คนละฟากฟ้า - บทที่ 92 (อวสาน)


ในวันแต่งงานพราวพรายในชุดเจ้าสาว สวยสมกับที่เจิดจรัสวาดภาพเอาไว้ มารดาของเธอนั้นถึงกับตกตะลึงตาค้างไปเลย เมื่อเห็นบุตรีคนเล็กที่ปกติไม่ค่อยเห็นแต่งหน้าแต่งตา ที่คุณจิตราเคยพูดอยู่เป็นประจำว่าสวยสู้เจิดจรัสไม่ได้ นอกจากจะเป็นคนสวยอยู่แล้ว วันนี้พราวพรายยิ่งสวยเป็นพิเศษ เพราะสีหน้าแววตาของเธอฉายแววแห่งความสุขความสมหวังที่ล้นปรี่ออกมา ตาที่หวานหยาดเยิ้มตามธรรมชาติ เมื่อได้รับการส่งเสริมแต่งเติมแค่เพียงเล็กน้อยก็ยิ่งส่งประกายเจิดจ้าออกมาเด่นชัด ชุดเจ้าสาวที่สวมใส่อยู่ก็ทั้งหรูทั้งหวาน เน้นในที่ควรเน้น อวดทรวดทรงสูงระหงโปร่งบาง เอวเล็กๆคอดกิ่ว ทรวงอกอิ่มเอิบขาวผ่อง ผิวพรรณสีชาใส่นมของเธอก็เปล่งปลั่งราวจะปริ

เจ้าบ่าวของเธอซึ่งงามสง่าผึ่งผายอยู่ในชุดเครื่องแบบนายทหารเต็มยศ ที่พราวพรายเพิ่งมีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งแรก มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขไม่แพ้เธอ หน้าดุๆซึ่งตอนนี้ปราศจากหนวดเคราของเขา มีรอยยิ้มอยู่เกือบตลอดเวลา นิคมองเจ้าสาวแสนงามของเขาอย่างปลาบปลื้มด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของเต็มที่ ประกายตาลึกซึ้งของเขาที่สบตาเธอ มีความหมายบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวหน้าแดง เคอะเขินราวกับว่าเธอกับเขาไม่เคยอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยามาก่อน รู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นสาวน้อยบริสุทธ์ไร้เดียงสาคนเก่า ผู้ยังไม่เคยรู้จักกลเกมแห่งโลกีย์เหมือนสมัยก่อน ก่อนหน้าที่จะได้พบกับนิค

โบสถ์ขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหาร เต็มไปด้วยผู้มาร่วมงานที่นั่งกันอยู่คับคั่งจนแทบไม่มีที่ว่าง จอห์นเจ้านายเก่าของพราวพรายและภรรยาก็มาร่วมงานด้วย ทั้งพิธีในโบสถ์และงานเลี้ยงรับรองในสโมสรหรูของนายทหาร เขามีสีหน้าปลาบปลื้มยินดีกับคู่บ่าวสาวที่เขารักและเอ็นดู ดีใจที่หนุ่มสาวทั้งสองกลับมาลงเอยกันได้ในที่สุด เขายังไม่ลืมวันที่พราวพรายตกใจเรื่องข่าวการตายของนิคจนช็อคไป ดิ๊กมาพร้อมกับสมพรและลูกชายสองคน

แขกคนสำคัญที่เจ้าสาวตื่นเต้นดีใจไม่คาดคิดคือสุนิสา ซึ่งมาพร้อมกับอรรณพ พราวพรายรู้จากสุนิสาตอนที่พบกันเมื่อสามวันก่อนวันงาน ว่าอรรณพมาอเมริกาได้สองสัปดาห์แล้วเพื่อมาร่วมฝึกอาวุธแบบใหม่ ส่วนเธอเพิ่งตามมาเพื่อมาร่วมงานแต่งงานครั้งนี้โดยเฉพาะ สุนิสาท้องได้เกือบห้าเดือนแล้ว พราวพรายซึ่งติดต่อกันทางจดหมายและโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ รู้ว่าอรรณพกับสุนิสาแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากที่ภรรยาของเขาขอหย่า เพื่อไปแต่งงานใหม่กับพ่อม่ายนักธุรกิจชาวสิงคโปร์วัยกลางคน ที่ไปพบกันในอเมริกา

เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งคืออมรา ที่เดินทางมาร่วมงานไม่ได้เพราะกำลังท้องแก่ลูกคนที่สอง ก็ฝากของขวัญมากับสุนิสา แม้แต่เฟรดกับอรอนงค์ซึ่งตอนนี้มีลูกสาวหนึ่งคนแล้ว ก็มาด้วยเหมือนกัน เพื่อนร่วมงานและเจ้านายของพราวพรายที่บีบีซีมากันคับคั่ง

บิดามารดาของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ซึ่งมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันก่อนหน้านี้แล้ว นั่งแยกกันอยู่บนม้านั่งยาวแถวหน้า แต่แยกกันคนละฟากในโบสถ์ เจ้าบ่าวผู้สง่างามและเพื่อนเจ้าบ่าวยืนอยู่ใกล้บาทหลวงผู้ทำพิธี ในขณะที่บิดาของเจ้าสาวซึ่งเพิ่งลุกออกไปพาเจ้าสาวแสนสวย ซึ่งมีผ้าโปร่งบางๆ สีขาวคลุมหน้า เคลื่อนคล้อยมาบนพรมแดงที่ทอดผ่านทางเดินระหว่างแถวที่นั่งสองฟาก มาส่งให้เจ้าบ่าวจนถึงแท่นพิธี ท่ามกลางเสียงออร์แกนที่บรรเลงเพลง เฮียร์ คัม’ส เดอะ ไบรด์ อย่างไพเราะเพราะพริ้ง

เจ้าบ่าวเจ้าสาวแลกเปลี่ยนคำปฎิญาณที่ว่าจะรัก ยกย่องให้เกียรติและดูแลกันตลอดไปทั้งยามทุกข์และยามสุข เจ้าบ่าวสวมแหวนเพชรวงงามให้เจ้าสาว บาทหลวงผู้ทำพิธีประกาศรับรองความเป็นสามีภรรยาระหว่างเจ้าบ่าว และเจ้าสาว และอนุญาตให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้ หลังจบพิธีทางศาสนาทั้งคู่ก็เดินลงจากแท่นพิธีเพื่อออกจากโบสถ์ โดยมีขบวนเด็กชายเด็กหญิงหลายคนรวมทั้งริกกี้และนิกกี้เดินนำหน้า เด็กผู้หญิงหยิบกลีบกุหลาบจากกระเช้าเล็กๆที่ถืออยู่ โปรยปรายลงไปบนทางเดินให้คู่บ่าวสาวย่ำผ่านไป

เมื่อออกจากโบสถ์ เจ้าบ่าวก็จูงมือเจ้าสาวเดินผ่านเข้าไปในซุ้มกระบี่ ที่มีนายทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศสี่คู่ ตั้งขบวนรออยู่หน้าโบส ถ์ แต่ละคู่ชูดาบในมือขึ้นสูงให้ปลายดาบไขว้ประสานกันกับคู่ของตนที่อยู่ตรงข้าม เมื่อคู่บ่าวสาวเดินมาถึงทหารคู่สุดท้าย ทหารคนที่อยู่ทางด้านซ้ายลดดาบในมือลงขวางหน้าคู่บ่าวสาวให้หยุ ดเดิน แล้วทหารอีกนายตรงด้านขวาก็ใช้ดาบที่ถืออยู่แตะลงเบาๆที่สะโพกของเจ้าสาว ก่อนจะกล่าวคำต้อนรับอย่างเป็นทางการว่า "ยินดีต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวกองทัพบกสหรัฐฯ" ครบถ้วนตามประเพณีการแต่งงานของทหารอย่างยิ่งใหญ่สวยงามสมเกียรติ

งานเลี้ยงรับรองในตอนเย็น ซึ่งจัดในสโมสรนายทหารที่กว้างใหญ่ และตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ก็เต็มไปด้วยบรรดาแขกผู้มีเกียรติตั้งแต่นายทหารระดับสูง เพื่อนฝูงญาติมิตรของเจ้าบ่าวเจ้าสาว และแขกพิเศษของบิดาเจ้าบ่าวซึ่งมียศและตำแหน่งสูงในกองทัพ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวซึ่งสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ช่วยกันตัดเค้กสมรสสูงหลายชั้นด้วยกระบี่ของเจ้าบ่าวตามประเพณีการแต่งงานของทหาร

