ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ... ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมองและศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ https://www.facebook.com/thiravat.hemachudha/posts/10155094201361518
สัตว์นำโรค คิดว่าลูกสุนัขและแมว ไม่มีเชื้อพิษสุนัขบ้า จริงๆแล้ว.....สุนัขและแมวอายุเท่าใดก็ตามแพร่โรคได้ แม้จะมีอายุเพียง 1 เดือน คิดว่าสุนัขและแมวเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้เฉพาะในหน้าร้อนเท่านั้น จริงๆแล้ว.....เป็นได้ทุกฤดูกาลฉะนั้นการฉีดวัคซีนในสัตว์ไม่จำเป็นต้องรอฤดูกาล และคนเมื่อถูกกัดไม่ว่าฤดูไหนก็ตามต้องได้รับการฉีดยาป้องกัน คิดว่าหากถูกสุนัขหรือแมวกัดโดยอาการของสัตว์ปกติดีก็ไม่น่าจะเป็นบ้า จริงๆแล้ว.....สุนัขและแมวสามารถแพร่เชื้อโรคได้ถึง 10 วัน ก่อนจะแสดงอาการ หากถูกสุนัขหรือแมวกัด ถ้าสัตว์ดูยังปกติอย่านิ่งนอนใจต้องได้รับการฉีดยาป้องกัน และจับแยกและกักขังสุนัขและแมวนั้นๆ หากแสดงอาการผิดปกติต้องตัดหัวนำไปส่งตรวจทันที ถ้าผ่าน 10 วันไปแล้วไม่มีอาการผิดปกติแสดงว่าไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า คิดว่าการฉีดวัคซีนในสุนัขหรือแมวจะป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้าได้100% จริงๆแล้ว.....หากสัตว์ติดเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าแล้วและอยู่ในระยะฟักตัวการฉีดวัคซีนจะไม่ได้ผล ดังนั้นการนำสุนัขและแมวมาเลี้ยงต้องรู้ประวัติพ่อแม่และการเลี้ยงดูที่ผ่านมาอย่างชัดเจน คิดว่าสุนัขหรือแมวที่ได้รับวัคซีน 1ครั้งจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิตไม่มีโอกาสเป็นบ้า จริงๆแล้ว.....ยังมีโอกาสเป็นบ้าได้ดังนั้นสุนัขและแมวต้องได้รับวัคซีน 2 ครั้งในปีแรก และ 1 เข็มต่อปี มิฉะนั้นยังมีโอกาสเป็นบ้าได้เมื่อได้รับเชื้อทั้งนี้อาจต่างจากบางประเทศที่เจริญแล้วที่สุนัขและแมวหลังจากที่ได้รับการฉีดครั้งแรกแล้วไม่ต้องฉีดประจำทุกปี ทั้งนี้เนื่องจากโอกาสที่สุนัขและแมวจะได้รับเชื้อมีน้อยมากเหลือเกินและจะทำการฉีดกระตุ้นต่อเมื่อมีการสัมผัสโรคจริงๆ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทยที่เป็นประเทศที่ชุกชุมด้วยโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขและโอกาสที่สัตว์เลี้ยงจะได้รับเชื้อค่อนข้างมีสูง คิดว่าสุนัขและแมวที่เราเลี้ยงและเคยได้รับวัคซีนมาก่อนถูกสุนัขบ้ากัดก็ไม่เสี่ยงต่อการติดโรค จริงๆแล้ว.....ต้องได้รับการฉีดวัคซีนซ้ำและกักขังดูอาการอย่างน้อย 45 วันแต่ถ้าสุนัขและแมวนั้นไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนเมื่อถูกสุนัขบ้ากัดองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทำลายเพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติตามได้ให้ฉีดวัคซีนทันทีและกักขังดูอาการ 6 เดือนและฉีดวัคซีนซ้ำ 1เดือนก่อนปล่อย คิดว่าสุนัขและแมว เท่านั้นที่แพร่เชื้อสู่คนได้ จริงๆแล้ว.....สัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเป็นโรคและแพร่โรคได้เช่นกัน ทั้งนี้แม้แต่ลิง หนู และกระต่าย อย่างไรก็ดีในกรณีของหนูและกระต่ายเมื่อติดเชื้อและเกิดโรคความสามารถในการแพร่โรคกระจายในหมู่พวกเดียวกันเองต่ำมาก และไม่ถือว่าเป็นตัวการสำคัญในการแพร่โรคแต่ถ้าคนถูกหนู หรือกระต่ายกัดให้พิจารณาเป็นรายๆไป การตรวจหาเชื้อในสมองสัตว์จะช่วยตัดสินได้เด็ดขาดว่าควรต้องให้การรักษาแก่คนที่ถูกกัดหรือไม่ อนึ่ง ระยะเวลา 10 วัน ที่ใช้ในการจับแยกและกักขังเพื่อดูอาการว่าเป็นบ้าหรือไม่ ใช้ได้กับสุนัขและแมวเท่านั้น การติดเชื้อในคนและการป้องกันโรค คิดว่าการกัดคนทั้งๆที่ไม่ได้ถูกแหย่เป็นเครื่องแสดงว่าสุนัขแมวนั้นๆเป็นบ้า จริงๆแล้ว.....สุนัขแมวที่เป็นบ้า กัดคนโดยที่แหย่หรือไม่ได้แหย่ก็ได้ เมื่อถูกกัดต้องไปรับการรักษาเช่นกัน คิดว่าการข่วนจากสุนัขหรือแมวไม่น่าจะติดโรคพิษสุนัขบ้าได้ จริงๆแล้ว.....การข่วนด้วยเล็บก็ทำให้ติดโรคและตายได้ เนื่องจากสุนัข/แมวเลียอุ้งตีนและเล็บ อาจมีไวรัสจากน้ำลายติดค้างอยู่ที่เล็บและแพร่เชื้อได้หากแผลมีเลือดออกแม้เพียงซิบซิบ เมื่อถูกสุนัขกัดคิดว่าเอารองเท้าตบหรือราดด้วยน้ำปลาจะช่วยฆ่าเชื้อได้ จริงๆแล้ว.....เมื่อถูกกัดต้องล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นพบแพทย์ทันที เพื่อล้างแผลอีกครั้ง และฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาไอโอดีน ควรหลีกเลี่ยงการเย็บแผล ถ้าจำเป็นเย็บได้หลวมๆการเย็บปิดแผลจะส่งเสริมให้เชื้อเข้าเส้นประสาทได้ไวและเร็วขึ้นการปฎิบัติตามความเชื่อผิดๆเหล่านี้ทำให้มีคนเสียชีวิตมานักต่อนัก เมื่อถูกสุนัขหรือแมวที่มีเชื้อกัดคิดว่ามีโอกาสรอดแม้ไม่ได้รับการรักษา จริงๆแล้ว.....ถ้าคนถูกกัดแล้วมีอาการจะเสียชีวิตทุกรายภายใน5-11 วัน แต่คนที่รอด ไม่ได้หมายความว่าคาถาดี ทั้งนี้เพราะ ไม่มีไวรัสในน้ำลายตลอดเวลา ซึ่งพบได้ 30-80% หรือเฉลี่ยครึ่งต่อครึ่ง คิดว่ารอให้สุนัข/แมว ที่กัดแสดงอาการหรือตายก่อนจึงค่อยพาคนที่ถูกกัดไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน จริงๆแล้ว.....การฉีดยาป้องกันที่ได้ผลสูงสุดอยู่ในช่วง 48 ชั่วโมงหลังถูกกัด และถ้าแผลมีเลือดออกไม่ว่าตำแหน่งใดของร่างกายต้องได้เซรุ่ม(อิมมูโนโกลบูลิน)ชนิดสกัดบริสุทธิ์ ฉีดที่แผล เรื่องควรรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า จากการประชุมองค์การอนามัยโลก เดือนตุลาคม 2547 และ ตุลาคม 2553 และการประชุมนานาชาติ เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน2548 มีหลักฐานชัดเจนว่าถึงแม้จะรักษาทันท่วงทีก็อาจเสียชีวิตได้แม้ว่าจะเกิดได้น้อยมากๆก็ตาม ในประเทศไทยศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในปี 2542 รายงานผู้ป่วยตาย2 ราย และในปี พ.