคก็ชะงักกึก เขารู้ว่าคืนนี้สุนิสาไม่อยู่บ้าน รู้สึกขวางหูขวางตาขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามระงับใจเอาไว้ บอกตัวเองว่าคนทั้งสองคงจะคุยกันตามธรรมดาแบบเพื่อนเท่านั้น อีกสักครู่เจ้าหมอนั่นก็คงจะกลับ เพราะขณะนั้นก็สามทุ่มครึ่งแล้ว

นิคตัดสินใจเดินกลับไปที่รถของเขา ขึ้นไปนั่งแล้วจุดบุหรี่สูบ ตาก็คอยมองไปทางบ้านพักของพราวพราย หวังจะได้เห็นรถแบบตรวจการคันนั้นแล่น ออกจากหน้าบ้านไปเสียที แต่หลังจากสูบบุหรี่หมดไปสองมวนและดูนาฬิกาเห็นว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว ก็เลยลงจากรถเดินย้อนขึ้นไปทางหน้าบ้านพักของพราวพรายอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจที่เห็นผู้ชายคนนั้นทำท่าเหมือนกำลังจะกลับ เขายืนอยู่ข้างรถใกล้ประตูคนขับ ส่วนพราวพรายยืนอยู่ตรงหน้าเขาห่างออกไปไม่มาก กำลังพูดอะไรกันอยู่ แล้วอยู่ๆดูเหมือนเธอจะก้าวเดินเข้าไปใกล้เขาอีกหน่อย

นิคไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นแต่ท่าที่เธอถลาเข้าหาผู้ชายคนนั้น ซึ่งยื่นแขนสองข้างออกมาโอบตัวเธอไว้ มองหน้ากันนิ่งอยู่ในท่านั้นราวกับการร่ำลาของคู่รัก ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะพราวพราย สะดุดก้อนหินถลาไปทางเขตต์ และเขาก็เพียงยื่นแขนมาพยุงตัวเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไป และเพียงแค่สองสามวินาทีเท่านั้น แต่ในความรู้สึกของคนกำลังหึงเห็นว่านานสักสิบนาที ใจของชายหนุ่มเดือดพล่านขึ้นมาทันที ขยับเท้าจะเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับคนทั้งสอง แต่แล้วพราวพรายก็ผละออกห่าง ทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กัน พูดกันอีกสองสามคำชายหนุ่มผู้นั้นก็ขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้าน เลี้ยวซ้ายเพื่อไปออกปากซอย โดยไม่เห็นเขาที่ยืนแอบอยู่อีกด้านหนึ่ง

เมื่อกะว่ารถของชายหนุ่มผู้นั้น คงแล่นออกถนนใหญ่หน้าปากซอยไปแล้ว นิคก็เดินเข้าไปในบริเวณบ้าน รู้ว่าพราวพรายเพิ่งเข้าบ้าน ยังไม่ได้อาบน้ำเข้านอน เขาเคาะประตูหน้าบ้านเบาๆสองสามที เสียงพราวพรายถามออกมาว่า
“ใครน่ะ? คุณเขตต์หรือคะ? ลืมอะไรเอาไว้หรือเปล่า”

ทันทีที่แง้มบานประตูมองออกมาเห็นนิค หญิงสาวก็ทำท่าตกใจ “อ้าว! นิค กลับมาแล้วหรือคะ? ไหนว่าอีกสองวันถึงจะกลับ ทำไมกลับเร็วจัง”

ชายหนุ่มทำหน้าบึ้ง ถามว่า “เร็วเกินไปหรือไง แล้วนี่จะยืนพูดกันอยู่ยังงี้หรือ ให้ผมเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหม”

พราวพรายรีรอ “ดึกแล้วนี่คะ แอ๋วก็ไม่อยู่ด้วย”
“รู้เหมือนกันหรือว่าดึก ขอผมเข้าไปหน่อย เรามีเรื่องต้องคุยกันไม่ใช่หรือ?”

