Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
7 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การข่มลิจฉวีบุตร ผู้มัวเมาในปาฏิหารย์

.





ภัคควะ !
คราวหนึ่ง เราอยู่ที่ศาลามีรูปเหมือนเรือนยอด ที่ป่ามหาวันใกล้นครเวสาลี. ครั้งนั้น นักบวชเปลือย (อเจละ) ชื่อ กฬารมัชฌกะ อาศัยอยู่ ณ เมืองเวสาลี ถึงแล้วด้วยลาภและยศเหลือล้น อยู่ในบ้านวัชชีคาม, เพราะนักบวชผู้นั้น สมาทานวัตตบท ๗ ประการ อย่างเต็มที่คือ:-
๑. ข้าพเจ้า จักเป็นคนเปลือยตลอดชีวิต ไม่นุ่งห่มผ้า.
๒. ข้าพเจ้า จักเป็นพรหมจารี ไม่เสพเมถุน จนตลอดชีวิต.
๓. ข้าพเจ้า จักมีชีวิตอยู่ด้วยสุราและเนื้อ ไม่บริโภคข้าวสุกและขนมสดจน
ตลอดชีวิต.
๔. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินอุเทนเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศตะวันออก.
๕. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินโคตมกเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศใต้.
๖. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินสัตตัมพเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศตะวันตก.
๗. ข้าพเจ้า จักไม่ล่วงเกินพหุปุตตกเจดีย์ ในเมืองเวสาลี ทางทิศเหนือ.

ภัคควะ !
ครั้งนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร เข้าไปหาอเจละกฬารมัชฌกะ ถึงที่อยู่ แล้วถามปัญหา, อเจละผู้นั้นถูกถามแล้ว ไม่อาจตอบ ก็แสดงความโกรธ โทสะ และความไม่ยินดีด้วย ให้ปรากฏขึ้น.

ภัคควะ !
ครั้งนั้น สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร มีความคิดว่า .. "เราได้รบกวนพระอรหันตสมณะผู้ดีงามเสียแล้ว อย่าเป็นไปเพื่อความทุกข์ ความไม่เกื้อกูลแก่เรา ตลอดกาลนานเลย" .. ดังนี้แล้ว ได้เข้าไปหาเรา ไหว้แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. เราได้กล่าวกะสุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร ว่า ..

"โมฆบุรุษ !
ท่านเป็นสมณสากยบุตติย์ จักต้องสำนึกตัวไว้" ดังนี้.

"พระองค์ผู้เจริญ !
ทำไมพระองค์จึงได้ตรัสดังนั้นเล่า ?" สุนักขัตตะลิจฉวีบุตร ได้ย้อนถามเรา.

"สุนักขัตตะ !
เธอได้เข้าไปถามปัญหากะอเจละกฬารมัชฌกะ, อเจละกฬารมัชฌกะตอบไม่ได้แล้วแสดงความโกรธ โทสะ และความไม่ยินดีด้วยให้ปรากฏ, เธอยังคิดว่า เราได้รบกวนพระอรหันต์ผู้ดีงามเสียแล้ว ขออย่าเป็นไปเพื่อความทุกข์ไม่เกื้อกูลแก่เรา ตลอดกาลนาน ดังนี้, มิใช่หรือ ?"

"จริงอย่างนั้น, พระองค์ ! แต่ว่าทำไมพระผู้มีพระภาคจึงทรงเกียดกันพระอรหัตตเล่า ? "

"โมฆบุรุษ !
เรามิได้เกียดกันพระอรหันตคุณดอก แต่ว่าทิฏฐิลามกของเธอมีอยู่ เธอจงละมันเสีย จงอย่าเป็นไปเพื่อทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เธอตลอดกาลนาน.

สุนักขัตตะ !
ข้อที่เธอสำคัญว่า กฬารมัชฌกะ เป็นอรหันตสมณะผู้ดีงามนั้นในไม่นานดอก กฬารมัชฌกะจักนุ่งผ้า มีภรรยาตามหลังเที่ยวไป, บริโภคข้าวสุก, และขนมสด ล่วงเกินเจดีย์ ในเมืองเวสาลีทุกๆ แห่ง เสื่อมจากลาภและยศ ทำกาละแล้ว".

