Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
28 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ความดับทุกข์มี เพราะความดับแห่งนันทิ

ปุณณะ !
..รูป ที่เห็นด้วยตาก็ดี,
..เสียง ที่ฟังด้วยหูก็ดี,
..กลิ่น ที่ดมด้วยจมูกก็ดี,
..รส ที่ลิ้มด้วยลิ้นก็ดี,
..โผฏฐัพพะ ที่สัมผัสด้วยกายก็ดี
..ธรรมารมณ์ที่รู้แจ้งด้วยใจก็ดี,

อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ เป็นที่ยวนตายวนใจให้รัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดย้อมใจ มีอยู่;

ภิกษุย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำ สรรเสริญ ไม่เมาหมก ซึ่งอารมณ์มีรูป เป็นต้นนั้น. เมื่อภิกษุไม่เพลิดเพลิน ไม่พร่ำ สรรเสริญ ไม่เมาหมก ซึ่งอารมณ์มี รูปเป็นต้นนั้นอยู่, นันทิ (ความเพลิน) ย่อมดับไป.

ปุณณะ !
เรากล่าวว่า "ความดับไม่มีเหลือของทุกข์มีได้ เพราะความดับไม่เหลือของความเพลิน" ดังนี้ แล.
.
.
.
อุปริ. ม.๑๔/๔๘๒/๗๕๖.




หมายเหตุ จขบ.


แค่คอยควบคุมจัดการกับสัมผัสทั้ง 6 ทางให้อยู่มือ .. นั่นก็สามารถดับทุกข์ได้
ไม่มีข้อธรรมลึกซึ้งสลับซับซ้อนพิสดารใดให้ต้องศึกษามากมาย ..

เพียงแต่การจะเข้าใจแก่นพุทธธรรมได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่ไม่มี รูปแบบพิธีกรรม อันคร่ำครึงมงายร้อยรัดจิตวิญญาณไว้ก่อน ..

บุคคลผู้แบกทูนโลกไว้บนหัวเพื่อเดินไปบนเส้นทางเกียรติยศที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุดนั้น ไม่มีทางมองเห็นความเรียบง่ายเหล่านี้ และป่วยการจะกระทำ "อาการภาพพจน์" ทั้งหลายไม่ว่าจะไหว้พระสวยงาม เปล่าคำ"สาธุ"จนดังลั่นโลก พร้อมกับมือลูบผมเบาๆประหนึ่งซาบซึ้งรสพระธรรมหนักหนา .. ย่อมเป็นเพียงหนูถีบจักรที่ไม่มีวันหยุดได้ตลอดกาล

เราจึงจักเรียกบุคคลผู้กระทำอาการภาพพจน์ แล้วไม่ได้มรรคผลอะไรต่อการยกระดับจิต
ว่า ผู้เสียเวลาเปล่า หรือ โมฆะบุรุษ ดังนี้แล



Create Date : 28 กันยายน 2557
Last Update : 28 กันยายน 2557 8:21:17 น. 0 comments
Counter : 948 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.