ระหว่างที่แขกกำลังรับประทานอาหารไปเรื่อยๆ นิคก็จูงมือเจ้าสาวแสนสวยของเขาออกไปเปิดฟลอร์ ด้วยเพลงรักที่บรรเลงอย่างไพเราะเพราะพริ้ง อีกเพียงครู่ต่อมาฟลอร์เต้นรำก็แน่นขนัดไปด้วยบรรดาแขกเหรื่อที่ออกมาเต้นรำกันเป็นคู่ๆ แม้แต่คุณพนัสก็ออกมาเต้นรำกับบุตรสาวคนโต เพราะคุณจิตรานั้นปฏิเสธเด็ดขาด ที่จะไม่ลุกจากโต๊ะอาหารที่นั่ง อยู่ ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวและบิดามารดาของทั้งสองฝ่าย ต่างก็มีสีหน้าปลาบปลื้มยินดีกับพิธีสมรสที่สวยงามอลังการในวัน นี้

คืนนั้นเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวแสนสวยของเขา ก้าวข้ามธรณีประตูผ่านเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของบ้านพักในค่ายทหาร ตามธรรมเนียมปฏิบัติของคู่แต่งงานใหม่ นิคซึ่งยังอยู่ในชุดนายทหารเต็มยศวางพราวพรายลง แล้วรวบร่างงามของเธอมากอดไว้แนบอก ซบหน้าลงบนเส้นผมงามสลวย

“รู้ไหมพราว วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด ที่ได้มีโอกาสจัดงานให้คุณ อย่างที่อยากจะทำตั้งแต่ตอนที่จดทะเบียนกันวันนั้น อีกอย่างผมก็ดีใจมากด้วยที่คุณพ่อคุณแม่คุณยอมรับผมได้ในที่สุด คุณแม่น่ารักมากที่แม้จะไม่ชอบการเดินทางด้วยเครื่องบิน ก็อุตส่าห์ข่มความกลัว นั่งเครื่องบินมาไกลถึงนี่ มาร่วมงานของเรา”

พราวพรายกอดตอบเขา “ฉันเองก็ต้องขอบคุณๆมากนะคะ นิค ที่จัดงานอย่างใหญ่โตเพื่อให้เกียรติพ่อแม่ฉัน ไม่ถือโทษโกรธแม่กับเรื่องเก่าๆ ให้อภัยฉันทุกเรื่อง ต้องอดทนกับฉันมากมาย ฉันซาบซึ้งมากค่ะนิค กับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำให้ฉันมาตลอด ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากที่ได้พบ ได้รักและได้แต่งงานกับคุณ คุณเป็นผู้ชายที่หายาก ขอบคุณมากนะคะนิค”

“วันนี้เมียผมพูดเพราะจัง ยอผมเสียตัวจะลอยอยู่แล้วนะ” นิคยิ้มอย่างมีความสุขกับมธุรสวาจาของเธอ “รู้ไหมว่าวันนี้พราวสวยมาก สวยที่สุดตั้งแต่เคยเห็นเลย”

“คุณเองก็หล่อมากค่ะ ฉันไม่เคยเห็นคุณแต่งเครื่องแบบเต็มยศอย่างนี้มาก่อนเลย โก้มากด้วย”

“ว่าแต่ตอนนี้จะบอกผมได้หรือยัง ว่าที่ผ่านมาคุณรออะไรอยู่” ชายหนุ่มทวงคำตอบที่ค้างคาใจมาหลายเดือน

พราวพรายยิ้มหวานให้เขา “ค่ะ นิค ฉันกำลังจะบอกคุณค่ะ ฉันรอวันที่จะได้แต่งชุดเจ้าสาวให้พ่อแม่ฉันดีใจ วันที่ฉันเลิกโกรธเลิกน้อยใจแม่ วันที่ฉันรู้สึกว่าพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่เมียที่สมบูรณ์ครบถ้วนของคุณ ที่ฉันเซย์โนมาสองสามเดือนก็เพราะเรื่องพวกนี้ ตราบใดที่แม่ยังไม่ยอมให้อภัยฉัน ไม่ยอมรับคุณเป็นลูกเขย ฉันก็คงยังไม่พร้อมไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ฉันพร้อมแล้วค่ะนิค ที่ฉันผลัดคุณมาตลอดก็เพราะต้องการให้เรา เริ่มชีวิตแต่งงานครั้งนี้ของเราอย่างถูกต้องตามประเพณี ด้วยความเห็นชอบและคำอวยพรจากพ่อแม่ของเรา ขอให้ถือว่าคืนนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ของเรานะคะนิค”

“โธ่ แล้วทำไมไม่บอกให้ผมรู้บ้างล่ะ พูดอยู่แต่ว่ายังไม่พร้อม ยังไม่พร้อม จนผมเกือบจะบ้าตายอยู่แล้ว เพราะไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังอยู่ร้องออกมา

"ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ”
“เข้าใจแล้ว" เขารีบตอบพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย "ทีนี้เราก็เข้านอนกันเสียทีได้แล้วใช่ไหม?”
พราวพรายค้อนแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “ทำไมพี่เจิดต้องให้นิกกี้ไปนอนที่โน่นด้วยล่ะคะ นิค”
ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มกริ่ม “คุณเจิดคงเห็นใจผมมั้ง”
“เห็นใจเรื่องอะไรคะ”

“โธ่ ขืนให้ลูกอยู่ด้วยแล้วคืนนี้จะให้ผมนอนกับลูกอีกหรือไง? นิกกี้น่ะหรือจะยอมหลับง่ายๆ มีหวังวิ่งมาร้องขอนอนขวางกลางแน่เลย ดีไม่ดีผมคงต้องกรอกยานอนหลับให้ลูกหลับไปถึงเช้า จะเอาแบบนั้นหรือ?”

พราวพรายทำหน้าเขินๆเมื่อเข้าใจความหมายของเขา “พูดบ้าๆ” แล้วเธอก็รีบตัดบทเสียเลย “ คุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”

“อาบด้วยกันไหม?”
“บ้า” ตอนนี้เธอพูดเป็นอยู่คำเดียว

อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อพราวพรายออกจากห้องน้ำ ในชุดนอนบางยาวกรอมเท้าสีชมพูจางๆเกือบขาว ที่คอค่อนข้างลึกจนเห็นส่วนหนึ่งของทรวงอก อวบสล้างขาวผ่องที่โผล่พ้นออกมา ชายหนุ่มที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วในกางเกงขายาวหลวมที่ใส่นอน อกเปลือยเปล่า ก็ตรงรี่เข้ามากอด รั้งตัวเธอไปที่เตียงนอน

“จะนอนแล้วหรือคะ นิค”
“ฮื่อ ผมง่วงแล้ว” เขายิ้มกริ่ม ตอบดื้อๆทั้งๆที่ไม่มีท่าทางง่วงนอนเลยสักนิด
“เดี๋ยวค่ะ คุยกันก่อน” เธอยันอกเขาเอาไว้
“โธ่ จะมาคุยอะไรกันตอนนี้เล่า ผมรอมานานแล้วนะ เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม” ชายหนุ่มต่อรอง

“ไม่ได้ค่ะ ต้องตอนนี้ ไม่งั้นคุณก็นอนห้องนี้ไปคนเดียว ฉันจะไปนอนห้องลูก”

“เอา..เอา มีอะไรอยากพูดก็รีบๆพูดมา” แต่แล้วเหมือนนึกขึ้นมาได้ชายหนุ่มรีบปรามทันที “อย่าบอกนะว่าคืนนี้ก็จะเซย์โนอีก ยังไงผมก็ไม่ยอมอีกแล้ว”

“ไม่ได้จะบอกยังงั้นสักหน่อย เรื่องอื่นค่ะ นั่งก่อนสิคะ”
“นอนคุยกันไม่ได้หรือ”

“ไม่ได้ค่ะ “ หญิงสาวค้อน รู้ดีว่าถ้ายอมทำตามที่เขาบอก จ้างก็ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรหรอก เพราะปากของเธอจะถูกปิดด้วยปากเขา จนแทบไม่ต้องหายใจหายคอ

“งั้นนั่งตรงนี้แล้วกัน”

นิคนั่งลงริมเตียง ดึงตัวเธอให้นั่งด้วย แต่ไม่ใช่ตรงริมเตียงเหมือนเขา บนตักเขาต่างหาก แล้วก็เริ่มกอดจูบลูบไล้พราวพราย ก็รอมาตั้งนานแล้วนี่นา ไม่รู้จะให้รอไปอีกทำไม เสียทั้งเวลาเสียทั้งอารมณ์

“ฉันจะบอกคุณว่า..เอ๊ะ หยุดจูบฉันสักประเดี๋ยวไม่ได้หรือคะ”

“มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถิดน่า ผมไม่ได้ต้องพูดอะไรนี่ แล้วก็ไม่คิดจะเถียงด้วย ปากผมว่างก็เลยต้องจูบคุณไง ไม่ชอบหรือ ไม่ได้ถูกจูบแบบนี้มาตั้งสี่ปีแล้วนะ”