ภัคควะ !
ต่อมาไม่นาน (เหตุการณ์เป็นไปดั่งเราพยากรณ์), สุนักขัตตะลิจฉวีบุตร (ทราบเรื่องแล้ว) ได้เข้าไปหาเราถึงที่อยู่ ไหว้แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควร.

ภัคควะ !
เราได้ถามสุนักขัตตะนั้นว่า ข้อใดที่เราพยากรณ์ไว้ ข้อนั้นเป็นดังนั้นหรือเป็นโดยประการอื่น?

"พระองค์ผู้เจริญ !
เป็นดั่งนั้น มิได้เป็นโดยประการอื่น".

"เมื่อเช่นนั้น เป็นอันว่า เราทำอุตตริมนุสสธรรม อิทธิหาฏิหาริย์ หรือ มิได้ทำ ?"

"พระองค์ผู้เจริญ !
เป็นอันว่าทำแล้ว, หาใช่มิได้ทำไม่".

โมฆบุรุษ !
ท่านจงเห็นความผิดของตัวเถิด".

ภัคควะ !
สุนักขัตตะ ลิจฉวีบุตร, เมื่อเรากล่าวอยู่อย่างนี้ ได้หลีกไปแล้ว จากธรรมวินัยของเรา เหมือนสัตว์นรก ผู้หาความเจริญมิได้.
.
.
.
บาลี ปาฏิกสูตร ปา. ที. ๑๑/๙/๕.
ตรัสแก่ปริพพาชกผู้ภัคควโคตร ที่อารามของเขา, ปรารภกันถึงเรื่องสุนักขัตต์ ลิจฉวีบุตร ยกเรื่องหาว่าถ้าพระองค์ไม่แสดงปาฏิหาริย์จะไม่อยู่ประพฤติพรหมจรรย์ด้วย, แต่พระองค์ไม่ทรงทำตามขอ เพราะไม่ได้สัญญากันว่ามาประพฤติพรหมจรรย์เพื่อดูปาฏิหาริย์. แต่ที่แท้ ปาฏิหาริย์ ย่อมมีตามธรรมดาบ่อยๆ.


หมายเหตุ จขบ

ข้อความที่บันทึกนี้แสดงถึง "มิจฉาทิฏฐิมืดบอด" ของคนที่มีมาแต่พุทธกาล ที่แม้แต่พระพุทธองค์เองยังต้องละเสีย ไม่สามารถทำให้ชนเหล่านี้มีดวงตาเห็นธรรมได้ ..

ขณะที่โดยสามัญสำนึกของคนทั่วไปที่ไม่ต้องมีคุณวิเศษใดๆ ยังสามารถแยกแยะได้ไม่ยากว่า .. ผู้ที่ยังกอปรด้วย โทสะเยี่ยงนักบวชเปลือยนั้น จะเป็นอรหันต์ได้อย่างไร ..

เช่นเดียวกับบรรดาอาจารย์หลวงพ่อหลวงพี่ทั่วประเทศที่มีอยู่กลาดเกลื่อน .. ที่ยัง ..
.. สักยันต์ตามร่างกาย
.. เคี้ยวหมาก
.. สูบบุหรี่
.. บ้วนน้ำลายลงพื้น ที่ทางสาธารณะ
.. หัวร่อจนเห็นลิ้นไก่
.. เหลียวมองโน่นนี่ เลิ่กลั่ก
.. เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
.. ไม่ปฏิบัติฝึกฝนจิต
.. เกียจคร้าน นอนกลางวัน
.. ฉันอาหารมากกว่ามื้อเดียว
.. ไม่รวมอาหารลงในบาตรเป็นเนื้อเดียวก่อนฉัน
ฯลฯ

พูดรวมๆได้ว่า "บรรดาพระบ้าน" ทั้งหลายล้วนเป็นเพียง บุรุษโล้นห่มเหลืองเท่านั้น .. และเป็นไปไม่ได้ที่จะได้คุณวิเศษใดๆ จากการนั่ง .. นอน .. ยืนหายใจไปวันๆ

มีไว้สำหรับพิธีกรรมไร้สาระได้เพียงอย่างเดียว เท่านั้น !




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2555
0 comments
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 8:15:53 น.
Counter : 1156 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.