พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ไม่ทรงติดทายก
.
อานนท์ ! ตถาคตเกิดขึ้นในโลก เป็นอรหันต์ ตรัสรู้ชอบเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะเป็นผู้ไปดี ผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้วจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์.
ตถาคตนั้น เสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าไม้โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง),
เมื่อตถาคตนั้น หลีกออกอยู่อย่างนั้น ชาวนิคมและชาวชนบทที่เป็นพราหมณ์หรือคฤหบดี ย่อมเวียนติดตาม.
เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทที่เป็นพราหมณ์หรือคฤหบดี ย่อมเวียนติดตาม ตถาคตย่อมไม่ผูกใจใคร่ไม่ถึงความกำหนัด ไม่เวียนมาเพื่อความมักมาก...ฯลฯ...
อานนท์ ! ครูบางคนในโลกนี้ ย่อมเสพเสนาสนะสงัด คือป่าไม้โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง),
เมื่อครูผู้นั้น หลีกออกอยู่อย่างนั้น ชาวนิคมและชาวชนบท ที่เป็นพราหมณ์หรือคฤหบดี ย่อมเวียนติดตาม.
ครูผู้นั้น, เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทที่เป็นพราหมณ์หรือคฤหบดี เวียนติดตาม, ก็ผูกใจสยบ ก็ถึงความกำหนัด ก็ถึงความมักมาก.
(หมายเหตุ .. จขบ ".. เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทที่เป็นพราหมณ์หรือคฤหบดี เวียนติดตาม, ก็ผูกใจสยบ ก็ถึงความกำหนัด ก็ถึงความมักมาก"
ข้อความนี้พระพุทธองค์หมายถึง .. ความมักมากในอามิสบูชา .. หรือการบำรุงบำเรอด้วยวัตถุธรรมทั้งหลายที่ คฤหัสถ์กระทำให้แก่บรรพชิต ..
สำหรับสมัยปัจจุบัน .. มีความแยบยลซับซ้อนมากขึ้นในเรื่องอามิสบูชานี้ .. ด้วยการผูกเรื่องบุญสะสมข้ามภพข้ามชาติ .. สำหรับชนกลุ่มโง่เขลาให้หลงใหล งมงาย .. และยิ่งทุ่มเทบ้าบุญหนักเข้า .. ซึ่งเจ้าสำนักก็เสพรับกันเต็มที่ .. คือ คำตรัสที่ว่า "ผูกใจสยบ ก็ถึงความกำหนัด ก็ถึงความมักมาก" .. นั่นเอง.)
อานนท์ ! นี้แหละเราเรียกว่า อุปัททวะ ๑ สำหรับอาจารย์. - สิ่งอันเป็นอกุศลลามก เศร้าหมองพร้อม - เป็นไปเพื่อเกิดใหม่ ประกอบด้วย. - - ความกระวนกระวาย - - มีทุกข์เป็นผล ย่อมกดทับครูผู้นั้นไว้.
อานนท์ ! อุปัททวะสำหรับอาจารย์ เป็นอย่างนี้แล. . . . บาลี มหาสุญญตสูตร อุปริ.ม. ๑๔/๒๔๓/๓๕๔. ตรัสแก่พระอานนท์ ที่นิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ ในวิหารของฆฏายสักกะ
Create Date : 11 ตุลาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 11 ตุลาคม 2555 5:11:37 น. |
Counter : 1052 Pageviews. |
|
|
|