หญิงสาวมองหน้าบึ้งๆของเขาอย่างไม่เข้าใจ ปกติเวลามารับเธอนิคก็จะรออยู่ที่รถ ถ้าเขามาโดยไม่ได้นัดกันไว้ล่วงหน้า เขาก็จะแค่มาเรียกเธอแล้วออกไปรออยู่หน้าบ้านหรือที่รถ แต่ครั้งนี้เขาดูแปลกไป ท่าทางเขาเหมือนอารมณ์ไม่ดี

“ไว้พูดกันพรุ่งนี้ดีกว่านะคะ นิค ฉันอยู่คนเดียวคงไม่เหมาะ ชาวบ้านเขาจะนินทาเอา ถ้าให้คุณหายเข้ามาอยู่ในบ้านดึกๆแบบนี้” พราวพรายพยายามต่อรอง

แต่อีกฝ่ายเลือดขึ้นหน้าเพราะความหึงเสียแล้ว ดึงดันว่า “ถ้างั้นก็ออกไปคุยกันที่รถ”
หญิงสาวทำเสียงออดๆว่า “โธ่ นิค ดึกแล้ว พรุ่งนี้ดีกว่า”
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง”

ได้ยินเสียงที่ห้วนจัดของเขาพราวพรายก็รู้สึกงง ท่าทางเขาจะโกรธเธอ โกรธอะไรอีกล่ะ วันที่เขาจะไปอเมริกาก็เห็นยังดีๆอยู่เลย แม้แต่ตอนที่โทรศัพท์มาหาเธอหลายครั้งระหว่างนั้น สุ้มเสียงของเขาที่พร่ำบอกว่าคิดถึงเธอมากก็ยังนุ่มนวลอ่อนโยนอยู่เลย แต่เมื่อรู้ว่าพูดอะไรไปเขาก็คงไม่ฟัง เพราะบางครั้งเวลาที่เขาแข็งขึ้นมา เธอก็รู้ว่ายากที่เอาชนะเขาได้ ครั้งนี้ก็คงเช่นเดียวกัน

“ถ้างั้นคุณออกไปคอยฉันที่รถก็แล้วกัน ขอฉันเปลี่ยนเสื้อหน่อย”

ความจริงพราวพรายไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรอก..เสื้อน่ะ เพราะมันเรียบร้อยพร้อมจะออกจากบ้านได้อยู่แล้ว เธอรีบร้อนเข้าไปหยิบแหวนที่นิคมอบให้มาสวม เพราะกลัวเขาจะหาว่าไม่สนใจเห็นความสำคัญของมัน ทันทีที่หญิงสาวขึ้นนั่งเคียงข้างนิคก็ออกรถ พอเห็นทิศทางที่เขาพารถวิ่งไป เธอก็ท้วงว่า

“จะไปที่อพาร์ตเมนท์หรือคะ ทำไมไม่ไปจอดรถคุยกันตรงไหนที่สว่างๆสักแห่งล่ะคะ”
“ทำไมถึงจะไปที่ห้องผมไม่ได้ ทำยังกับไม่เคยไปงั้นแหละ”

สุ้มเสียงพาลๆของเขาทำให้พราวพรายต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ ชักไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อได้ฟังคำตอบ เรื่องที่เคยสัญญาว่าจะไปเจรจากับมารดาแล้ว นิคจะโกรธมากขึ้นกว่าตอนนี้ขนาดไหน

เธอพยายามอะลุ่มอะหร่วยด้วยการเอาใจเขาว่า “งั้นก็ตามใจคุณ แต่อย่าให้ดึกเกินไปนะคะ นี่ก็สี่ทุ่มเกือบครึ่งแล้ว”