“นี่...จะฟังหรือเปล่า?”
“ฟังสิ”
“แล้วจะได้ยินไหมเนี่ย มัวแต่ทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ได้ คนบ้า”
“ได้ยินสิ หูผมไม่ได้หนวกสักหน่อย แค่ปากเท่านั้นที่ไม่ว่าง"
หญิงสาวถอนใจกับความตื๊อของเขา “นิคคะ..”
“ครับผม”
“เอ๊ะ เดี๋ยวนี้ทำไมขี้เล่นจัง”
“ยังไงก็ดีกว่าดุไม่ใช่หรือ อ้าว ทำไมไม่พูดต่อล่ะ กำลังฟังอยู่นะ รีบพูดซะให้จบๆ ผมไม่ว่างนะ มีภารกิจสำคัญรออยู่ ว่าไง? หรือสนใจภารกิจที่ผมว่าจนไม่อยากพูดแล้ว”

“พูดจาน่าเกลียดอยู่เรื่อย ฟังให้ดีดีนะคะ ฉันกำลังจะบอกว่ากลับมาอยู่กันใหม่คราวนี้ คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ไปมีผู้หญิงที่ไหนอีก เรื่องจูดี้ฉันไม่สนใจ ไม่ถือสา ถือว่าช่วงที่คุณอยู่กับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะทำแบบเดิมอีกไม่ได้แล้วนะคะ ถ้าทำเมื่อไหร่เราก็ต้องเลิกกันทันที เข้าใจไหม?”

หญิงสาวรีบพูดอย่างรวดเร็ว กลัวจะไม่มีโอกาสได้พูดจนจบ เพราะปากจมูกมือไม้ของเขาไม่ยอมอยู่นิ่ง จนเธอเริ่มใจสั่น

“เข้าใจแจ่มแจ้งเลยละขอรับ คุณผู้หญิง”
“เข้าใจแล้วยังไงคะ”
“ก็มาเข้าภารกิจของผมเสียทีสิครับ”

แล้วเขาก็รั้งตัวเธอจะให้นอนลงไปบนเตียง พราวพรายพยายามขืนตัวเองเอาไว้ แต่ทำท่าว่าจะไม่สำเร็จ

“คุณต้องรับปากก่อน”

“เฮ้อ ผู้หญิงเนี่ยเป็นยังไงนะ ชอบคาดคั้นอยู่เรื่อย ตกลงทุกอย่าง ทั้งรับปากทั้งสัญญาเลยละ เอ้า..แถมสาบานให้อีกอย่างก็ได้ ว่าจะมีเมียคนนี้คนเดียวไม่ว่าว ันนี้หรือวันไหน ตลอดเวลาสี่ปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เคยรักใครเลย รักพราวคนเดียว พอใจหรือยัง” แล้วเขาก็รั้งตัวเธอให้นอนลงจนได้

คืนนั้นเมื่อได้นอนอยู่บนเตียงด้วยกันอย่างสามีภรรยาเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี ชายหนุ่มผู้มีความสุขล้นหลาม กอดพราวพรายแนบแน่นจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

“จากกันไปตั้งสี่ปี ป่านนี้พราวคงลืมไปหมดแล้วมั้งว่าผมเคยสอนอะไรไว้บ้าง”
“สอนอะไรคะ?” ตอนแรกพราวพรายไม่เข้าใจความหมายของเขา

“ถามแบบนี้แสดงว่าลืมหมดแล้วจริงๆ ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมจะสอนให้ใหม่ แต่บอกก่อนนะว่าสอนครั้งเดียวคงไม่พอ ต้องหลายๆครั้งหน่อยเป็นการกระตุ้นความจำ คุณจะได้นึกออก ดีไหม?”

พอเข้าใจความนัยของเขา พราวพรายก็แหนบเขาด้วยเล็บแหลมๆของเธอ

“บ้า!”

“อ้อ แล้วก็ต้องฝึกบ่อยๆด้วยนะ เป็นการทบทวนบทเรียน เดือนนึงมีสามสิบวันก็ต้องฝึกอย่างน้อยยี่สิบครั้ง เรียกฝึกเมื่อไหร่ต้องพร้อมทันที ห้ามเบี้ยว แล้วก็ห้ามลาป่วยลากิจด้วย เข้าใจไหม?”

