พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การโปรดปัญจวัคคีย์ หรือ การแสดงปฐมเทศนา
.
ราชกุมาร ! ลำดับนั้น เราจาริกไปโดยลำดับ ไปสู่เมืองพาราณสีถึงที่อยู่แห่งภิกษุปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน แล้ว. ภิกษุปัญจวัคคีย์เห็นเรามาแต่ไกล ได้ตั้งกติกาแก่กันและกันว่า ..
"ผู้มีอายุ ! พระสมณโคดมนี้กำลังมาอยู่, เธอเป็นผู้มักมาก สลัดความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนต่ำเสียแล้ว เช่นนั้นเราอย่าไหว้, อย่าลุกรับ, อย่าพึงรับบาตร จีวรของเธอเป็นอันขาด แต่จักตั้งอาสนะไว้ ถ้าเธอปรารถนา จักนั่งได้" ดังนี้.
ราชกุมาร ! เราเข้าไปใกล้ภิกษุปัญจวัคคีย์ด้วยอาการอย่างใด, เธอไม่อาจถือตามกติกาของตนได้ด้วยอาการอย่างนั้น, บางพวกลุกรับและรับบาตรจีวรแล้ว, บางพวกปูอาสนะแล้ว, บางพวกตั้งน้ำล้างเท้าแล้ว แต่เธอร้องเรียกเราโดยชื่อ (ว่าโคดม) ด้วย และโดยคำว่า ท่านผู้มีอายุ ด้วย. ครั้นเธอกล่าวอย่างนั้น เราได้กล่าวคำนี้กะภิกษุปัญจวัคคีย์นั้นว่า ..
"ภิกษุ ท. ! เธออย่างเรียกร้องเราโดยชื่อและโดยคำว่า "ผู้มีอายุ !"
ภิกษุ ท. ! เราเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ท่านจงเงี่ยโสตลง เราจักสอนอมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว, เราจักแสดงธรรม, เมื่อท่านปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน, ในไม่นานเทียวจักกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยม อันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของกุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ" ดังนี้
ราชกุมาร ! ครั้นเรากล่าวดังนี้แล้ว, ภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวคำนี้กะเราว่า ..
"ผู้มีอายุ โคดม ! แม้ด้วยทุกรกิริยา ปฏิปทาอันประเสริฐนั้น ท่านยังไม่อาจบรรลุอุตตริมนุสสธัมม์อลมริยญาณทัสสนวิเศษได้เลย ก็ในบัดนี้ ท่านเป็นคนมักมาก สลัดความเพียรเวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมากแล้ว ทำไมจะบรรลุอุตตริมนุสสธัมม์ อลมริยญาณทัสสนวิเศษได้เล่า ?"
"ภิกษุ ท. ! ตถาคตไม่ได้เป็นคนมักมาก สลัดความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมากดอก,
ภิกษุ ท. ! ตถาคตเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบด้วยเอง.
ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงเงี่ยโสตลง เราจะสอนอมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว เราจักแสดงธรรม. เมื่อเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน,ในไม่นานเทียว, จักกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยมอันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ". ดังนี้
ราชกุมาร ! ภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้กล่าวคำนี้ กะเราอีก แม้ครั้งที่สอง (อย่างเดียวกับครั้งแรก)
ราชกุมาร ! เราก็ได้กล่าวคำนี้กะภิกษุปัญจวัคคีย์แม้ครั้งที่สาม (ว่าอย่างเดียวกับครั้งแรก).
ราชกุมาร ! ภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้กล่าวคำนี้ กะเราอีก แม้ครั้งที่สาม (อย่างเดียวกับครั้งแรก)
ราชกุมาร ! ครั้นภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวอย่างนี้แล้ว, เราได้กล่าวคำนี้กะพวกเธอว่า ..
"ภิกษุ ท. ! เธอจำได้หรือ ? คำอย่างนี้นี่เราได้เคยกล่าวกะเธอ ท. ในกาลก่อนแต่นี้บ้างหรือ ? เธอตอบว่า ..
"หาไม่ท่านผู้เจริญ !"
เรากล่าวอีกว่า ภิกษุ ท. ! คถาคตเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง. พวกเธอจงเงี่ยโสตลงราจะสอน อมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว, เราจักแสดงธรรม, เมื่อเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน, ในไม่นานเทียว จักกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยมอันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ"ดังนี้.
ราชกุมาร ! เราได้สามารถ เพื่อให้ ภิกษุปัญจวัคคีย์ เชื่อแล้วแล.
ราชกุมาร ! เรากล่าวสอนภิกษุ ๒ รูปอยู่. ภิกษุ ๓ รูปเที่ยวบิณฑบาต เราหกคนด้วยกันเลี้ยงชีวิตให้เป็นไป ด้วยอาหารที่ภิกษุ ๓ รูปนำมา.
บางคราวเรากล่าวสอนภิกษุ ๓ รูปอยู่ ภิกษุ ๒ รูป เที่ยวบิณฑบาต เราหกคนเลี้ยงชีวิตให้เป็นไปด้วยอาหารที่ภิกษุ ๒ รูปนำมา.
ในที่นี้ ได้แก่การตรัสธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และเบ็ดเตล็ด และอนัตตลักขณสูตรเป็นครั้งสุดท้าย, แต่สำหรับคำตรัสเล่า ไม่มีที่ระบุชื่อชัด จึงไม่นำมาใส่ไว้ในที่นี้. ทั้งทราบกันได้ดีอยู่แล้ว ในบาลีแห่งอื่น ๆ ก็มีเพียงทรงเล่าว่าได้แสดงอริยสัจจ์, ดังได้ยกมาเรียงต่อท้ายบทนี้ไว้เป็นตัวอย่างแล้ว.
ราชกุมาร ! ครั้งนั้น, เมื่อเรากล่าวสอน พร่ำสอนภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ด้วยอาการอย่างนี้เธอกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยม อันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ ได้แล้ว.ฯ
ข้อความในบาลี ปาสราสิสูตร มู.ม. ๑๒/๓๓๒/๓๒๖, มีแปลกออกไปบ้างเล็กน้อยในตอนนี้ ดังนี้ :-
ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้น เมื่อเรากล่าวสอน พร่ำสอนภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ด้วย๑อาการอย่างนี้ เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีการเกิดเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตนก็รู้แจ้งแล้ว ซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีการเกิดเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่มีการเกิด, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีการเกิด.
เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความชราเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่มีความชรา, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีความชราไเธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา.
เธอแสวงหาอยู่ซี่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเป็นธรรมไม่มีความเจ็บไข้, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีความเจ็บไข้.
เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความตายเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความตายเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่ตาย, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่ตาย.
เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทราม ในความเป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเป็น ธรรมที่ไม่มีความเศร้าหมอง, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่เศร้าหมอง. ญาณ และ ทัสสนะ ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เธอเหล่านั้นว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กลับกำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ไม่มีอีกต่อไป ดังนี้. . . . บาลี ม.ม. ๑๓/๔๖๗/๕๑๔. ตรัสแก่โพธิราชกุมาร.
Create Date : 17 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 14:49:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1225 Pageviews. |
|
|
|
|
|