Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 
6 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การมาเฝ้าของจาตุมมหาราช

.






ภิกษุ ท.!
เมื่อคืนนี้ มหาราช ทั้งสี่ พร้อมทั้งเสนายักษ์ เสนาคนธรรพ์ เสนากุมภัณฑ์ และเสนานาค หมู่ใหญ่ ๆ ตั้งการรักษา การคุ้มครอง แวดล้อมไว้ทั้งสี่ทิศแล้ว, มีวรรณะรุ่งเรืองยิ่ง ส่องเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง ได้เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ในเมื่อราตรีล่วงไปเป็นอันมาก (ดึก) ครั้นเข้ามาหาแล้วไหว้และนั่งอยู่ ณ ที่ควร.

(ท้าวมหาราช ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค จะเป็นสัตว์ชนิดใด ควรวินิจฉัยดูจากเรื่องนี้บ้าง.)

ภิกษุ ท. !
ยักษ์ (คือเสนา) เหล่านั้น ..
- บางพวกไหว้เรา,
- บางพวกปราศรัยด้วยคำน่าบันเทิงใจ จับใจ,
- บางพวกน้อมอัญชลีมาทางเรา,
- บางพวกร้องขานชื่อและโคตรของตน,
- บางพวกเฉย ๆ, แล้วนั่งในที่ควรส่วนข้างหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น.

ภิกษุ ท. !
มหาราชชื่อเวสสวัณ ผู้นั่งแล้วในที่ควร ได้กล่าวคำนี้กะเราว่า :-

"ข้าแต่พระองค์ !
- ยักษ์ชั้นสูง ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี, ที่เลื่อมใสก็มี,
- ยักษ์ชั้นกลางที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี,
- ยักษ์ชั้นต่ำ ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี,
แต่ว่ายักษ์ส่วนมาก ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคดอก,

พระองค์ผู้เจริญ !
เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่า ..
พระผู้มีพระภาค ย่อมแสดงธรรมเพื่อ ..งดเว้นจาก ..
- ปาณาติบาต,
- จากอทินนาทาน,
- จากกาเมสุมิจฉาจาร,
- จากมุสาวาท,
- จากการดื่มสุรา เมรัย;
แต่ยักษ์ส่วนมาก ไม่งดเว้นจากปาณาติบาตเสียเลย, ไม่งดเว้นจากอทินนาทาน, กาเมสุมิจฉาจาร, มุสาวาทและการดื่มสุราเมรัย. ธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่เป็นที่รัก ที่พอใจแก่ยักษ์ทั้งหลายเหล่านั้น.

"ข้าแต่พระองค์ !
เหล่าสาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้เสพเสนาสนะป่าอัน ..
- สงัดในราวป่า
- อันน้อยเสียง ไม่กึกก้อง
- ปราศจากเสียงคน
- เป็นที่เหมาะแก่การลับของมนุษย์สมควรแก่การหลีกเร้น,
ในที่นั้นมียักษ์ชั้นสูงอาศัยอยู่.

พวกใดไม่เลื่อมใสในธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พวกนั้นเลื่อมใส, ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับ อาฏานาฏิยรักขมนต์ เพื่อการคุ้มครองรักษา การไม่ถูกเบียดเบียน การอยู่เป็นผาสุก แก่ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก และอุบาสิกา ทั้งหลายเถิด".

ภิกษุ ท. !
เรารับการขอร้องของท้าวมหาราชด้วยการนิ่ง. ลำดับนั้นท้าวมหาราช ชื่อเวสสวัณ รู้ความยอมรับของเรา จึงกล่าว อาฏานาฏิยรักขมนต์ขึ้นในขณะนั้น (เป็นกาพย์) ว่า:-

"ขอ นอบ น้อม แด่พระวิปัสสีพุทธะ ผู้มีจักขุ มีสิริ.
ขอนอบน้อมแด่พระสิขีพุทธะ ผู้มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง.
ขอนอบน้อมแด่พระเวสสภูพุทธะ ผู้มีตบะ ผู้สิ้นบาปแล้ว.
ขอนอบน้อมแด่พระกกุสันธพุทธะ ผู้ย่ำ ยีมารและเสนา ได้.
ขอนอบน้อมแด่พระโกนาคมนพุทธะ ผู้ประเสริฐจบพรหมจรรย์.
ขอนอบน้อมแด่พระกัสสปพุทธะ ผู้พ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง.
ขอนอบน้อมแด่พระอังคีรสพุทธะ ๑ ผู้เป็นสากยบุตร มีสิริ, ผู้แสดงธรรมอันเป็นเครื่องบรรเทาทุกข์ทั้งปวง นี้. ฯลฯ ."

ในที่สุดท้าวมหาราชกล่าวแก่เราว่า ..
"พวกข้าพระองค์ ท. จะลาไปบัดนี้ พวกข้าพระองค์มีกิจมาก มีธุระมาก" ดังนี้.

เราตอบว่า ..
พวกท่านทั้งหลายย่อมรู้จักเวลาของกิจใด ๆ ดีแล้ว ดังนี้.

ภิกษุ ท. !
ลำดับนั้น มหาราชทั้งสี่ ลุกจากที่นั่ง อภิวาทเรา ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้น. ยักษ์เหล่านั้น ครั้นลุกจากที่นั่งแล้ว บางพวกอภิวาท ทำประทักษิณ, บางพวกกล่าวถ้อยคำบันเทิงใจจับใจ, บางพวกทำอัญชลี, บางพวกร้องขานชื่อและโคตร, บางพวกเฉย ๆ, แล้วหายไปในที่นั้น.
.
.
.
บาลี ปา.ที.๑๑/๒๑๙/๒๑๙
ตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลายในวันรุ่งขึ้นที่ภูเขาคิชฌกูฏใกล้นครราชคฤห์.




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555
0 comments
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 5:45:07 น.
Counter : 1255 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.