Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
20 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ความรู้สึกของบุถุชน ไขว้กันอยู่เสมอต่อหลักแห่งอริยสัจจ์

.




คหบดี !
หน้าตาของท่านแสดงว่าท่านกำลังไม่มีจิตไม่มีใจ, หน้าตาของท่านผิดปกติไปแล้ว.

"ท่านผู้เจริญ !
หน้าตาของข้าพเจ้าจะไม่ผิดปกติได้อย่างไรเล่า, เพราะว่า บุตรน้อยเป็นที่รักที่พอใจคนเดียว ของข้าพเจ้า ตายเสียแล้ว. เพราะการตายของบุตรน้อยนั้นการงานก็มืดมน ข้าวปลาอาหารก็มืดมน. ข้าพเจ้าเอาแต่ไปสู่ที่เผาลูก แล้วคร่ำครวญอยู่ว่าลูกน้อยคนเดียวอยู่ไหน ๆ".

มันเป็นอย่างนั้นแหละ ๆ คหบดี !
โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาสทั้งหลายนั้น เกิดจากของรัก มีของรักเป็นแดนเกิด.

"ท่านผู้เจริญ !
โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสและอุปายาสทั้งหลายนั้น เกิดจากของรัก มีของรักเป็นแดนเกิด ได้อย่างไรกัน ; เพราะว่า ความเพลิดเพลินและโสมนัสต่างหากที่เกิดแต่ของรัก มีของรักเป็นแดนเกิด."

คหบดีนั้น ไม่ยอมรับไม่คัดค้านคำของพระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะแล้วหลีกไปเสีย..

เขาได้เข้าไปหากลุ่มนักเลงสะกาที่เล่นสะกากันอยู่ ในที่ใกล้ ๆ กันนั้น; เล่าเรื่องให้ฟังแล้วก็ได้รับคำรับสมอ้างจากพวกนักเลงสะกาเหล่านั้นว่า ..

"ถูกแล้ว ๆ ท่านคหบดี !
ความเพลิดเพลินและโสมนัสเกิดแต่ของรัก มีของรักเป็นแดนเกิดอย่างแน่นอน" ดังนี้;

เขาก็พอใจว่าความคิดของเขาตรงกันกับความคิดของนักเลงสะกาทั้งหลาย ดังนี้แล้วก็หลีกไป
.
.
.
ม.ม. ๑๓/๔๘๙/๕๓๖.

(ข้อนี้แสดงว่า ความคิดของพวกปุถุชนย่อมตรงกันเสมอ แต่ไม่อาจจะลงรอยกันได้กับความจริงที่เป็นอริยสัจ).


หมายเหตุ จขบ.

ข้อความที่ยกมานี้ .. เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาลที่แม้แต่พระพุทธองค์ยังต้องวางอุเบกขาต่อจิตวิญญาณมืดบอดเช่นนี้ ..

ภพชาติ ที่สืบเนื่องมา .. รวมทั้งการสะสมบุญให้มีขนาดและปริมาณ ตามปริมาณวัตถุธรรมที่บริจาค สละให้แก่วัดเจ้าของความคิด ย่อมมีเจตนารมย์เพื่อ ..

1. สร้างอัตตาเดิมเดียวในกาลภาคหน้าเพื่อรอรับ"ผล" ที่เชื่อด้วยมิจฉาศรัทธาว่า "มี" .. ตอบแทนสิ่งที่ทำในกาลปัจจุบันในลักษณะ "ต่างตอบแทน" .. เป็นมายาคติหลอกหลอนอันมืดบอดประการหนึ่งที่สืบทอดมาจากฤทธิ์เดชของแนวคิดแบบ สัสสตทิฐิ (ที่สืบทอดกันมาจาก อุปนิษัทของพราหมณ์)

เป็นการสร้างวัฏฏะสงสารขึ้นในจิตให้ยึดมั่นถือมั่น - อุปาทาน .. โดยไม่มีใครสามารถบอกได้แน่ชัดถึง "ความจริง"

เป็นจิตวิญญาณที่ไม่สามารถค้นหาเหตุแห่งความจริงของสรรพสิ่ง .. จึงต้องวนเวียนเชื่อคนโน้น คนนี้ เรื่องโน้น เรื่องนี้ .. ตามกำลังของ สังขารโง่เขลา

2. ในด้านฝ่ายผู้เผยแผ่แนวคิด .. ย่อมมีเจตนารมย์ต่อ"วัตถุธรรม" เป็นหลักใหญ่ใจความ .. สำนักที่แนบแน่นด้วยแนวคิดเช่นนี้ย่อมไม่อาจเน้นข้อธรรมที่เป็นแก่นแกนตัวแท้ของพรหมจรรย์นี้ให้เหล่าสาวกได้ยินได้ฟังกันกี่มากน้อยเลย .. เพราะเหตุว่าหลักธรรมที่ยากต่อความเข้าใจ มีดังข้อความต่อไปนี้ ..

เมื่อครั้งที่พระอานนท์กล่าวต่อพระพุทธองค์ว่าท่านไม่เห็นว่าปัจจยาการ หรือ ปฏิจจสมุปบาท เป็นของยากเลย...พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ..
"ดูกรอานนท์ .. อย่าได้กล่าวเช่นนั้น .. ธรรมะสี่อย่าง คือ
.. สัจจะ - หนึ่ง
.. สัตตะ - หนึ่ง
.. ปฏิสนธิ - หนึ่ง และ
.. ปัจจยาการ (ปฏิจจสมุปบาท) - หนึ่ง
เป็นธรรมอันลึกซึ้ง เป็นธรรมอันยาก อันสัตว์ทั้งหลายจักเข้าใจและเข้าถึงได้ยากนัก
"

เมื่อ แก่นธรรม ไม่เอามาเน้นสอน .. และสอนกันแต่ เปลือกกระพี้ .. เราก็สามารถมองได้ว่า .. อาจเข้าใจไม่ได้ จึงเอามาสอนไม่ได้ .. หรืออีกมุมมองหนึ่งคือ หลักธรรมแท้ สอนเพื่อความลดละเลิก ..

อันลงกันไม่ได้กับการสอนให้ สะสม(บุญ) สร้าง(ชาติหน้ารอ) หวัง(สถานภาพที่ดีขึ้นทางวัตถุในภายภาคหน้า) .. แปลว่าสอนให้เวียนว่ายในวัฏฏะสงสารเรื่อยไป ..

จึงไม่เอามาสอนสิ่งที่ควรสอนที่สุด !



Create Date : 20 ธันวาคม 2555
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 10:33:35 น. 0 comments
Counter : 1075 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.