ชายหนุ่มไม่ตอบ ขับรถต่อไปเงียบๆจนถึงอพาร์ตเมนท์ของเขา เมื่อเข้าไปข้างในและกดปุ่มล้อคประตูแล้ว นิคก็คว้ามือพราวพรายไปนั่งลงบนเก้าอี้ยาว ดึงกระเป๋าถือใบเล็กๆที่เธอกอดเอาไว้ ออกไปวางลงบนโต๊ะใกล้ๆ เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นออกมาสองขวด ขวดหนึ่งส่งให้เธอที่รับมาวางไว้ ส่วนอีกขวดหนึ่งเขาเปิดฝาออก แล้วยกขวดขึ้นดื่มครั้งเดียวหมดไปเกือบครึ่งขวด หลังจากนั้นก็เดินมานั่งลงข้างเธอ

“งานคุณยายเรียบร้อยดีใช่ไหมคะ นิค ฉันเสียใจด้วยนะ” หญิงสาวพยายามชวนเขาพูดคุย

นิคไม่ต่อความเรื่องที่เธอพูด เงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ถามด้วยเสียงและสีหน้าที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อย “เรื่องนั้นว่าไง?”

“เรื่องนั้น?” พราวพรายทำเป็นทวนคำเพื่อถ่วงเวลาค้นหาคำพูด ที่จะไม่ทำให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้น ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

แต่ชายหนุ่มที่ยังโมโหหึงไม่หายแม้จะลดลงบ้างแล้ว เข้าใจว่าเธอแกล้งโยกโย้ ทำเสียงแข็งว่า “ผมไม่อยู่แค่ไม่กี่วันเอง คุณลืมเรื่องสำคัญไปแล้วหรือ ตกลงทางบ้านคุณว่าไงเรื่องแต่งงาน”

“เป็นอะไรไปคะ นิค? ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“ไม่ต้องโยกโย้ ผมอยากรู้คำตอบ”

พราวพรายอ้อมแอ้มบอกเขาด้วยใจที่เต้นโครมครามว่า “ฉัน เอ้อ..ยังไม่ได้ไปพูดกับพ่อแม่หรอกค่ะ”

นิคตาเขียวขึ้นมาทันที “ทำไม? ไหนคุณบอกว่าจะไปพูดเอง ไม่ยอมให้ผมไป แล้วทำไมไม่พูด ตกลงคุณจะเอายังไงแน่ หรือจะหลอกผม

“โธ่ นิคคะ ฉันจะหลอกคุณทำไม คือ..คือฉันโทร.คุยกับพี่เจิด เพิ่งรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับแฟนเขาที่เป็นฝรั่งโดยไม่บอกให้พ่อแม่รู้ ฉัน..ฉันก็เลยไม่กล้าไปพูด เรื่องของพี่เจิดเรื่องเดียวก็แย่พอแล้ว ถ้ารู้เรื่องของฉันอีกพ่อแม่ฉันคงเสียใจจนพูดไม่ออกเลย ดีไม่ดีแม่ฉันอาจจะทุกข์ใจจนล้มป่วยไปก็ได้ ฉันเลยไม่กล้าพูด”

ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ด้วยสีหน้าเครียดๆ ถามสวนกลับมาว่า “โอเค งั้นบอกผมหน่อยซิว่าคุณจะทำยังไงต่อไป”

“ก็..ก็ คงต้องรอต่อไปอีกสักพัก ดีไหมคะ” เสียงของเธอขลาดๆเพราะเกรงสีหน้าเขา

“ไม่ดี คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าอาจจะต้องรอเป็นปี ผมไม่ยอมรอนานขนาดนั้นหรอก”

“โธ่ นิค ถ้าไม่รอแล้วจะทำอะไรได้ล่ะคะ?”

