คนละฟากฟ้า - บทที่ 53
แล้วในที่สุดคืนนั้นพราวพรายก็ต้องนั่งรถกลับบ้านกับนิค เพราะเมื่ออมราเตรียมตัวจะขับรถไปส่งเธอ นิคซึ่งรอจังหวะอยู่แล้วก็รีบบอกอมราว่า “เดี๋ยวผมแวะไปส่งคุณพราวพรายเอง ทางผ่านของผมพอดี แพตตี้จะได้ไม่ต้องเอารถออก”

จันทนาซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆนิครีบพูดขึ้นมาว่า “ความจริงยังไม่ดึกเท่าไรเลย เพิ่งสี่ทุ่มเอง เราน่าจะไปต่อกันที่วิมานทองนะ”

“เออ จริงสิ” อมราชักเห็นด้วยเพราะเธอชอบเต้นรำ “ไปไหม พี่เดช นิคด้วย ไปเต้นรำกันสักพักก็ดีเหมือนกันนะ เมื่อคืนเต้นน้อยไปหน่อย ไปด้วยกันนะพราว”

พราวพรายทำหน้าเฉยเมื่อบอกเพื่อนว่า “ไปกันเถอะ เราขอตัวกลับบ้านดีกว่า ง่วงนอน เมื่อเช้าพี่ณพไปปลุกตั้งแต่ตีสี่กว่าๆ พอพวกเขาออกไปกันหมดแล้ว เราไม่ได้นอนต่อ ตอนนี้เลยไม่ไหว”

“ผมก็ต้องขอตัวเหมือนกัน” นิคบอกเรียบๆ

“อ้าว” จันทนาร้องอย่างผิดหวัง “เหลือไม่กี่คนจะสนุกได้ยังไง พราวน่ะพอเข้าใจละว่าเมื่อเช้าต้องตื่นมารับแขกคนสำคัญตั้งแต่ตีสี่ นอนน้อยไปหน่อยคงจะง่วง แล้วนิคล่ะคะ หรือง่วงเหมือนกัน?”

ชายหนุ่มมีสีหน้าเจื่อนไปหน่อยแต่ก็ไม่ตอบว่าอะไร ในที่สุดสุรเดชเป็นคนตัดสิน

“คืนนี้อย่าเพิ่งไปเลย เพิ่งไปมาเมื่อคืนหยกๆ เอาไว้คืนอื่นดีกว่านะคุณจันทน์ คุณพราวง่วงแล้ว นิคก็อาจจะมีธุระที่อื่น” แล้วเขาก็ตัดบทว่า “ตกลงนิคจะไปส่งคุณพราวใช่ไหมครับ เห็นว่าเป็นทางผ่าน”

พอได้ยินเช่นนั้น พราวพรายก็ไม่กล้าแย้งอะไรขึ้นมาให้เป็นที่สงสัยของคนอื่น หญิงสาวเดินไปหยิบถุงใส่ของสองสามใบที่ซื้อก่อนมาหาอมรา ร่ำลาทุกคนแล้วเดินตามนิคไปขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้าน

“ส่งฉันที่บ้านนะ” เธอบอกเขาเมื่อรถแล่นออกจากหน้าบ้านอมราไปได้พักหนึ่ง
“บ้านไหน?”
“บ้านฉันกับแอ๋วน่ะสิ”

“เรื่องอะไรจะให้กลับไปอยู่คนเดียว หยุดตั้งหลายวันไม่ใช่หรือ” อีกฝ่ายตอบหลังจากหันมามองหน้าเธอ

“แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณ ฉันอยากอยู่คนเดียว”

“ไม่เอาน่า พราว อย่าทะเลาะกันเลยนะ นานๆจะได้เจอกันสักที”

พูดแค่นี้ถือว่าทะเลาะแล้วหรือ? ไหนเมื่อเช้าบอกว่ามีงานด่วนต้องรีบกลับไปที่โน่นไง ทำไมยังไม่ไปล่ะ?”

