อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ผู้ไม่รู้อริยสัจ ชื่อว่าตกอยู่ในหลุมเพลิงเป็นนิจ
.
ภิกษุ ท. ! บุคคลเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพราหมณ์ ก็ตาม เมื่อไม่รู้อยู่ตามเป็นจริง ว่า .. - นี้เป็นทุกข์, - นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์, - นี้เป็นความดับไม่เหลือของทุกข์, - และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์; ดังนี้,
เขาเหล่านั้น ย่อมยินดี ต่อสิ่งอันเป็นปัจจัยปรุงแต่ง ที่เป็นไปพร้อมเพื่อความเกิดเป็นต้น, เขาผู้ยินดีแล้ว ย่อมก่อสร้างปัจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นก่อสร้างแล้ว ก็เร่าร้อนอยู่ เพราะความแผดเผา ของ .. - ความเกิด - ความแก่ - ความตาย - ความโศก - ความร่ำไรรำพัน - ความทุกข์กาย - ความทุกข์ใจ - และความคับใจ.
(หมายเหตุ จขบ.
ความหมายในพระพุทธวจนะที่ยกมาชัดเจนมากในแง่ที่ว่า .. บุคคลที่ไม่รู้ในอริยสัจจ์สี่ แล้วย่อม ยินดีต่อสิ่งอันเป็นปัจจัยปรุงแต่ง .. เสมอไป
และอำนาจแห่งการปรุงแต่งนี้ ก็คืออำนาจแห่งสังขาร .. ย่อมเกิดขึ้นรุนแรงด้วยปัจจัยคืออวิชชาที่ท่วมท้นอยู่ในจิตวิญญาณอย่างยากที่จะต่อต้าน ยากที่จะหยุดยั้ง
ทีนี้เมื่อยินดีต่อสิ่งอันเป็นปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ก็ย่อมก่อสร้าง "ปัจจัยที่เป็นไปพร้อมเพื่อความเกิด" .. ภาษาตรงนี้อาจเข้าใจยากอยู่บ้าง ..
โลกทุกประการที่เกิดขึ้นใน"จิตที่ปราศจากความรู้ในอริยะสัจจ์ - คือจิตที่กอปรด้วยอวิชชา" ล้วนเกิดจากอำนาจแห่งการปรุงแต่งของสังขาร ผ่านทางทวารทั้ง 6 คือ
ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย จิตใจ .. ที่กระทบกับ .. รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสลูบไล้ เรื่องราว ..
แล้วทำให้รู้สึกในรสของอารมณ์ - feeling .. ภาวะนี้เองที่ภาษาพระ เรียกว่า "เวทนา"
เวทนา หรือความรู้สึกในรสของอารมณ์นี้ ก็เป็นปัจจัยให้เกิด ความทะยานอยาก, ความดิ้นรน, ความปรารถนา, ความเสน่หา ที่เรียกว่า "ตัณหา" ซึ่งมีสามประการคือ ..
- อยากได้ อยากครอบครองใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่น่ารักน่าใคร่ .. เช่น iPhone5, รถเบนซ์สปอร์ต, ดาราสาวสวย นางแบบหุ่นดี, บ้านริมทะเลแสนสวย, กระเป๋า รองเท้า ferragomo ฯลฯ
- อยากเป็นนั่น เป็นนี่ .. เช่น นายกรัฐมนตรี, CEO ปตท., นักบินอวกาศ, นักกอล์ฟอันดับ 1 ของโลก, นางงามจักรวาล, นักร้องยอดนิยมของโลก ฯลฯ
- ไม่อยากเป็นนั่น เป็นนี่ ผลักไส ต่อต้าน อยากตายเสีย อยากขาดสูญ อยากพรากพ้น เช่น .. ไม่อยากให้หุ้นตกจนตัวเองเจ๊ง, ไม่อยากเป็นคนที่พิกลพิการ, ไม่อยากเป็นชายที่หมดสมรรถภาพทางเพศ, ไม่อยากเป็นคนที่ถูกประนาม ประจาน, ไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดอีก ฯลฯ
ตัวความอยากนี่หากเกิดขึ้นจนรุนแรงก็ย่อมสร้างความยึดมั่น ถือมั่น จนตั้งเป็นพฤติกรรมเตรียมพร้อมเพื่อนำจิตวิญญาณไปสู่การกระทำ หรือ ภาวะเร่าร้อนทางใจ จนเดือดดิ้นอยู่ในอกเพื่อรองรับการกระทำให้ได้มา ภาษาพระเรียกว่า "อุปาทาน"
ตัว อุปาทาน นี่เองที่จะสร้างทุกประการขึ้นมา (ผู้สร้าง - creator) ดังพระพุทธวจนะ ข้างบน .. สิ่งที่สร้าง จับยึด ยึดมั่น ถือมั่น วางไม่ลงนั้น ก็คือ "ตัวตนของผู้สร้าง - อัตตา (สมมุติ) "
แล้วก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงเอากับ .. บรรดานี้ - ความเกิด - ความแก่ - ความตาย - ความโศก - ความร่ำไรรำพัน - ความทุกข์กาย - ความทุกข์ใจ - และความคับใจ.
