Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
29 กรกฏาคม 2563
 
All Blogs
 
แม่กำปอง เชียงใหม่ --- วัดพันเตา วัดอินทขีลสะดือเมือง วัดล่ามช้าง วัดเชียงมั่น

แม่กำปอง - เชียงใหม่

23 - 27 มกราคม พ.ศ. 2563

ตอนที่ 8 ต่อเลยนะคะ 10.57 น. วัดพันเตา อยู่ใกล้กับวัดเจดีย์หลวงเลย

เสียดายวันที่เราไปพระวิหารหอคำหลวง ปิดบูรณะ











เดินผ่านหอพญามังราย





พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์





11 โมงกว่า หาอะไรกินก่อนเดินต่อ....ร้านนี้ค่ะ ลิ้มเหล่าโหงว



อร่อยดีค่ะ ลูกชิ้นปลาไม่คาว



อิ่มท้องแล้ว ต่อเลยค่ะ ใกล้ ๆ กันหมด เดินสบาย ๆ ท่ามกลางแดดร้อน 555 



ศาลหลักเมืองเดิม



12.06 น. วัดอินทขีลสะดือเมือง



วัดอินทขีลสะดือเมือง หรือ วัดสะดือเมือง เป็นวัดโบราณที่ตั้งอยู่ใกล้กับหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ (ศาลากลางหลังเก่า) และ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพญามังราย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของเสาอินทขิล (เสาหลักเมืองเชียงใหม่) ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเหนือ กล่าวถึงพระอินทร์ได้ประทานเสาอินทขิลให้แก่ชาวลัวะเพื่อบูชา เมื่อครั้งก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่



ตามตำนานพื้นเมืองเหนือ กล่าวถึงการบูชาเสาอินทขิลไว้ว่า พระอินทร์ได้ประทานให้ลัวะในสมัยการสร้างเวียงนพบุรี โดยเศรษฐีลัวะ 9 ตระกูล พระฤาษีให้กุมภัณฑ์ 2 ตน เอาเสาอินทขิลใส่สาแหรกหามนำไปประดิษฐานไว้ ณ แท่นกลางเมืองนพบุรี ให้ชาวเมืองของลัวะสักการะบูชา ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองร้าง
กระทั่งพญามังราย ได้สุบินนิมิตรไล่ตามกวางเผือก จนมาพบชัยภูมิที่ดี จึงมีดำริจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ พ.ศ.1835

ก่อนสร้างเมืองเชียงใหม่ พญามังรายได้มาสำรวจพื้นที่บริเวณเมืองนพบุรีร้าง ได้พบซากเสาอินทขิลและรูปกุมภัณฑ์ ณ ที่กลางเมืองนั้น จึงมีบัญชา ให้เสนาชื่อ สรีกรชัย แต่งเครื่องบรรณาการไปหาพญาลัวะบนดอยสุเทพ พญาลัวะจึงแนะนำว่า หากเจ้าพญามังรายจะสร้างเมืองขึ้นใหม่ ให้อยู่เย็นเป็นสุขก็ให้บูชากุมภัณฑ์และเสาอินทขิล เมื่อพญามังรายสร้างเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่แล้ว จึงโปรดให้ยกรูปกุมภัณฑ์และเสาอินทขิล ที่ประดิษฐานในบริเวณสะดือเมืองขึ้นมา เพื่อให้คนสักการะกราบไหว้ตามคำแนะนำของพญาลัวะ



ต่อมาจึงได้สร้างวัดขึ้นชื่อว่า วัดอินทขีล แต่เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่บริเวณสะดือเมือง ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดสะดือเมือง ในตลอดรัชสมัยของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย วัดสะดือเมืองได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นโดยลำดับ ก่อนที่จะเป็นวัดร้างภายหลังล้านนาถูกพม่าเข้าปกครอง จนถึงปี 2343 พระเจ้ากาวิละ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์แรก ได้ขับไล่พม่าออกจากดินแดนล้านนาและได้ฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ขึ้น ได้ย้ายเสาอินทขิลจากวัดอินทขีลมาประดิษฐานอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวง พร้อมกับบูรณะฟื้นฟูวัดอินทขีล โดยได้สร้างวิหารคร่อมฐานเดิม อัญเชิญพระอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) มาประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหาร



เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ด้านหลังวิหารพระเจ้าอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) เป็นเจดีย์ ทรงกลมฐานสี่เหลี่ยม มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 แต่เจดีย์องค์ในที่ถูกห่อหุ้มเป็นเจดีย์แบบสี่เหลี่ยม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากหริภุญชัยคือ เจดีย์เชียงยันในวัดพระธาตุหริภุญชัย





วิหารพระเจ้าอุ่นเมือง (หลวงพ่อขาว) ตามตำนานเชื่อว่า วัดอินทขีลเป็นสถานที่พญามังรายต้องอัสนีบาตจนสิ้นพระชนม์ สำหรับวิหารของพระเจ้าอุ่นเมืองนั้น คงสร้างขึ้นคร่อมฐานเดิมพร้อม ๆ กับการสร้างเจดีย์องค์นอก ที่ห่อหุ้มองค์ในประมาณ พ.ศ. 2380 สมัยของพระเจ้ากาวิละ ลักษณะเป็นวิหารโถง ผังเดิมเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยมีหลวงพ่อขาวประดิษฐาน เป็นพระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก





อาคารศาลแขวงเมืองเชียงใหม่



โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย



ร้านช้างม่อยกาแฟ (ไม่ได้แวะค่ะ)





วัดล่ามช้าง


 
เมื่อ พ.ศ.1835 – 1839 พญามังรายมหาราช กษัตริย์แคว้นล้านนา ได้มาสร้างเมืองเชียงใหม่ ทรงประทับอยู่ ณ เวียงเล็กหรือเวียงเชียงมั่น (วัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) เพื่อเตรียมอุปกรณ์การสร้างเมือง

พญามังรายได้ทรงเชิญพญาร่วง หรือ ขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แคว้นสุโขทัย และ พญางำ-เมือง กษัตริย์แคว้นพะเยา หรือ ภูกามยาม มาร่วมปรึกษาสร้างเมืองด้วย สร้างเสร็จแล้วได้ขนานนามเมืองว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"

ด้านทิศตะวันออกของเวียงเล็ก เป็นป่าไม้มีหนองน้ำใหญ่ ช้างราชพาหนะของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์และของข้าราชบริพาร คงเลี้ยงและล่ามไว้บริเวณนี้ เรียกว่า "เวียงเชียงช้าง" ต่อมาได้สร้างวัดขึ้นที่เวียงเชียงช้าง ณ ที่เลี้ยงและล่ามช้างเพื่อให้เป็นอนุสรณ์สถาน ขนานนามว่า "วัดล่ามช้าง" และปั้นรูปช้างถูกล่ามเลี้ยงไว้เป็นสัญลักษณ์ของวัด

 


ซากเจดีย์โบราณ



มีสภาพชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ลักษณะเป็นเจดีย์สัณฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มจระนำประดับอยู่ทั้งสี่ด้าน
แต่เนื่องจากสวนยอดพังหายไปหมดแล้ว จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเจดีย์ลักษณะใด




เจดีย์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมย่อเก็จ ที่ฐานมีรูปปั้นช้างประดับอยู่ทั้งสี่ทิศ บริเวณฐานทรงกลมรองรับองค์ระฆังมีปูนปั้นเทพพนมประดับอยู่อย่างสวยงาม ถัดไปเป็นองค์ระฆังประดับด้วยกระจกสีสวยงามจนถึงส่วนปลียอด ฐานประดับด้วยลวดลายกลีบบัว ยอดเจดีย์ยกฉัตรสีทอง





12.33 น. วัดเชียงมั่นค่ะ


 
วัดเชียงมั่น วัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่และถือเป็นวัดแห่งแรกในเขตกำแพงเมือง เมื่อพญามังราย สร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1839 พระองค์ทรงยกพระตําหนักที่ประทับชื่อ ตําหนักเชียงมั่นถวายเป็นพระอารามใหม่ชื่อว่า วัดเชียงมั่น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสําคัญของเชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว  ในสมัยพญามังราย วัดเชียงมั่น ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย  วัดเชียงมั่นมีสถาปัตยกรรมสําคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช้างล้อม พระอุโบสถและหอไตร
 

 


















ภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนสีทองบนพื้นแดงในวิหารหลวง บอกเล่าเรื่องราวการสร้างเมืองและวัดของพญามังราย ทั้งเวียงกุมกาม และเมืองเชียงใหม่





บนประตูมีลายคำซุ้มพระเสตังคมณี และพระศิลา





วิหารจตุรมุข



















เจดีย์ช้างล้อม













พักสายตา...ดอกชงโค





หอไตร







  ความเดิม  

ตอนที่ 1 พักที่สำราญชน แม่กำปอง
ตอนที่ 2 เที่ยวในแม่กำปอง
ตอนที่ 3 น้ำพุร้อนสันกำแพง
ตอนที่ 4 ห้วยตึงเฒ่า อ.แม่ริม
ตอนที่ 5 อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย, วัดผาลาด, วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ตอนที่ 6 เฮือนม่วนใจ๋, วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
ตอนที่ 7 วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร



Create Date : 29 กรกฎาคม 2563
Last Update : 29 กรกฎาคม 2563 19:50:41 น. 0 comments
Counter : 2194 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณปรศุราม, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณชีริว, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณtuk-tuk@korat, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณmcayenne94, คุณALDI, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณตะลีกีปัส, คุณทนายอ้วน, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณSleepless Sea, คุณNior Heavens Five, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณRananrin, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเริงฤดีนะ, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณlife for eat and travel


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 167 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.