Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 
26 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงมีฌานแน่วแน่ชั้นพิเศษ

.





ปุกกุสะ !
คราวหนึ่งเราอยู่ที่โรงกระเดื่องเมืองอาตุมา. คราวนั้นกำลังฝนตก กำลังสายฟ้าคะนองอยู่ ฟ้าผ่าลงในที่ไม่ไกลจากโรงกระเดื่อง ถูกชาวนาสองคนพี่น้อง และวัวลากเข็นสี่ตัว.

ปุกกุสะ !
ชาวเมืองอาตุมาพากันออกมาสู่ที่ที่สองพี่น้องและวัวทั้งสี่ถูกฟ้าผ่านั้น, เขากำลังชุลมุนกันอยู่อย่างนั้น เราออกจากโรงกระเดื่องแล้ว จงกรมอยู่ในที่กลางแจ้งไม่ไกลจากโรง. บุรุษผู้หนึ่งออกมาจากหมู่ชนเข้าไปหาเรา อภิวาทแล้วนั่งอยู่.

ปุกกุสะ !
เราถามบุรุษผู้นั่งอยู่แล้วนั้นว่า หมู่ชนนั้น จับกลุ่มกันทำไม ? เขาตอบเราว่า

"ท่านผู้เจริญ !
เมื่อฝนตกฟ้าคะนองอยู่ ฟ้าผ่าลงในที่ไม่ไกลจากโรงกระเดื่อง ถูกชาวนาสองพี่น้องและวัวลากเข็นสี่ตัว ชาวเมืองพากันมาประชุมแล้วในที่นั้น.

ท่านผู้เจริญ !
ก็ท่านอยู่เสียที่ไหนเล่า ?"

เราอยู่ในโรงกระเดื่องนี้ นี่เอง.

"ท่านผู้เจริญ !
ท่านไม่ได้ยินหรือ ?"

เราไม่ได้ยินเลย,

ท่าน !
"ท่านหลับเสียหรือ ? ท่านผู้เจริญ !"

เราไม่ได้หลับเลย,

ท่าน !
"ท่านมีสัญญา (คือความรู้สึก) อยู่หรือ ?"

ถูกแล้ว,

ท่าน !
เขาได้กล่าวสืบไปว่า "ท่านผู้เจริญ ! ท่านเป็นผู้มีสัญญาตื่นอยู่เมื่อฝนกำลังตก ฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าลงมา ท่านไม่ได้เห็นและทั้งไม่ได้ยิน ดังนั้นหรือ ?"

ถูกแล้ว,

ท่าน !

ปุกกุสะ !
ลำดับนั้น บุรุษนั้นมีความคิดว่า "น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยมีเลย

ท่านผู้เจริญเอ๋ย !
พวกบรรพชิตนี้ ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบรำงับจริง ๆ คือท่านก็เป็นผู้มีสัญญาอยู่ ตื่นอยู่ เมื่อฝนกำลังตก ฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าอยู่ท่านจักไม่เห็น และจักไม่ได้ยินเลย",

ดังนี้แล้ว ได้ประกาศความเลื่อมใสอย่างสูงในเรา กระทำประทักษิณ หลีกไปแล้ว
.
.
.
บาลี มหาปรินิพพานสูตร, มหา. ที. ๑๐/๑๕๓/๑๒๑.
ตรัสแก่ปุกกุสมัลลบุตร ในระหว่างทางไปเมืองกุสินารา เนื่องจากปุกกุสะ ทูลเล่าเรื่อง อาฬาร กาลามโคตร นั่งสมาธิอยู่ข้างทาง เกวียนผ่านไป ๕๐๐ เล่มไม่ได้ยินเลย


Create Date : 26 ตุลาคม 2555
Last Update : 26 ตุลาคม 2555 5:22:31 น. 0 comments
Counter : 1293 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.