ดังนั้น ความชัดเจนที่ว่าคือ เรื่อง ความเกิด ความแก่ ความตาย มันเกิดจาก ตัวตน-อัตตา จากอุปาทาน ที่เสพอารมณ์แล้ว อยากจนตัวสั่น !
ตัวสั่นด้วย เรื่องโน้น เรื่องนี้ เรื่องนั้น ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางผิวกายบ้าง ทางจิตใจบ้าง ..
ที่พระพุทธองค์สอน .. ไม่เกี่ยว กับการเกิดจากท้องแม่ แก่หนังเหี่ยว ตายเข้าโลง เลย .. เพราะมันไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่ไม่เกิด อุปาทาน เข้าไปกอดรักฟัดเหวี่ยงกับมัน ..
แต่มันจะเกิดเมื่อมองเห็นหนังหน้าเหี่ยว .. แล้วกลุ้มใจ ต้องไปดึง ! แต่มันจะเกิดเมื่อมองขาตัวเองที่แม่ให้มาแล้วรู้สึกว่า มันสั้นไปหน่อย .. มันโตไปหน่อย ไม่เรียวงามเหมือนนางแบบพวกนั้นเลย ! )
ภิกษุ ท. ! บุคคลเหล่านั้น เรากล่าว่า เขาไม่พ้นไปจากทุกข์ คือความเกิดเป็นต้น ไปได้เลย.
ภิกษุ ท. ! ส่วนบุคคลเหล่าใด จะเป็นสมณะหรือพรามหมณ์ ก็ตามเมื่อรู้ชัดตามเป็นจริงว่า .. - นี้เป็นทุกข์, - นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์. - นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, - และนี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ดังนี้;
บุคคลเหล่านั้น ย่อมไม่ยินดี ต่อสิ่งอันเป็นปัจจัยปรุงแต่ง ที่เป็นไปพร้อมเพื่อความเกิดเป็นต้น, เขาผู้ไม่ยินดีแล้ว ย่อมไม่ก่อสร้างปัจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นไม่ก่อสร้างแล้ว ก็ไม่เร่าร้อนอยู่ เพราะความแผดเผาของ .. - ความเกิด - ความแก่ - ความตาย - ความโศก - ความร่ำไรรำพัน - ความทุกข์กาย - ความทุกข์ใจ - และความคับแค้นใจ.
บุคคลเหล่านั้น ย่อมหลุดพ้นไปจากความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ และความคับแค้นใจ.
เรากล่าวว่า เขาหลุดพ้นไปได้จากทุกข์ ดังนี้
ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า .. - ทุกข์ เป็นอย่างนี้, - เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, - ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, - ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้. ดังนี้. . . . มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๓/๑๗๓๓-๑๗๓๔
Create Date : 03 มกราคม 2556 |
Last Update : 3 มกราคม 2556 6:28:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1223 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีปีใหม่ 2013 จ้า.....
Image by สุขภาพ, สุขภาพช่องปาก, live, ประเพณีไทย, ตรวจหวย