พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การมาเฝ้าของจาตุมมหาราช
.
ภิกษุ ท.! เมื่อคืนนี้ มหาราช ทั้งสี่ พร้อมทั้งเสนายักษ์ เสนาคนธรรพ์ เสนากุมภัณฑ์ และเสนานาค หมู่ใหญ่ ๆ ตั้งการรักษา การคุ้มครอง แวดล้อมไว้ทั้งสี่ทิศแล้ว, มีวรรณะรุ่งเรืองยิ่ง ส่องเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง ได้เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ในเมื่อราตรีล่วงไปเป็นอันมาก (ดึก) ครั้นเข้ามาหาแล้วไหว้และนั่งอยู่ ณ ที่ควร.
(ท้าวมหาราช ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ นาค จะเป็นสัตว์ชนิดใด ควรวินิจฉัยดูจากเรื่องนี้บ้าง.)
ภิกษุ ท. ! ยักษ์ (คือเสนา) เหล่านั้น .. - บางพวกไหว้เรา, - บางพวกปราศรัยด้วยคำน่าบันเทิงใจ จับใจ, - บางพวกน้อมอัญชลีมาทางเรา, - บางพวกร้องขานชื่อและโคตรของตน, - บางพวกเฉย ๆ, แล้วนั่งในที่ควรส่วนข้างหนึ่งด้วยกันทั้งนั้น.
ภิกษุ ท. ! มหาราชชื่อเวสสวัณ ผู้นั่งแล้วในที่ควร ได้กล่าวคำนี้กะเราว่า :-
"ข้าแต่พระองค์ ! - ยักษ์ชั้นสูง ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี, ที่เลื่อมใสก็มี, - ยักษ์ชั้นกลางที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี, - ยักษ์ชั้นต่ำ ที่ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคก็มี ที่เลื่อมใสก็มี, แต่ว่ายักษ์ส่วนมาก ไม่เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคดอก,
พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุไรเล่า ? เพราะเหตุว่า .. พระผู้มีพระภาค ย่อมแสดงธรรมเพื่อ ..งดเว้นจาก .. - ปาณาติบาต, - จากอทินนาทาน, - จากกาเมสุมิจฉาจาร, - จากมุสาวาท, - จากการดื่มสุรา เมรัย; แต่ยักษ์ส่วนมาก ไม่งดเว้นจากปาณาติบาตเสียเลย, ไม่งดเว้นจากอทินนาทาน, กาเมสุมิจฉาจาร, มุสาวาทและการดื่มสุราเมรัย. ธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่เป็นที่รัก ที่พอใจแก่ยักษ์ทั้งหลายเหล่านั้น.
"ข้าแต่พระองค์ ! เหล่าสาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้เสพเสนาสนะป่าอัน .. - สงัดในราวป่า - อันน้อยเสียง ไม่กึกก้อง - ปราศจากเสียงคน - เป็นที่เหมาะแก่การลับของมนุษย์สมควรแก่การหลีกเร้น, ในที่นั้นมียักษ์ชั้นสูงอาศัยอยู่.
พวกใดไม่เลื่อมใสในธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พวกนั้นเลื่อมใส, ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงรับ อาฏานาฏิยรักขมนต์ เพื่อการคุ้มครองรักษา การไม่ถูกเบียดเบียน การอยู่เป็นผาสุก แก่ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก และอุบาสิกา ทั้งหลายเถิด".
ภิกษุ ท. ! เรารับการขอร้องของท้าวมหาราชด้วยการนิ่ง. ลำดับนั้นท้าวมหาราช ชื่อเวสสวัณ รู้ความยอมรับของเรา จึงกล่าว อาฏานาฏิยรักขมนต์ขึ้นในขณะนั้น (เป็นกาพย์) ว่า:-
"ขอ นอบ น้อม แด่พระวิปัสสีพุทธะ ผู้มีจักขุ มีสิริ. ขอนอบน้อมแด่พระสิขีพุทธะ ผู้มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง. ขอนอบน้อมแด่พระเวสสภูพุทธะ ผู้มีตบะ ผู้สิ้นบาปแล้ว. ขอนอบน้อมแด่พระกกุสันธพุทธะ ผู้ย่ำ ยีมารและเสนา ได้. ขอนอบน้อมแด่พระโกนาคมนพุทธะ ผู้ประเสริฐจบพรหมจรรย์. ขอนอบน้อมแด่พระกัสสปพุทธะ ผู้พ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง. ขอนอบน้อมแด่พระอังคีรสพุทธะ ๑ ผู้เป็นสากยบุตร มีสิริ, ผู้แสดงธรรมอันเป็นเครื่องบรรเทาทุกข์ทั้งปวง นี้. ฯลฯ ."
ในที่สุดท้าวมหาราชกล่าวแก่เราว่า .. "พวกข้าพระองค์ ท. จะลาไปบัดนี้ พวกข้าพระองค์มีกิจมาก มีธุระมาก" ดังนี้.
เราตอบว่า .. พวกท่านทั้งหลายย่อมรู้จักเวลาของกิจใด ๆ ดีแล้ว ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! ลำดับนั้น มหาราชทั้งสี่ ลุกจากที่นั่ง อภิวาทเรา ทำประทักษิณแล้ว หายไปในที่นั้น. ยักษ์เหล่านั้น ครั้นลุกจากที่นั่งแล้ว บางพวกอภิวาท ทำประทักษิณ, บางพวกกล่าวถ้อยคำบันเทิงใจจับใจ, บางพวกทำอัญชลี, บางพวกร้องขานชื่อและโคตร, บางพวกเฉย ๆ, แล้วหายไปในที่นั้น. . . . บาลี ปา.ที.๑๑/๒๑๙/๒๑๙ ตรัสเล่าแก่ภิกษุทั้งหลายในวันรุ่งขึ้นที่ภูเขาคิชฌกูฏใกล้นครราชคฤห์.
Create Date : 06 ธันวาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 5:45:07 น. |
Counter : 1255 Pageviews. |
|
|
|