“ทำไมจะไม่ได้ ก็ทำแบบพี่สาวคุณไง ชีวิตเป็นของเรานะ พราว แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตเรา” หลังจากนิ่งคิดอยู่อึดใจเดียวนิคก็พูดต่อว่า “ฟังผมนะ เมื่อคุณไม่กล้าพูดกับพ่อแม่คุณ ส่วนผมก็ไม่ยอมรออีกแล้ว คุณคิดว่าเราควรจะทำยังไงกันต่อไป”

“ก็..ก็ ไม่รู้เหมือนกัน แล้วคุณว่าไงล่ะคะ” เธอโยนให้เขาตัดสิน หวังว่าเขาจะบอกว่าเขาเห็นใจเธอและจะยอมรอต่อไป

แต่คำตอบของเขาก็คือ “เราแต่งงานกันเอง ค่อยบอกทางบ้านคุณทีหลัง”

“โธ่ นิค ฉันทำไม่ได้หรอก”
"ไม่ได้งั้นหรือ? คุณตอบตกลงที่จะแต่งงานกับผมแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งนี่คะ เพียงแต่ขอให้รอหน่อยเท่านั้น”

นิคเงียบไปครู่หนึ่ง หรี่ตามองหน้าเธออย่างโกรธๆ “ไม่ได้ ผมไม่รออีกแล้ว ใครจะไปรู้ว่าคุณจะเปลี่ยนใจอีกสักกี่ครั้ง ระหว่างที่ให้ผมรอน่ะ”

คราวนี้พราวพรายชักโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นเขาไม่ยอมรอมชอมบ้างเลย จะเห็นใจเธอสักนิดก็ไม่มี เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่เองว่าเขาเอาแต่ใจตัวเองน่าดูเหมือนกัน

“ก็ตามใจคุณสิ รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ”
หัวคิ้วของนิคขมวดเข้าหากัน “หมายความว่าไง?”
“ไม่รู้ คิดเอาเองก็แล้วกัน” หญิงสาวทำหน้าบึ้ง
“หมายความว่าคุณจะเลิกกับผมใช่ไหม” นิคคาดคั้นเอาคำตอบ

พราวพรายตกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่แข็งกร้าวของนิค เธอเพียงแต่จะเตือนเขาทางอ้อมว่าเขามีสิทธิที่จะไม่รอ ส่วนเธอก็มีสิทธิที่จะขอเลื่อนออกไปหน่อย จนกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่เมื่อคำพูดของเขาเหมือนข้อกล่าวหา ที่เธอคิดว่าไร้เหตุผลและยังมีลักษณะท้าทายอีกด้วย

ความมุทะลุ ความโกรธและความน้อยใจ ทำให้พราวพรายหลุดปากตอบรับคำท้าของนิคออกไปว่า “เลิกกันก็ได้!!”

ในขณะที่นิคกำลังตกตะลึงกับถ้อยคำตัดขาดของเธอ หญิงสาวก็ถอดแหวนในมือออกวางลงบนโต๊ะ แล้วลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อจะกลับบ้าน แต่ทันทีที่เธอก้าวออกเดิน ชายหนุ่มซึ่งกำลังตกตะลึงมองแหวน ที่เธอวางไว้ให้เป็นสัญญาณของการล้มเลิกการแต่งงาน ก็เข้ามาถึงตัว กระชากร่างเธอไปกอดไว้แน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ

“จะไปไหน!?” เสียงเหมือนขู่ของเขาดังอยู่ข้างหู
พราวพรายดิ้นรน “ปล่อยนะนิค!! พูดกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูด ฉันจะกลับบ้าน เชิญคุณบ้าไปคนเดียวเถอะ”
“บ้าหรือ? ใช่สิ ผมมันบ้า บ้ารักคุณไง ไม่รู้นี่ว่ามีตัวสำรองคอยอยู่แล้ว เลิกกับผมเพื่อไปแต่งกับไอ้หมอนั่นใช่ไหมล่ะ ไม่สำเร็จหรอก”

