Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 
18 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงมีการประทม อย่างตถาคต

.





ภิกษุ ท. !
การนอนมีสี่อย่าง คือ ..
- การนอนอย่างเปรต,
- การนอนอย่างคนบริโภคกาม,
- การนอนอย่างสีหะ,
- การนอนอย่างตถาคต.

ภิกษุ ท. !
การนอนอย่างเปรตเป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
โดยมากพวกเปรตย่อม นอนหงาย นี่เรียกว่า การนอนอย่างเปรต.

ภิกษุ ท. !
การนอนอย่างคนบริโภคกามเป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
โดยมาก คนบริโภคกามย่อม นอนตะแคงโดยข้างเบื้องซ้าย นี่เรียกว่า การนอนอย่างคนบริโภคกาม.

ภิกษุ ท. !
การนอนอย่างสีหะเป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
สีหะ เป็นพญาสัตว์ ย่อมสำเร็จการนอนโดยข้างเบื้องขวา เท้าเหลื่อมเท้า สอดหางไว้ที่ระหว่างแห่งขา. สีหะนั้นครั้นตื่นขึ้น ย่อมชะเง้อกายตอนหน้าขึ้นสังเกตกายตอนท้าย ถ้าเห็นความดิ้นเคลื่อนที่ของกาย (ในขณะหลับ) ย่อมมีความเสียใจเพราะข้อนั้น. ถ้าไม่เห็น ย่อมมีความดีใจ. นี่เรียกว่า การนอนอย่างสีหะ.

ภิกษุ ท. !
การนอนอย่างตถาคตเป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท.!
การนอนอย่างตถาคตคือ .. ภิกษุในศาสนานี้

- เพราะสงัดแล้วจากกาม ท. สงัดแล้วจากอกุศลธรรม ท., ย่อมเข้าถึงฌานที่ ๑ ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่.

- เพราะวิตกวิจารรำงับไป เธอเข้าถึงฌานที่ ๒ อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน สามารถให้สมาธิผุดขึ้นเป็นธรรมเอก ไม่มีวิตกวิจารมีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่.

- เพราะปีติจางหายไป เธอเป็นผู้เพ่งเฉยอยู่ได้ มีสติ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม และได้เสวยสุขด้วยนามกาย เข้าถึงฌานที่ ๓ อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย กล่าวสรรเสริญผู้ได้บรรลุว่า "เป็นผู้เฉยอยู่ได้มีสติอยู่เป็นสุข" แล้วแลอยู่.

- เพราะละสุข และทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เธอเข้าถึงฌานที่ ๔ อันไม่ทุกข์และไม่สุขมีแต่สติอันบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.

นี่เรียกว่า การนอนอย่างตถาคต
.
.
.
บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๓๑/๒๔๖.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2555
0 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 5:22:33 น.
Counter : 1115 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.