Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 
21 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ที่ประทับนั่งนอนของพระองค์

.





พราหมณ์ !
ที่นั่งสูง ที่นอนใหญ่ทั้งหลายเหล่าใด คือ เตียงเท้าสูง, บัลลังก์, ผ้าโกเชาว์ขนยาว ฯลฯ ที่นอนมีหมอนข้างแดงทั้งสองข้าง (รวม ๒๐ ชนิดที่นิยมเป็นของสูงในยุคนั้น) นั้น เป็นของหาได้ยากสำหรับบรรพชิต, อีกประการหนึ่งครั้นได้มาแล้ว ก็ย่อมไม่สมควรแก่การบริโภค.

พราหมณ์ !
ที่นั่งสูง ที่นอนใหญ่ สามชนิด ที่เราหาได้ง่าย ไม่ลำบาก ไม่ฝืดเคืองในบัดนี้. สามชนิด คืออะไรเล่า ?

คือ ที่นั่งสูง ที่นอนใหญ่ อันเป็นทิพย์ อันเป็นพรหม และเป็นอริยะ.

พราหมณ์ !
ในโลกนี้, เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวร เที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น.

ครั้นเวลาหลังอาหารกลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า. เรานั้น,วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้น ๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม, คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำริสติเฉพาะหน้า,

เรานั้นสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเข้าถึงฌานที่ ๑ ...ที่ ๒ ...ที่ ๓ ...ที่ ๔ อันไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่สติอันบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่,

พราหมณ์ !
เราขณะเมื่อเป็นอย่างนี้ ..
- ถ้าเดินอยู่, ในสมัยนั้นสถานที่ตรงนั้น ก็ชื่อว่า ที่จงกรมทิพย์,
- ถ้ายืนอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้นก็ชื่อว่า ที่ยืนอันเป็นทิพย์,
- ถ้านั่งอยู่ สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่าอาสนะทิพย์,
- ถ้าสำเร็จการนอน อยู่สถานที่ตรงนั้น ในสมัยนั้น ก็ชื่อว่าที่นอนอันเป็นทิพย์,

พราหมณ์ !
นี่แล ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นทิพย์ ซึ่งในบัดนี้ เราหาได้ง่าย ไม่ลำบากฝืดเคืองเลย.

พราหมณ์ !
ในโลกนี้ เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวรเที่ยวไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น. ครั้นเวลาหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า.

เรานั้น, วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้น ๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม, คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า. เรานั้น แผ่ไปสู่ทิศที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำ เบื้องขวาง ทั่วทุกทางเสมอหน้ากันตลอดโลกทั้งปวงที่มีอยู่ ด้วยจิต ..
- อันประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท;
- ด้วยจิตอันประกอบด้วยกรุณา อันไพบูลย์ ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท;
- ด้วยจิตอันประกอบด้วยมุทิตา อันไพบูลย์ ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวรไม่มีพยาบาท;
- ด้วยจิตอันประกอบด้วยอุเบกขา อันไพบูลย์ประกอบด้วยคุณอันใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท;

พราหมณ์ !
เราขณะเมื่อเป็นอยู่อย่างนี้
- ถ้าเดินอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้น ก็ชื่อว่าที่จงกรมพรหม,
- ถ้ายืนอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้น ก็ชื่อว่า ที่ยืนพรหม,
- ถ้านั่งอยู่ ในสมัยนั้น สถานที่นั้นก็ชื่อว่า อาสนะพรหม,
- ถ้านอนอยู่, ในสมัยนั้นสถานที่นั้น ก็ชื่อว่าที่นอนพรหม,

พราหมณ์ !
นี่แล ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นพรหม ซึ่งในบัดนี้เราหาได้โดยง่าย ไม่ลำบากฝืดเคืองเลย.

พราหมณ์ !
ในโลกนี้ เราเข้าอาศัยบ้านหรือนิคมใดอยู่ เวลาเช้าครองจีวรเที่ยงไปบิณฑบาตในบ้านหรือนิคมนั้น. ครั้นเวลาหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว เที่ยวไปตามแนวป่า.

เรานั้น วัตถุใดมีอยู่ในที่นั้น ๆ จะเป็นหญ้าหรือใบไม้ก็ตาม คร่ามาแล้ว (ทำเป็นที่รองนั่ง) นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะหน้า.

เรานั้น ย่อมรู้ทั่วถึง (ในใจเราเอง) อย่างนี้ว่า ..
- ราคะเราละได้ขาดแล้ว ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนต้นตาลขาดที่คอแล้วทำให้มีไม่ได้อีกแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา,
- ว่าโทสะ เราละได้ขาดแล้ว ถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนต้นตาลขาดที่คอแล้ว ทำให้มีไม่ได้อีกแล้ว เป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา,
- และว่า โมหะ เราละได้ขาดแล้วถอนขึ้นทั้งรากแล้ว ทำให้เหมือนต้นตาลขาดที่คอแล้ว ทำให้มีไม่ได้อีกแล้วเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา ดังนี้.

พราหมณ์ !
เราขณะเมื่อเป็นอย่างนี้
- ถ้าเดินอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้น ก็ชื่อว่า ที่จงกรมอริยะ,
- ถ้ายืนอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้น ก็ชื่อว่า ที่ยืนอริยะ.
- ถ้านั่งอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้น ก็ชื่อว่าอาสนะอริยะ.
- ถ้านอนอยู่, ในสมัยนั้น สถานที่นั้นก็ชื่อว่า ที่นอนอริยะ.

พราหมณ์ !
นี่แล ที่นั่งนอนสูงใหญ่อันเป็นอริยะซึ่งในบัดนี้ เราหาได้โดยง่าย ไม่ลำบากฝืดเคืองเลย.
.
.
.
บาลี มหาวรรค ติก. อํ. ๒๐/๒๓๓/๕๐๓.
ตรัสแก่พราหมณ์และคหบดี ชาวบ้านเวนาคปุระแคว้นโกศล.




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2555
0 comments
Last Update : 21 ตุลาคม 2555 6:47:45 น.
Counter : 1052 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.