อีกฝ่ายทำเสียงอ่อยๆ “ล้อเล่นเท่านั้นแหละน่า ไม่ได้จะกลับจริงๆหรอก ผมกลับไปหาคุณที่บ้าน แต่คุณออกมาข้างนอกแล้ว ขับรถวนเวียนตามหาอยู่ตั้งนาน พอดีเจอสุรเดช เขาบอกว่าคุณอยู่ที่บ้านแพตตี้ ผมเลยรับคำชวนไปกินข้าวที่บ้านเขา”

ได้ยินแล้วหญิงสาวก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแต่ยังไม่หายโกรธหรอก ยังมีเรื่องต้องชำระความกันอีก ถ้าเธอทำเฉยเขาอาจจะได้ใจเที่ยวพาผู้หญิงไปส่งบ้าน หรือไปไหนต่อไหนอีกก็ได้

“ตกลงไปอพาร์ตเมนท์นะ” เขาออดอย่างง้องอน

“ก็ได้ มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณอยู่เหมือนกัน” เธอทำเสียงแข็งเป็นเชิงตัดไม้ข่มนาม

“อยากไปเต้นรำฟังเพลงไหม มีคลับเล็กๆเปิดใหม่ ไม่ค่อยมีคนไทยหรอก ส่วนมากเป็นฝรั่ง สนใจไหม?” นิคหาเรื่องมาเอาใจต่อ “ฉลองวันเกิดให้คุณไง เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ”

“อยากไปทำไมไม่ไปชวนคนอื่นล่ะ มีคนอยากไปด้วยไม่ใช่หรือ?” เธอทำเสียงประชดประชันเล็กๆ

ชายหนุ่มแอบอมยิ้ม นึกดีใจที่เธอพูดเหมือนหึงเขา สงสัยว่าเธอจะเริ่มรักเขาบ้างแล้วละมัง

“ไม่ได้อยากไปกับคนอื่นนี่ อยากไปกับเมียคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่เอาละ ฉันง่วง แล้วก็ไม่นึกสนุกด้วย”

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพราวพรายก็ขึ้นเตียง เห็นว่าดึกแล้วก็ไม่อยากจะต่อว่าต่อขานเขาเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก คิดว่าเอาไว้รวบยอดทุกเรื่องพรุ่งนี้ดีกว่า นิคตามเข้ามาเมื่อไม่เห็นเธอออกไปข้างนอก เห็นพราวพรายนอนหลับตา เขาก็เลยปิดไฟโคมหัวเตียงด้านของเขาแล้วขึ้นมานอนบ้าง ล้มตัวลงนอนได้ก็หันมากอดเธอแน่นเหมือนทุกครั้ง

“หลับแล้วหรือ? ทำไมคืนนี้หลับเร็วจัง”

ถึงจะถามเช่นนั้นแต่นิคก็เริ่มต้นกอดจูบลูบไล้พราวพราย หญิงสาวที่อารมณ์ยังขุ่นมัวกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงคืนนี้ ผลักไสปัดป้องไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เพราะรู้ขั้นตอนต่างๆของมันดี ยามอารมณ์ดีไม่มีอะไรมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ ก็พอจะอนุโลมตามใจเขาได้แม้จะไม่เต็มใจ แต่ไม่ใช่คืนนี้ที่กำลังไม่พอใจกับอะไรหลายอย่าง ไม่เข้าใจพวกผู้ชายเลยจริงๆ พวกเขาปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ เพิ่งมีเรื่องโกรธเคืองมีปากมีเสียงกันอยู่หยกๆ พอขึ้นเตียงได้ก็ลืมหมด แล้วยังจะมากะเกณฑ์ให้อีกฝ่ายลืมด้วย นึกหรือว่าผู้หญิงที่ยังไม่หายโกรธจะสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาได้ เชอะ..ไม่ได้เป็นสวิชต์ไฟนี่ จะได้เปิดปุ๊บติดปั๊บ ปิดปั๊บดับปุ๊บ!!!

นิคผงกหน้าขึ้นมองพราวพรายในความมืด “เป็นอะไรไปอีกล่ะ?”
“ฉันง่วงนอน”
“ยังไม่ห้าทุ่มเลย ง่วงแล้วหรือ?”

เมื่อเธอไม่ตอบแถมยังพลิกตัวหนีไปนอนหันหลังให้ ทำให้นิคชักหงุดหงิดเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ยังรบกวนจิตใจอยู่ แม้พยายามจะไม่คิดมากก็ตาม แต่ตอนนี้เธอยังมาผลักไสเหมือนไม่แยแสเขาเสียอีก ทำเป็นไม่รู้ไปได้ว่าสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นานและไม่ได้พบกันตั้งหลายอาทิตย์ และเขาเองก็ยังหนุ่มฉกรรจ์ยังเต็มไปด้วยไฟเสน่หา ตั้งแต่แต่งงานก็ไม่เคยแอบไปนอกใจเธอกับผู้หญิงคนไหน ใจคอเธอจะให้เขาถือศีลตลอดเวลาเลยหรืออย่างไร

“ถามอยู่ได้ ก็บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าง่วงนอน ไม่เข้าใจหรือไง” หญิงสาวทำเสียงเซ็งๆ

“เมื่อเช้าต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่มาส่งใครหรือไง ถึงได้ง่วงนอนเสียเหลือเกิน” นิคเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง

หมายความว่ายังไง? เอ๊ะ...จะหาเรื่องใช่ไหม?”’
“ถ้าจะหาจริงๆก็คงได้หลายเรื่อง”

“หลายเรื่องที่ว่าน่ะน่าจะเป็นเรื่องของคุณมากกว่า” เธอไม่ลดราวาศอก เอาสิ อยากจะทะเลาะกันคืนนี้ก็เอา

“หมายความว่าคุณไม่ได้ทำอะไรที่ประหลาดๆเลยหรือไง?”

“คุณน่ะสิที่ประหลาด ใครล่ะที่นั่งเอาอกเอาใจผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเมื่อคืนนี้น่ะ พาเขาออกไปเต้นสโลว์ซบยังไม่พอ ยังแอบหนีไปไหนกันก็ไม่รู้สองคน จะแก้ตัวยังไงล่ะ” ข้อกล่าวหาของเธอยืดยาวจนเขางง

“สโลว์ซบ? ผมไปสโลว์ซบกับใครที่ไหน อย่ามาหาเรื่อง เต้นห่างกันตั้งโยชน์ แล้วอีกอย่างจันทนาเขาเป็นคนชวนผมออกไปเต้นรำนะ ไม่ใช่ผมชวนเขา”

ความจริงชายหนุ่มอยากจะกล่าวหาเธอกับปลัดอำเภอหนุ่มคนนั้นบ้างเหมือนกัน ทั้งเรื่องสร้อยไข่มุกด์เส้นนั้น เรื่องที่เธอนั่งรถทั้งไปและกลับกับเขตต์ รวมทั้งเรื่องที่ออกไปเต้นรำกันตั้งนานสองนานด้วย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่อยากให้พราวพรายคิดว่าเขาไม่ไว้ใจเธอ ได้แต่สะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ พยายามคิดในทำนองเห็นใจเธอที่เขาไม่ได้อยู่เคียงข้าง คอยเอาอกเอาใจหรือพาไปโน่นไปนี่อย่างที่ควร

“แล้วที่หายไปกับเขาสองคนเมื่อคืนนี้ล่ะ จะแก้ตัวว่ายังไง?” นั่นคือข้อหาต่อไป
“จันทนาเขาปวดหัวอยากกลับบ้าน ขอให้ผมไปส่ง คุณจะให้ผมปฏิเสธเขาหรือไง?”
“ทำไมไม่ให้คนอื่นไปส่งล่ะ?”
“มีใครที่ไหนล่ะ จะเกี่ยงให้ปลัดของคุณไปส่ง ก็เห็นกำลังเต้นรำกันอยู่ไม่ใช่หรือ?”

พอรู้สึกว่าชักจะเข้าเนื้อพราวพรายก็รีบเบี่ยงประเด็นทันที

“ถ้ารู้ว่าคุณจะเจ้าชู้แบบนี้ ฉันไม่ยักแต่งงานกับคุณหรอก” พราวพรายยังไม่ยอมเลิกกล่าวหาเขา เพราะความอัดอั้นหลายเรื่อง “อยู่เป็นโสดเหมือนเก่าดีกว่า ไม่ต้องมาหลบๆซ่อนๆแบบนี้”

คราวนี้อีกฝ่ายเหลืออด “ แล้วใครล่ะที่ทำให้ต้องหลบๆซ่อนๆอย่างที่คุณว่า ถ้าคุณยอมเปิดเผยเรื่องที่เราแต่งงานกัน ก็คงไม่ต้องแอบๆซ่อนๆ จริงไหม?”

“อ้าว..แล้วไม่ใช่คุณหรอกเหรอที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกให้ฉันจดทะเบียนด้วยน่ะ” เธอทำเสียงแข็งเถียงเขา

“ผมขี้เกียจเถียงกับคุณแล้วเรื่องนี้น่ะ อยู่กันมาไม่รู้กี่เดือน ทะเลาะกันทีไรต้องอ้างเรื่องนี้ทุกที ทำเป็นเด็กๆไปได้” เสียงของนิคก็ชักจะแข็งขึ้นมาเหมือนกัน “แล้วไอ้เรื่องเจ้าชู้น่ะ ผมเคยทำหรือไง”

“ใครจะไปรู้ คุณอยู่ที่โน่นฉันไม่รู้ไม่เห็นว่ามีใครแอบซ่อนไว้มั่งหรือเปล่า ผู้หญิงที่โน่นก็สวยๆ เยอะแยะไม่ใช่หรือล่ะ” เธอเถียงข้างๆคูๆ ตามที่คิดวาดภาพเอาเอง
“สวยไม่สวยผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะผมมีเมียแล้ว ”

“เชอะ มีแล้วก็มีอีกได้นี่ อย่างพี่ณพไง หรือไม่จริง?”
“นั่นมันอรรณพ ไม่ใช่ผม ถ้าผมจะมีคนอื่นผมก็ต้องเลิกกับคุณเสียก่อน”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย มีแอบๆไม่ให้รู้ก็ได้นี่ เขาทำกันถมเถไป”

“นึกว่าสนุกนักหรือไง มีเมียสองคนสามคนพร้อมๆกันน่ะ มีคนเดียวยังเรื่องมากขนาดนี้ ขืนมีมากกว่านี้คงได้ผูกคอตายแน่” อีกฝ่ายทำเสียงขุ่นๆ “จะหาเรื่องไปอีกนานไหมนี่ ไหนว่าง่วงนอนไง ทำไมไม่หลับเสียล่ะ ทำเป็นง่วงเพราะกลัวผมจะกวนใจไม่ใช่หรือ”

เมื่อถูกเขาถามแทงใจดำพราวพรายก็อาละวาดทันที “ก็อาจจะใช่ คุณกวนใจฉันมากเกินไป ฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณ เพื่อมาเป็นแค่วัตถุทางเพศสำหรับคุณนะ”

นิคตกใจจนต้องผลุดลุกขึ้นนั่ง

อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะถามด้วยเสียงเรียบสนิทว่า “ที่พูดนั่นน่ะ หมายความว่าอย่างไร?”

หญิงสาวก็อึ้งไปเหมือนกัน ความจริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้นหรอก แต่เมื่อหลุดปากออกไปแล้วก็คงต้องเลยตามเลย ได้แต่อ้อมแอ้มบอกเขาว่า“ก้อ..ก้อ มาทีไรคุณก็ชอบเรียกร้องให้ฉันมีอะไรกับคุณ จริงไหมล่ะ?”

อีกฝ่ายมองหน้าเธออยู่นานก่อนจะถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่แต่งงานกันแล้วหรอกหรือ แล้วอีกอย่างเราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันเดือนละสองสามวันเท่านั้น แค่นี้คุณยังคิดว่ามากเกินไปอีกหรือ?”

พรายพรายไม่สามารถตอบได้เพราะยังขาดประสพการณ์ในเรื่องนี้อยู่มาก

เมื่อเห็นเธอนิ่งอึ้งไม่มองหน้าเขา นิคก็กล่าวต่อว่า “ผมพอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าคุณไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ผมก็ไปหลงคิดว่าคุณคงถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่ค่อนข้างจะเข้มงวดกับเรื่องแบบนี้ ทำให้คุณอึดอัดไม่กล้าแสดงออก อีกอย่างผมก็ไม่อยากจะรุกเร้าคุณมากเกินไป ทั้งๆที่มันมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้คุณมองเรื่องเซ็กส์ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่กล้าเพราะกลัวคุณจะโกรธ กลัวคุณจะอาย แต่ไม่เคยคิดว่าคุณจะไม่พอใจกับเรื่องนี้ จนเห็นว่าผมเรียกร้องมากเกินไป”

นิคเอื้อมมือไปเปิดไฟโคมหัวเตียงด้านของเขา ก่อนจะลุกออกจากเตียงเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ในขณะที่พราวพรายยังนอนอยู่บนเตียงในท่าเดิม ทำตาปริบๆมองตามเขาไป เธอไม่แน่ใจว่าเขาโกรธหรือเปล่า หน้าของเขาขรึมเฉยจนเธออ่านไม่ออก

อีกครู่ต่อมาเขาก็เดินมานั่งลงริมเตียงด้านที่เธอนอนอยู่ มองหน้าเธออยู่นานก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ผมคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพูดเรื่องนี้กันให้เคลียร์ พราว สัญญาได้ไหมว่าถ้าผมถามอะไรบางอย่างคุณจะตอบผมตามตรง ไม่ต้องแกล้งตอบเพื่อเอาใจผม?”

หญิงสาวมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขาจะถามอะไร ทำไมต้องขอให้เธอสัญญาเช่นนั้น แม้จะกลัวกับคำถามของเขาแต่เธอก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่พยายามทำเสียงแข็งเมื่อบอกเขาว่า “จะถามอะไรก็ถามมา ทำไมต้องมาคาดคั้นให้ฉันสัญญาแบบนั้นด้วย”

“เพราะผมต้องการความจริง จะได้รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป คำถามของผมอาจจะทำให้คุณโกรธหรืออาย แต่ผมก็อยากให้คุณตอบ”

พอได้ยินเช่นนั้นพราวพรายก็รีบยันตัวลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิกลางเตียง ไม่ไกลกับตรงที่นิคนั่งอยู่ ทั้งสีหน้าและสุ้มเสียงของเธอขุ่นขึ้นมาทันที เมื่อเดาได้ว่าเขาจะถามหรือพูดเรื่องอะไร

“อย่ามาถามฉันเรื่องบ้าๆของคุณนะ ฉันไม่ตอบหรอก คุณไม่มีสิทธิจะมาบังคับฉัน”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “คุณรู้หรือว่าผมจะถามอะไรคุณ?”

หญิงสาวไม่กล้าตอบอย่างที่คิด ได้แต่แชเชือนไปว่า “รู้สิ ก็เรื่องที่คุณอยากรู้นักไม่ใช่หรือ ว่าฉันรักคุณมั่งหรือยังน่ะ”

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้น ถ้าเป็นเรื่องนั้นผมไม่จำเป็นต้องถามหรอก ผมรู้อยู่แล้วละ แต่ที่ผมจะถามก็คือตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันมา คุณมีความสุขบ้างหรือเปล่า”

พราวพรายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะตอบเขาได้ “บางเรื่องก็มีความสุข แต่..แต่บางเรื่องก็ไม่ชอบ”

นิคมองพราวพรายเขม็งราวกับพยายามจะอ่านใจเธอให้ออก “ที่ว่าไม่ชอบน่ะเรื่องอะไร?”

เมื่อเธอไม่ตอบ ซ้ำมองไปทางอื่นไม่ยอมสบตาด้วย เขาก็รุกต่อ “ที่ไม่ตอบน่ะเพราะไม่อยากตอบ หรือตอบไม่ได้”

“เอ๊ะ จะมาคาดคั้นอะไรฉันนักหนา ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เรื่องอะไรก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องบอกคุณ”

“ถ้างั้นผมถามคุณตรงๆก็ได้” ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะถามว่า “เรื่องเซ็กส์ใช่ไหม? หรือจะพูดให้ตรงกว่านี้ก็คือคุณไม่ชอบมีเซ็กส์กับผมใช่หรือเปล่า?”’

พราวพรายชักตกใจที่เขารู้เท่าเธอขนาดนั้น แต่เรื่องอะไรจะยอมรับง่ายๆล่ะ “อย่ามาพูดเรื่องบ้าๆกับฉันนะ ฉันไม่ชอบฟัง”

“ที่ผมต้องถามเพราะผมอดรู้สึกไม่ได้ ว่าคุณพยายามหาเรื่องปฏิเสธผมมาตลอด ถ้าเลี่ยงได้เป็นเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ทำท่าซังกะตาย ทำเหมือนกับผมจะปล้ำคุณไม่มีผิด ผมคิดว่าเรื่องทุกเรื่องมันมีเหตุมีผลอยู่ในตัวเองทั้งนั้น คุณคงมีเหตุผลส่วนตัวที่ทำแบบนั้น”

หญิงสาวชักโกรธเมื่อรู้สึกว่าเขารุกเธอมากเกินไป เมื่อโกรธขึ้นมาก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง ว่าเรื่องใดควรพูดหรือไม่ควรพูด เพราะเรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องเซนซิทีฟที่คนฟังอาจจะรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม เพราะมันเกี่ยวกับอีโก้หรือศักดิ์ศรีของเขา

“ถ้าอยากรู้นักฉันบอกให้ก็ได้ ว่าฉันไม่ชอบเซ็กส์ รำคาญจะตาย ไม่เห็นได้ความ”

พราวพรายโพล่งออกไปอย่างที่คิด ไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าคำพูดของเธอ ทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายอย่างสาหัส เพราะมันเหมือนความเป็นชายของเขาถูกสบประมาทอย่างไม่ไว้หน้า ผู้ชายคนไหนจะทนได้เมื่อเมียประกาศออกมาอย่างชัดเจนเสียขนาดนั้น ราวกับเขาเป็นชายไร้ความสามารถที่จะทำให้เมียมีความสุขได้

หน้าของนิคเผือดสีไปเล็กน้อย เขาอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะบอกพราวพรายที่กำลังมองเขาอยู่อย่างกึ่งตกใจกึ่งสะใจ ด้วยเสียงเรียบๆปราศจากอารมณ์ว่า “คุณง่วงก็นอนเสียเถอะ ผมจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก”

หญิงสาวมองตามหลังนิคที่เดินออกประตูไปเงียบๆ รู้สึกโล่งใจที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะโกรธกับคำพูดของเธอ แม้จะรู้ว่าไม่ควรพูดกับเขาแบบนั้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะบอกตัวเองว่าดีเหมือนกัน เขาจะได้รู้เสียทีว่าเธอคิดอย่างไรกับเรื่องเซ็กส์ ตอนนี้เมื่อรู้แล้วเขาก็คงไม่มาวุ่นวายกับเธออีก ส่วนเรื่องกอดๆจูบๆนั้นเธอไม่ว่าอะไรหรอก เพราะมันก็ทำให้เธอมีความสุขอยู่บ้างเหมือนกัน อีกพักใหญ่ต่อมาเธอก็หลับลงไปอย่างสบายใจ ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มผู้นั้นเข้ามานอนตรงที่ของเขาในอีกสองชั่วโมงต่อมา เขานอนหันหลังให้เธอเหมือนที่เธอนอนหันหลังให้เขา นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่แต่งงานกันมา ที่สามีหนุ่มภรรยาสาวนอนหันหลังให้กัน

วันรุ่งขึ้นพราวพรายตื่นแต่เช้ากว่าที่เคย แต่นิคไม่ได้อยู่ในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวทำอาหารเช้าง่ายๆและต้มกาแฟเตรียมไว้ให้เขาเหมือนที่เคยทำ หลังจากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นิคกลับเข้ามาในอพาร์ตเมนท์ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาในชุดจ็อกกิ้ง เมื่อเห็นเธอนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารเขาก็กล่าวคำทักทายตามปกติ สีหน้าของเขาก็เป็นปกติ

“จะทานหรือยังคะ นิค ฉันจะได้ทอดไข่ดาวให้ อย่างอื่นทำเสร็จแล้วเหลือแต่ไข่ กะว่าจะทอดตอนที่คุณจะทาน จะได้ร้อนๆ”

“ขอผมอาบน้ำก่อน แต่คุณจะทอดเลยก็ได้ ผมอาบน้ำไม่นานหรอก”

เขาตอบเรียบๆแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน กลับออกมาหลังจากนั้นอีกสิบนาที แต่งกายเรียบร้อยในชุดกางเกงยีนส์กับเสื้อยืดสีอ่อน นั่งลงที่โต๊ะอาหารใกล้กับเธอ แล้วลงมือรับประทานขนมปังไข่ดาว กับแฮมและเบคอนสองสามชิ้นและกาแฟที่เธอรินใส่ถ้วยมาวางให้ตรงหน้า

“วันนี้คุณอยากจะไปไหนหรือเปล่า?” นิคถามหลังลุกจากโต๊ะอาหาร หยิบหนังสือพิมพ์ที่ซื้อติดมือมาตอนออกไปจ้อกกิ้ง ติดตัวไปนั่งลงที่เก้าอี้นวมตัวที่นั่งอยู่เป็นประจำเพื่อเตรียมอ่าน

พราวพรายทำท่าคิดแล้วส่ายหน้า “ยังไม่รู้เลย เช้าๆยังงี้ยังคิดไม่ออก แล้วคุณล่ะ จะออกไปไหนหรือเปล่า แต่งตัวเสียหล่อเชียว”

“ผมมีธุระตอนสิบเอ็ดโมงกับเฟรด คุณคงจำได้ ที่ไปเที่ยวโขงเจียมด้วยกัน” เห็นสีหน้าไม่ค่อยพอใจของเธอ เขาก็กล่าวต่อว่า “ผมไปไม่นานหรอก จะซื้ออาหารกลางวันมาด้วย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไหนๆไปเจอเพื่อนแล้วคุณจะกินกับเพื่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันทำอะไรง่ายๆกินเอง “ เห็นท่าทางเงียบๆของเขาแล้วพราวพรายก็เสนอเป็นเชิงเอาใจว่า “มื้อเย็นเราไปกินที่ร้านเปิดใหม่ที่คุณบอกเมื่อคืนนี้ดีไหมคะ?”
“ก็ได้ ”

นิคออกไปก่อนสิบเอ็ดโมงเช้า เมื่อกลับมาในตอนบ่ายเขาบอกพราวพรายว่า “เฟรดชวนไปดินเนอร์ตอนเย็น คุณอยากไปไหม?”

หญิงสาวทำหน้านิ่วเล็กน้อย ความจริงเธอไม่อยากไปพบใครทั้งนั้น “คุณอยากไปหรือเปล่าล่ะ ถ้าอยากก็ไปเถอะค่ะ ฉันหาอะไรกินเองที่นี่ก็ได้”

“อย่าเลย ถ้าคุณไม่ไปผมก็ไม่ไปหรอก ไม่อยากทิ้งคุณไว้คนเดียว”

สีหน้าเรียบเฉยของนิคทำให้พราวพรายไม่ค่อยสบายใจนัก เริ่มรู้สึกว่าเขาแปลกไป เขาพูดน้อยกว่าที่ควร ไม่ยิ้มแย้มหยอกล้อเธอเหมือนทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน

ท่าทางของเขาทำให้หญิงสาวต้องรีบบอกเขาอย่างเอาใจว่า “ฉันไปด้วยก็ได้ ว่าแต่เขาชวนคุณคนเดียวหรือเปล่า? เขาอาจจะไม่คิดว่าคุณจะเอาใครไปด้วย”

“ผมบอกมันแล้วว่าถ้าจะไปผมจะพาแฟนไปด้วย มันก็โอเค มันก็จะเอาแฟนมันไปด้วยเหมือนกัน อยากแนะนำแฟนมันให้รู้จัก”

พราวพรายมีสีหน้าตื่นเต้น “ไม่ยักรู้ว่าเฟรดมีแฟนแล้ว แฟนเขามาจาก อเมริกาหรือคะ?”

“เปล่าหรอก อยู่ที่นี่แหละ เป็นคนไทย เห็นว่าจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ ต้องรีบแต่งเพราะอีกสองเดือนเฟรดจะย้ายกลับอเมริกา คำสั่งออกมาแล้ว”

หญิงสาวชะงักกึกก่อนจะถามอย่างกระตือรือร้นว่า “จดทะเบียนกันเฉยๆ แบบเรา หรือคะ”
“เห็นเฟรดว่าจะเข้าโบสถ์ด้วย”

ชายหนุ่มเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีของพราวพราย เขารู้ว่าเธอกำลังคิดเปรียบเทียบกับเรื่องของตัวเองอยู่

“แล้ว เอ้อ..ทางบ้านผู้หญิงเขายอมหรือคะ?”

ไม่รู้สิ มันไม่ได้เล่าอะไรมาก” แล้วนิคก็เปลี่ยนเรื่อง “มันนัดไว้หกโมงเย็น ถ้าจะไปคุณก็ควรตรียมตัวได้แล้วมั้ง นี่ก็เกือบสี่โมงแล้ว อ้อ..ร้านริมแม่น้ำน่ะ เอาไว้ไปกันวันหลังนะ”

ตอนนี้หญิงสาวไม่นึกอยากไปพบเฟรด กับสาวไทยที่เป็นแฟนของเขาแล้ว แต่จะกลับคำก็ไม่กล้า นิคยิ่งชอบหาว่าเธอทำตัวเหมือนเด็กๆ เปลี่ยนใจวันละร้อยหนอยู่ด้วย แต่แล้วก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“เฟรดรู้หรือเปล่าคะว่าคนที่คุณบอกว่าเป็นแฟนน่ะคือฉัน?”
“รู้ ผมบอกมันเองแหละ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้หลุดปากบอกว่าเป็นอะไรกัน” เธออดไม่ได้ต้องคาดคั้นตามนิสัย

นิคไม่ตอบเพราะเบื่อที่จะตอบคำถามแบบนี้

สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ของเขาทำให้พราวพรายไม่กล้าคาดคั้นเอาคำตอบ ได้แต่เปลี่ยนไปถามว่า “ฉันต้องแต่งตัวอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”

ตอนแรกพราวพรายคิดว่าจะแต่งตัวง่ายๆตามสบาย แต่เมื่อรู้ว่าแฟนของเฟรดเป็นผู้หญิงไทย เธอก็เริ่มอึดอัดแล้วก็คิดว่าถ้าจะไปก็คงจะต้องแต่งตัวให้ดีหน่อย อย่างน้อยเจ้าหล่อนผู้นั้นจะได้ไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงบาร์หรือเมียเช่า

“ยังไงก็ได้มั้ง มันชวนไปที่คลับเปิดใหม่ที่ผมบอกว่า อยากจะพาคุณไปนั่นแหละ คล้ายสโมสรเล็กๆ มีห้องอาหารด้วย มีแต่ฝรั่งทั้งนั้นไม่ค่อยมีคนไทย แต่อาหารอร่อยดี”

พราวพรายนึกดีใจที่เพิ่งซื้อเสื้อผ้าใหม่มาสองชุด เธอรีบเข้าไปในห้องนอน หยิบชุดนั้นชุดนี้ขึ้นมาลองทาบกับตัว หมุนซ้ายหมุนขวาอยู่หน้ากระจกนานสองนานก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกชุดไหนดี จนกระทั่งนิคเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเธอถามความเห็นเขาก็มองเสื้อสองชุด ที่กางอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก็บอกว่า

“ชุดเขียวนั่นก็สวยดีนี่”
“แล้วชุดสีน้ำเงินขลิบม่วงนี่ล่ะคะ ไม่สวยเหรอ?” เธอคว้าชุดที่ว่ามาชูให้เขาดู “แบบเก๋ดีออก”
“ก็ดีเหมือนกัน” พูดจบเขาก็เดินหลีกเธอหายเข้าไปในห้องน้ำ

พราวพรายมองตามหลังนิคไป อดนึกไม่ได้ว่าเขาดูเนือยๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนเคย แต่เธอก็คิดว่าเขาอาจจะมีเรื่องงานที่ไปคุยกับเฟรดให้ต้องคิดก็ได้ หลังจากนิคอาบน้ำเสร็จออกมาแต่งตัวใหม่ หญิงสาวก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง แต่งตัวด้วยชุดสีเขียวมะกอกที่เขาบอกว่าสวย พร้อมที่จะออกไปดินเนอร์กับเพื่อนของเขาทั้งๆ ที่ไม่นึกอยากไปเลย เพราะกลัวว่าอาจจะไปเจอคนรู้จัก แต่ก็ต้องฝืนใจไปเพื่อเอาใจเขาบ้าง เผื่อสีหน้าขรึมๆของเขาจะกลับมาสดชื่นแจ่มใสเหมือนเดิม เธอไม่ชอบเลยเวลาที่เขาทำท่าเคร่งขรึมแบบนี้




 



Create Date : 12 ธันวาคม 2565
Last Update : 13 ธันวาคม 2565 10:53:25 น.
Counter : 578 Pageviews.

8 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณ**mp5**, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน

  
มาติดตามอ่านค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 12 ธันวาคม 2565 เวลา:19:41:12 น.
  
รู้สึกจะมีซ้ำอยู่ 2 ช่วงนะคะ

ขึ้นย่อหน้าใหม่
"แล้วในที่สุดคืนนั้นพราวพรายก็ต้องนั่งรถกลับบ้านกับนิค ..."

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 13 ธันวาคม 2565 เวลา:8:56:46 น.
  
ซ้ำจริงๆ คุณตุ้ย


โดย: หอมกร วันที่: 13 ธันวาคม 2565 เวลา:9:11:17 น.
  
ซ้ำค่ะ เพิ่งรุ้ ขอบคุณมากนะคะ ตอนนี้แก้ไขแล้วค่ะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 13 ธันวาคม 2565 เวลา:10:45:01 น.
  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะพี่ตุ้ย
โดย: Sweet_pills วันที่: 13 ธันวาคม 2565 เวลา:23:57:58 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 14 ธันวาคม 2565 เวลา:14:08:34 น.
  
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 31 ธันวาคม 2565 เวลา:20:00:54 น.
  
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 ธันวาคม 2565 เวลา:22:58:19 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
ธันวาคม 2565

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com