ศ.2552 รายงานผู้ป่วย1ราย แม้ได้รับการรักษาด้วยวัคซีนและเซรุ่มและมีผู้ป่วยตายในประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอื่นๆในทำนองเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมสัตว์นำโรคโดยเฉพาะสุนัขและแมว และคนที่มีโอกาสถูกสุนัขหรือแมวกัดบ่อยๆควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า ซึ่งฉีดเพียง 3 เข็มโดยที่แม้ว่าจะถูกกัดในอนาคต 10-20 ปีก็ตามเพียงได้รับวัคซีนกระตุ้น 2 เข็มโดยไม่ต้องฉีดเซรุ่มก็ปลอดภัยแล้ว โรคพิษสุนัขบ้าในคนมีอาการซับซ้อนและไม่จำเป็นต้องมีอาการกลัวน้ำกลัวลม หรือมีน้ำลายมาก แต่มีอาการคล้ายโรคทางสมองทั่วไป หรืออาการอัมพาตแขนขาอ่อนแรง และ10%ของผู้ป่วยไม่มีประวัติถูกสัตว์กัดหรือถูกกัดบ่อยมากจนคิดว่าไม่สำคัญ
ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้พัฒนาวิธีการวินิจฉัย โดยใช้รูปแบบที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมอง และวิธีทางอณูชีววิทยา โดยตรวจหา RNA ของไวรัสในน้ำลาย น้ำไขสันหลัง ปมรากผม ปัสสาวะ จนถึงปัจจุบันได้ทำการตรวจยืนยันให้กระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน ปีพ.ศ.2560 เป็นจำนวนมากกว่า 80 รายและวิธีการทั้งหมดได้รับการบรรจุในคู่มือขององค์การอนามัยโลก
ถึงแม้ผู้ป่วยจะเสียชีวิตทุกราย แต่การวินิจฉัยยืนยันที่ถูกต้องจะนำไปสู่การค้นหาต้นตอของโรคโดยพุ่งเป้าไปยังกลุ่มสุนัขที่กัดผู้ป่วย ทั้งนี้เนื่องจาก สุนัขตัวการนอกจากจะแพร่โรคให้ผู้ป่วยแล้วยังมีโอกาสแพร่โรคไปยังสุนัขใกล้เคียงและสุนัขเหล่านั้นเท่ากับเป็นระเบิดเวลาเคลื่อนที่พร้อมที่จะแพร่โรคต่อไปใน อนาคตและต้องไม่ลืมว่าคนที่สัมผัสผู้ป่วยก็มีโอกาสติดเชื้อได้จึงต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ThiravatHemachudha 24 กันยายน เวลา 20:50 น. · https://www.facebook.com/thiravat.h/posts/1685826414784239 ข้อกังวลของการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในเรื่องของชนิดของวัคซีนและวิธีการฉีด ในการให้การป้องกันผู้ที่ถูกสัตว์ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าไม่ว่าจะเป็นสุนัขแมวหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการล้างแผลโดยน้ำและสบู่และหลังจากนั้นไปยังสถานพยาบาลเพื่อทำการล้างแผลและให้ยาเฉพาะที่ๆทำลายไวรัสได้เช่นโพวิดีน ในกรณีที่แผลลึกหรือแผลไม่ลึกมากก็ตามแต่มีเลือดออกต้องฉีดสารสกัดน้ำเหลืองหรือที่เรียกว่าอิมมูโนกลอบูลินเข้าในและรอบแผลด้วย วิธีการฉีดจะเหมือนกับที่ฉีดยาชาเวลาจะทำการเย็บแผลคือยอนเข็มเข้าไปทางด้านหนึ่งจนสุดและค่อยๆถอยเข็มพร้อมกับเดินยาไปพร้อมๆกันโดยหลีกเลี่ยงการที่ต้องจิ้มหลายๆรู ซึ่งอาจจะทำให้เส้นประสาทบาดเจ็บและไวรัสอาจเข้าตรงไปที่เส้นประสาท โดยไม่พักตัวในกล้ามเนื้อก่อน สำหรับการฉีดวัคซีนนั้นวัคซีนที่ใช้อยู่ขณะนี้ มีคุณภาพและความปลอดภัยทัดเทียมกันทั้งสิ้นทำจากเซลล์เพาะเลี้ยงและทำให้บริสุทธิ์ อาจจะมีชื่อต่างๆกันแล้วแต่บริษัทที่นำเข้า ในกรณีที่เริ่มเข็มแรกด้วยวัคซีนชนิดหนึ่งแต่เข็มต่อๆไปถ้าไม่สามารถหาวัคซีนชนิดแรกได้ก็สามารถใช้วัคซีนอื่นได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปเพราะชาวต่างประเทศถ้าได้วัคซีนเข็มแรกในประเทศไทยเป็นวัคซีนวีโรแรบ เมื่อกลับไปยังประเทศตนเองก็สามารถใช้วัคซีนอีกชนิดหนึ่งได้ ยกตัวอย่างเช่นเข็มแรกเป็นวีโรแรบต่อมาจะเป็น สปีดา และเข็มที่สาม จะเป็น วีโรแรบก็ได้ หลักที่สำคัญไม่ใช่เรื่องของชนิดของวัคซีนแต่เป็นวิธีการฉีด ถ้าเริ่มต้นด้วยการฉีดเข้าชั้นผิวหนังควรจะต่อไปด้วยการฉีดวิธีเดียวกัน เช่นเดียวกับถ้าเริ่มต้นด้วยการฉีดเข้ากล้ามก็ต่อด้วยการฉีดเข้ากล้ามให้ครบ อย่างไรก็ตามในกรณีที่เป็นนักท่องเที่ยวและได้รับเข็มแรกเป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนังเมื่อกลับไปประเทศตนเองซึ่งไม่ชำนาญในการฉีดก็อาจสามารถที่จะอนุโลมเป็นฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อต่อไปจนครบ :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
Drama-addict 24 กันยายน 2560 https://www.facebook.com/DramaAdd/photos/a.411063588290.186101.141108613290/10155899708853291/?type=3&theater อันนี้น้องหมอที่ รพแห่งนึง แถวๆภาคกลางนี่ล่ะ บอกว่าเขากำลังจะโดนฟ้องเพราะว่าคนไข้โดนหมากัด ก็ไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ายี่ห้อVerorab ที่ รพ อีกแห่ง แล้วมาฉีดวัคซีนต่อที่รพ เขา ที่ รพ เขาไม่มี Verorab แต่มีวัคซีนอีกยี่ห้อคือSpeeda เขาก็ฉีดตัวนี้ให้คนไข้คนไข้ไปปรึกษาหมอที่ รพ แรก เขาบอกว่าใช้แทนกันไม่ได้เขาเลยตัดสินใจจะฟ้องหมอคนนี้เพราะเชื่อที่หมอ รพ นั้นบอก น้องหมอคนนี้ก็ฝากจ่าโพสหน่อยเถอะว่าวัคซีนตัวนี้มันเป็นยังไงจริงๆแล้วมันใช้แทนกันได้มั้ยตอบว่า ได้นะครับ คือตัว Verorabกับ Speeda มันผลิตคนละวิธีกัน คือ Verorabผลิตด้วยการเลี้ยงเชื้อสายพันธ์ PMWI138-1503-3M แต่ Speeda ใช้สายพันธ์ L.Pasteur PV 2061 แต่ถามว่าใช้แทนกันได้มั้ยได้ครับผม ในกรณีที่ฉีดวัคซีนตัวนึงมาแต่ของหมด ก็สามารถเอาอีกตัวมาฉีดต่อได้ แต่วิธีการฉีดมันต้องเหมือนกันนะและประสิทธิภาพก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ดังนัน้ฝากวอนถึงคนไข้ท่านนี้อย่าไปเชื่อไอ้หมอคนที่บอกว่าใช้ร่วมกันไม่ได้ครับถ้าไม่เชื่อมีอาจารย์แพทย์ที่ชำนาญด้านนี้หลายๆท่านให้อ้างอิงอย่าฟ้องน้องมันด้วยเรื่องนี้เลยครับ คือมันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะนั่นถ้าหมอโดนฟ้องด้วยเหตุผลนี้กันเยอะๆกลัวมันจะเสียกำลังใจกันหมด อ้างอิง แนวทางปฏิบัติโรคพิษสุนัขบ้า //www.skko.moph.go.th/dward/document_file/cdc/common_form_upload_file/20140313192304_1741768127.pdf //drug.pharmacy.psu.ac.th/Question.asp?ID=14761&gid=7
ลิงค์บทความ
" โรคพิษสุนัขบ้า " //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=20-03-2008&group=4&gblog=23
สุนัขจรจัด ปัญหาสังคม ระดับประเทศ ...สาเหตุและแนวทางแก้ปัญหา (นำมาฝาก) //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=03-02-2017&group=15&gblog=78
Create Date : 15 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 26 กันยายน 2560 15:35:35 น. |
|
2 comments
|
Counter : 18436 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณครับ