Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 
17 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การโปรดปัญจวัคคีย์ หรือ การแสดงปฐมเทศนา

.



ราชกุมาร !
ลำดับนั้น เราจาริกไปโดยลำดับ ไปสู่เมืองพาราณสีถึงที่อยู่แห่งภิกษุปัญจวัคคีย์ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน แล้ว. ภิกษุปัญจวัคคีย์เห็นเรามาแต่ไกล ได้ตั้งกติกาแก่กันและกันว่า ..

"ผู้มีอายุ !
พระสมณโคดมนี้กำลังมาอยู่, เธอเป็นผู้มักมาก สลัดความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนต่ำเสียแล้ว เช่นนั้นเราอย่าไหว้, อย่าลุกรับ, อย่าพึงรับบาตร จีวรของเธอเป็นอันขาด แต่จักตั้งอาสนะไว้ ถ้าเธอปรารถนา จักนั่งได้" ดังนี้.

ราชกุมาร !
เราเข้าไปใกล้ภิกษุปัญจวัคคีย์ด้วยอาการอย่างใด, เธอไม่อาจถือตามกติกาของตนได้ด้วยอาการอย่างนั้น, บางพวกลุกรับและรับบาตรจีวรแล้ว, บางพวกปูอาสนะแล้ว, บางพวกตั้งน้ำล้างเท้าแล้ว แต่เธอร้องเรียกเราโดยชื่อ (ว่าโคดม) ด้วย และโดยคำว่า ท่านผู้มีอายุ ด้วย. ครั้นเธอกล่าวอย่างนั้น เราได้กล่าวคำนี้กะภิกษุปัญจวัคคีย์นั้นว่า ..

"ภิกษุ ท. !
เธออย่างเรียกร้องเราโดยชื่อและโดยคำว่า "ผู้มีอายุ !"

ภิกษุ ท. !
เราเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า, ท่านจงเงี่ยโสตลง เราจักสอนอมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว, เราจักแสดงธรรม, เมื่อท่านปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน, ในไม่นานเทียวจักกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยม อันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของกุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ" ดังนี้

ราชกุมาร !
ครั้นเรากล่าวดังนี้แล้ว, ภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวคำนี้กะเราว่า ..

"ผู้มีอายุ โคดม !
แม้ด้วยทุกรกิริยา ปฏิปทาอันประเสริฐนั้น ท่านยังไม่อาจบรรลุอุตตริมนุสสธัมม์อลมริยญาณทัสสนวิเศษได้เลย ก็ในบัดนี้ ท่านเป็นคนมักมาก สลัดความเพียรเวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมากแล้ว ทำไมจะบรรลุอุตตริมนุสสธัมม์ อลมริยญาณทัสสนวิเศษได้เล่า ?"

"ภิกษุ ท. !
ตถาคตไม่ได้เป็นคนมักมาก สลัดความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นคนมักมากดอก,

ภิกษุ ท. !
ตถาคตเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ชอบด้วยเอง.

ภิกษุ ท. !
พวกเธอจงเงี่ยโสตลง เราจะสอนอมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว เราจักแสดงธรรม. เมื่อเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน,ในไม่นานเทียว, จักกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยมอันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ". ดังนี้

ราชกุมาร !
ภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้กล่าวคำนี้ กะเราอีก แม้ครั้งที่สอง (อย่างเดียวกับครั้งแรก)

ราชกุมาร !
เราก็ได้กล่าวคำนี้กะภิกษุปัญจวัคคีย์แม้ครั้งที่สาม (ว่าอย่างเดียวกับครั้งแรก).

ราชกุมาร !
ภิกษุปัญจวัคคีย์ ได้กล่าวคำนี้ กะเราอีก แม้ครั้งที่สาม (อย่างเดียวกับครั้งแรก)

ราชกุมาร !
ครั้นภิกษุปัญจวัคคีย์กล่าวอย่างนี้แล้ว, เราได้กล่าวคำนี้กะพวกเธอว่า ..

"ภิกษุ ท. !
เธอจำได้หรือ ? คำอย่างนี้นี่เราได้เคยกล่าวกะเธอ ท. ในกาลก่อนแต่นี้บ้างหรือ ? เธอตอบว่า ..

"หาไม่ท่านผู้เจริญ !"

เรากล่าวอีกว่า
ภิกษุ ท. ! คถาคตเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง. พวกเธอจงเงี่ยโสตลงราจะสอน อมตธรรมที่เราได้บรรลุแล้ว, เราจักแสดงธรรม, เมื่อเธอปฏิบัติอยู่ตามที่เราสอน, ในไม่นานเทียว จักกระทำให้แจ้ง ซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยมอันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่, อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ"ดังนี้.

ราชกุมาร !
เราได้สามารถ เพื่อให้ ภิกษุปัญจวัคคีย์ เชื่อแล้วแล.

ราชกุมาร !
เรากล่าวสอนภิกษุ ๒ รูปอยู่. ภิกษุ ๓ รูปเที่ยวบิณฑบาต เราหกคนด้วยกันเลี้ยงชีวิตให้เป็นไป ด้วยอาหารที่ภิกษุ ๓ รูปนำมา.

บางคราวเรากล่าวสอนภิกษุ ๓ รูปอยู่ ภิกษุ ๒ รูป เที่ยวบิณฑบาต เราหกคนเลี้ยงชีวิตให้เป็นไปด้วยอาหารที่ภิกษุ ๒ รูปนำมา.


ในที่นี้ ได้แก่การตรัสธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และเบ็ดเตล็ด และอนัตตลักขณสูตรเป็นครั้งสุดท้าย, แต่สำหรับคำตรัสเล่า ไม่มีที่ระบุชื่อชัด จึงไม่นำมาใส่ไว้ในที่นี้. ทั้งทราบกันได้ดีอยู่แล้ว ในบาลีแห่งอื่น ๆ ก็มีเพียงทรงเล่าว่าได้แสดงอริยสัจจ์, ดังได้ยกมาเรียงต่อท้ายบทนี้ไว้เป็นตัวอย่างแล้ว.


ราชกุมาร !
ครั้งนั้น, เมื่อเรากล่าวสอน พร่ำสอนภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ด้วยอาการอย่างนี้เธอกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันยอดเยี่ยม อันเป็นยอดแห่งพรหมจรรย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่อันเป็นประโยชน์ที่ปรารถนาของเหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวช เป็นผู้ไม่มีเรือนโดยชอบ ได้แล้ว.ฯ


ข้อความในบาลี ปาสราสิสูตร มู.ม. ๑๒/๓๓๒/๓๒๖,
มีแปลกออกไปบ้างเล็กน้อยในตอนนี้ ดังนี้ :-



ภิกษุ ท. !
ครั้งนั้น เมื่อเรากล่าวสอน พร่ำสอนภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ด้วย๑อาการอย่างนี้ เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีการเกิดเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตนก็รู้แจ้งแล้ว ซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีการเกิดเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่มีการเกิด, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีการเกิด.

เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความแก่เป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความชราเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่มีความชรา, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีความชราไเธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา.

เธอแสวงหาอยู่ซี่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเป็นธรรมไม่มีความเจ็บไข้, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่มีความเจ็บไข้.

เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความตายเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทรามในความเป็นผู้มีความตายเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมที่ไม่ตาย, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่ตาย.

เธอนั้น ทั้งที่เป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดาอยู่ด้วยตน ก็รู้แจ้งชัดแล้วซึ่งโทษอันต่ำทราม ในความเป็นผู้มีความเศร้าหมองเป็นธรรมดา. เธอแสวงหาอยู่ซึ่งนิพพานอันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัดไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าเป็น ธรรมที่ไม่มีความเศร้าหมอง, ก็ได้เข้าถึงแล้วซึ่งนิพพาน อันเป็นธรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องผูกรัด ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า เป็นธรรมไม่เศร้าหมอง. ญาณ และ ทัสสนะ ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เธอเหล่านั้นว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กลับกำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ไม่มีอีกต่อไป ดังนี้.
.
.
.
บาลี ม.ม. ๑๓/๔๖๗/๕๑๔.
ตรัสแก่โพธิราชกุมาร.




Create Date : 17 สิงหาคม 2555
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 14:49:42 น. 0 comments
Counter : 1225 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.