Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 
20 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงเป็นลูกไก่ตัวพี่ที่สุด

.




พราหมณ์ !
เปรียบเหมือนฟองไข่ของแม่ไก่อันมีอยู่ ๘ ฟอง หรือ ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง, เมื่อแม่ไก่นอนทับ กก ฟักด้วยดีแล้ว, บรรดาลูกไก่ในไข่เหล่านั้น ตัวใดเจาะแทงทำลายเปลือกไข่ด้วยจะงอยเล็บเท้า หรือจะงอยปากออกมาได้ก่อนตัวอื่นโดยปลอดภัย เราควรเรียกลูกไก่ตัวนั้นว่าอย่างไร คือจะเรียกว่าตัวพี่ผู้แก่ที่สุด หรือตัวน้องผู้น้อยที่สุด?

"พระโคดมผู้เจริญ ! ใครๆ ก็ควรเรียกมันว่า ตัวพี่ผู้เจริญที่สุด เพราะมันเป็นตัวที่แก่ที่สุดในบรรดาลูกไก่เหล่านั้น" พราหมณ์ทูลตอบ.

พราหมณ์ !
ฉันใดก็ฉันนั้น : เรานี้, ขณะเมื่อหมู่สัตว์กำลังถูกอวิชชาซึ่งเป็นประดุจเปลือกฟองไข่ห่อหุ้มอยู่แล้ว, ก็ทำลายเปลือกห่อหุ้ม คือ อวิชชาออกมาได้ก่อนใครๆ เป็นบุคคลแต่ผู้เดียวในโลก ได้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณ อันไม่มีญาณอะไรยิ่งไปกว่า.

พราหมณ์ !
เรานั้น, เป็นผู้เจริญที่สุดประเสริฐที่สุดของโลก. ความเพียรเราได้ปรารภแล้ว ไม่ย่อหย่อน, สติเราได้กำหนดมั่นแล้วไม่ลืมหลง, กายก็รำงับแล้วไม่กระสับกระส่าย, จิตตั้งมั่นแล้วเป็นหนึ่ง, เราได้บรรลุ
- ปฐมฌาน---ฯลฯ---*
- ทุติยฌาน---ฯลฯ---
- ตติยฌาน---ฯลฯ---
- จตุตถฌาน


แล้วก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ .. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ---ฯลฯ--- เป็นการทำลายเปลือกฟองไข่ของลูกไก่ออกจากฟองไข่ ครั้งแรก,

ก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ .. จุตูปปาตญาณ---ฯลฯ--- เป็นการทำลายเปลือกฟองไข่ของลูกไก่ออกจากฟองไข่ครั้งที่สอง,

ก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ .. อาสวักขยญาณ---ฯลฯ--- เป็นการทำลายเปลือกฟองไข่ของลูกไก่ออกจากฟองไข่ครั้งที่สาม, ดังนี้.
.
.
.
บาลี มหาวิภังค์ วินัยปิฎก ๑/๕/๓ .
ตรัสแก่เวรัญชพราหมณ์.
--------------------------------------------
* คำที่ละด้วย…ฯลฯ….ดังนี้ ดูเนื้อความเต็มที่ได้จากในภาค ๒ ตอนว่าด้วยการตรัสรู้ คือฌาน ๔ และวิชชา ๓ เหมือนกันไม่มีแปลก. ในที่นี้จึงยกมาแต่ชื่อ ให้สะดวกแก่ผู้ศึกษา, ไม่ต้องอ่านคำซ้ำๆ กันอีกตั้งยาวๆ ให้ยืดยาด.



Create Date : 20 มิถุนายน 2555
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 6:16:22 น. 0 comments
Counter : 1350 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.