Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 
24 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การทรงแสดงเหตุของความเจริญ

.




พราหมณ์ !
คราวหนึ่ง เราอยู่ที่สารันททเจดีย์เมืองเวสาลี, ณ ที่นั้นเราได้กล่าวธรรมที่เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม ๗ ประการเหล่านี้ แก่พวกเจ้าวัชชี,

พราหมณ์ !
ถ้าธรรมทั้งเจ็ดอย่างนั้น คงตั้งอยู่ในพวกเจ้าวัชชี ก็หรือเจ้าวัชชีจักตั้งตนอยู่ในธรรมทั้งเจ็ดอย่างเหล่านั้นแล้ว, พราหมณ ! อันนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้.

(ต่อไปนี้ เป็นตัวธรรมเจ็ดประการที่ตรัสแก่พระอานนท์ ซึ่งวัสสการพราหมณ์ก็นั่งฟังอยู่ด้วย).

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชีประชุมกันเนือง ๆ ประชุมกันโดยมาก...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชีพร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่พวกเจ้าวัชชี จะต้องทำ...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชีมิได้บัญญัติข้อที่มิได้บัญญัติไว้ มิได้ถอนข้อที่บัญญัติไว้แล้ว, แต่ประพฤติอยู่ในวัชชีธรรมตามที่ได้บัญญัติไว้...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ท่านที่เป็นประธาน ของเจ้าวัชชีตั้งใจฟังคำสั่งของท่านผู้นั้น...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชี มิได้ลบหลู่ดูถูกสตรี ที่เป็นเจ้าหญิง หรือกุมารีในสกุล...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ บูชา เจดีย์ทั้งภายในและภายนอก มิได้ปล่อยละเลย ให้ทานที่เคยให้ ให้กิจที่เคยทำแก่เจดีย์เหล่านั้น และให้พลีกรรมที่ประกอบด้วยธรรม, เสื่อมเสียไป...

อานนท์ !
พวกเจ้าวัชชี เตรียมเครื่องต้อนรับไว้พร้อม เพื่อพระอรหันต์ ท. ว่า "พระอรหันต์ ท. ที่ยังมิได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้นนี้, ที่มาแล้วพึงอยู่สุขสำราญ เถิด" ดังนี้...

อานนท์ !
เหล่านี้ (แต่ละอย่างๆ, ที่ตรัสทีละอย่าง) ล้วนแต่เป็นความเจริญแก่เจ้าวัชชีอย่างเดียว หาความเสื่อมมิได้.
.
.
.
บาลี มหาปรินิพพานสูตร มหา. ที. ๑๐/๘๙/๖๙.
ตรัสแก่วัสสการพราหมณ์ มหาอำมาตย์มคธที่เขาคิชฌกูฏ


Create Date : 24 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2555 5:53:55 น. 0 comments
Counter : 1056 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.