ในขณะที่พราวพรายกำลังงงไม่เข้าใจความหมายของเขา นิคก็ช้อนร่างเธอขึ้นไว้ในวงแขน พาเข้าไปในห้องนอน โยนเธอลงบนเตียงแล้วโถมตัวเองตามลงไป เขากอดจูบลูบคลำเธออย่างบ้าคลั่ง ด้วยฤทธิ์รักแรงหึงบวกกับความเสียใจแค้นใจ ที่เหมือนถูกหลอกให้หัวปั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สนใจใยดีกับการต่อสู้ดิ้นรนของเธอ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ถูกเขาถอดทึ้งออกไปหมด จนเหลือแต่บราเซียตัวจิ๋วและซับในบางๆผ้าลูกไม้สีดำ แล้วนิคก็หักหาญเอาตามใจตัวเองจนได้ในที่สุด หลังจากนั้นเขาก็ถอนใจยาวอย่างมีความสุขสมปรารถนา กอดเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แม้เธอจะพยายามผลักไสหยิกข่วนเพื่อพาตัวเองออกจากอ้อมแขนที่ยังรัดรึงเธออยู่

ตอนนี้นิคนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติง เหมือนความสงบหลังพายุร้ายกระหน่ำ ในขณะที่หญิงสาวในอ้อมแขนเขาร้องไห้กระซิก ทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจ ครั้งนี้ก็ไม่แตกต่างจากครั้งแรกในความรู้สึกของพราวพราย มันอาจจะเจ็บน้อยลงก็จริง แต่ความรุนแรงบ้าระห่ำของเขาที่ย่ำยีเนื้อตัวเธอ ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวรู้สึกอะไรได้ มากไปกว่าความเจ็บและความกลัว ที่ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเซ็กส์เป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัว น่าขยะแขยงมากยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นแม้นิคจะกลับมาป็นนิคคนเดิมที่สุภาพ แม้เขาจะพร่ำบอกว่าเขาเสียใจและขอโทษเธอจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่พราวพรายก็ไม่โต้ตอบเขาสักคำ เธอเอาแต่ร้องไห้ เมื่อแต่งตัวเสร็จหญิงสาวก็เดินออกไปคว้ากระเป๋า แล้วเดินอย่างเร่งรีบออกจากห้องเขา เพื่อจะไปหาสามล้อกลับบ้าน โดยมีนิคที่รีบร้อนแต่งตัววิ่งตามลงมาติดๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็ดึงแขนพราวพรายให้ขึ้นรถจนได้ เพราะละแวกที่เขาอยู่เป็นที่เงียบๆ ห่างไกลชุมชน จึงหาสามล้อได้ยาก ในยามดึกเช่นนั้นมันคงไม่ปลอดภัยนัก ที่ผู้หญิงสาวจะเดินท่อมๆไปตามถนนที่มืดมิด หารถกลับบ้านตามลำพัง


 



Create Date : 16 ธันวาคม 2564
Last Update : 16 ธันวาคม 2564 15:21:50 น.
Counter : 1097 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณInsignia_Museum

  
โหวตไม่ขึ้นค่า

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 16 ธันวาคม 2564 เวลา:18:48:54 น.
  
เสร็จเขาแน่ๆ ตั้งแต่เข้าห้องเขาแล้วค่ะ
ฉากนี้เห็นบ่อยในนิยายรักคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 16 ธันวาคม 2564 เวลา:21:41:01 น.
  
ส่งกำลังใจไว้ก่อนครับ พี่ตุ้ย
เด๋วมาอีกรอบ

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 ธันวาคม 2564 เวลา:22:56:08 น.
  
สวัสดีปีเสือนะคะ
ขอให้ปีนี้เป็นทีของเสือของคุณค่ะ
มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:11:55:29 น.
  

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:16:56:59 น.
  
สวัสดีปีใหม่ 2022 ค่ะพี่ตุ้ย

ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกโปรดประทานพรให้
พี่ตุ้ยมีความสุขมากๆ มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
และสมปรารถนาในทุกสิ่งที่ตั้งใจไว้ตลอดปี 2022 นี้นะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 3 มกราคม 2565 เวลา:0:52:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
ธันวาคม 2564

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com