อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ความสิ้นตัณหา คือ นิพพาน
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า 'สัตว์ สัตว์' ดังนี้, อันว่าสัตว์มีได้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า ? พระเจ้าข้า !"
ราธะ ! ความพอใจอันใด ราคะอันใด นันทิอันใด ตัณหาอันใด .. มีอยู่ .. .. ในรูป .. ในเวทนา .. ในสัญญา .. ในสังขารทั้งหลาย .. และในวิญญาณ, เพราะการติดแล้ว ข้องแล้ว ในสิ่งนั้น ๆ, เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า 'สัตว์' ดังนี้.
ราธะ ! เปรียบเหมือนพวกกุมารน้อย ๆ หรือกุมารีน้อย ๆ เล่นเรือนน้อย ๆ ที่ทำ ด้วยดินอยู่, ตราบใดเขายัง .. .. มีราคะ .. มีฉันทะ .. มีความรัก .. มีความกระหาย .. มีความเร่าร้อน .. และมีตัณหา ในเรือนน้อยที่ทำ ด้วยดินเหล่านั้น ;
ตราบนั้นพวกเด็กน้อยนั้น ๆ .. .. ย่อมอาลัยเรือนน้อยทีทำ ด้วยดินเหล่านั้น .. ย่อมอยากเล่น .. ย่อมอยากมีเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้น. .. ย่อมยึดถือเรือนน้อยที่ทำด้วยดินเหล่านั้นว่าเป็นของเรา ดังนี้.
ราธะ ! แต่เมื่อใดแล พวกกุมารน้อย ๆ หรือกุมารีน้อย ๆ เหล่านั้น .. .. มีราคะไปปราศแล้ว .. มีฉันทะไปปราศแล้ว .. มีความรักไปปราศแล้ว .. มีความกระหายไปปราศแล้ว .. มีความเร่าร้อนไปปราศแล้ว .. มีตัณหาไปปราศแล้ว ในเรือนน้อยที่ทำ ด้วยดินเหล่านั้น,
ในกาลนั้นแหละพวกเขาย่อมทำ เรือนน้อย ๆ ที่ทำด้วยดินเหล่านั้น ให้กระจัดกระจายเรี่ยรายเกลื่อนกล่นไป กระทำให้จบการเล่นเสียด้วยมือและเท้าทั้งหลาย, อุปมานี้ฉันใด ;
ราธะ ! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ .. แม้พวกเธอทั้งหลายจงเรี่ยรายกระจายออก ซึ่ง .. .. รูป .. เวทนา .. สัญญา .. สังขาร .. และวิญญาณ.
จง .. .. ขจัดเสียให้ถูกวิธี, .. ทำให้แหลกลาญโดยถูกวิธี, .. ทำให้จบการเล่นให้ถูกวิธี, .. ปฏิบัติเพื่อความสิ้นไปแห่งตัณหาเถิด.
ราธะ! เพราะว่า ความสิ้นไปแห่งตัณหานั้น คือนิพพาน ดังนี้แล. . . . ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๒/๓๖๗.
Create Date : 01 มกราคม 2558 |
Last Update : 1 มกราคม 2558 9:34:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1115 Pageviews. |
|
|
|
|
|