หญิงสาวตกใจกับคำขู่ของเขาจนต้องร้องออกมาว่า “พูดบ้าๆ เอ๊ะ! บ้าจริงๆหรือเปล่าเนี่ย” แล้วเปลี่ยนจาก ‘รอยเล็บเหน็บเนื้อ’ มาเป็น ‘หมัดตะลุมพุก’ โดยพลัน

อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจก่อนจะเริ่มทบทวนบทเรียนบทแรกให้เธอ แล้วก็ตามที่เขาขู่ไว้ล่วงหน้า หลักสูตรที่มีหลายบทดำเนินไปเรื่อยๆ จนพราวพรายแทบจะขาดใจตาย กับบทพิศวาสที่เขาบรรจงสอนเธออย่างกูรูผู้เชี่ยวชาญโดยมิรู้เหน็ดรู้เหนื่อย เขาคงจะคิดทั้งต้นทั้งดอก รวมทั้งดอกเบี้ยทบต้นย้อนหลังไปถึงสี่ปี แก้แค้นเธอให้สาสมกับที่ทำให้หัวใจเขาแทบสลายด้วยการทิ้งเขาไป หลังจากนั้นก็หลับไหลไม่ไหวติงลงไปด้วยกันในอ้อมกอดแห่งรัก

ตลอดช่วงฮันนีมูนสิบวันในประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ หนุ่มสาวทั้งสองใช้เวลาให้หมดไปกับการแวะเวียนดูสถานที่ต่างๆ ที่เป็นที่ก่อเกิดของความรักความหลังที่ทั้งแสนสุขและสุดเศร้า ทั้งในจังหวัดอุบลราชธานี วังเวียงและหลวงพระบางรวมทั้งในเวียตนาม อพาร์ตเมนท์ในอุบลฯ ที่นิคเคยอยู่ และเป็นเสมือนเรือนหอหลังแรกถูกรื้อทิ้งไปแล้ว มีโรงแรมหกชั้นขนาดกลางผุดขึ้นมาแทน

แม้แต่บ้านเช่าหลังน้อยของสุนิสากับพราวพรายและหลังอื่นๆ อีกเป็นสิบๆหลังในละแวกนั้น ก็ถูกรื้อถอนทิ้งไปกลายเป็นหอพักนักศึกษาวิทยาลัยค รูที่เพิ่งเปิดขึ้นใหม่ เพียงชั่วเวลาสี่ปีที่จากไปนิคและพราวพรายพบความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในจังหวัดนี้ ที่ทำให้เศร้าและนึกถึงคำว่าอนิจจังไม่เที่ยง ไม่มีอะไรอยู่ยงคงที่ สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

หลังสิ้นสุดสงครามเวียตนาม กองกำลังทหารต่างชาติถอนตัวออกไปจากภูมิภาคแถบนี้ ทำให้จังหวัดอุบลราชธานีที่เคยคึกคักไปด้วยทหารต่างชาติและเมียเช่า กลายเป็นเมืองที่เงียบเหงาลงไปถนัดตา โรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งมีจำนวนผู้เข้าพักลดน้อยลงจนน่าใจหาย บางโรงแรมก็ต้องปิดตัวไป แต่สถานเริงรมย์หลายแห่งรวมทั้งบาร์วิมานทองยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ได้ ด้วยการอุดหนุนอย่างคึกคักจากชายไทยไม่เลือกวัย

นิคขับรถที่เช่ามาพาพราวพรายวกวนไปทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่ลานกว้างริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่เป็นเหมือนสถานที่เริ่มต้นของประวัติศาสตร์ความรักความหลังของคนทั้งสอง ที่นิคขอพราวพรายแต่งงานครั้งแรกแล้วเธอปฏิเสธ และต่อมาที่เธอบอกเขาเรื่องท้องเพราะความเข้าใจผิด จนนำไปสู่การจดทะเบียนสมรสแล้วพาเธอกับเขามาถึงวันนี้ วันที่หวนกลับมามองหาอดีตในครั้งนั้น เพื่อนำกลับไปเป็นความทรงจำที่อบอุ่นอ่อนหวาน เป็นทั้งประวัติศาสตร์และบทเรียนแห่งชีวิต ที่ต้องช่วยกันฟูมฟักรักษาเอาไว้ทั้งปัจจุบันและอนาคต

แล้วนิคกับพราวพรายก็เริ่มต้นชีวิตครอบครัวกันใหม่อีกครั้งหนึ่ ง โดยมีลูกชายตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ บทเรียนที่โหดร้ายในอดีตสอนคนทั้งสองให้ต้องช่วยกันประคับประคองนาวาชีวิตให้แล่นเรียบไปเรื่อยๆไม่โคลงเคลง มุ่งมั่นที่จะร่วมมือร่วมใจกัน ขจัดอุปสรรคต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากคลื่นลม ตั้งแต่คลื่นน้อยๆ พอเป็นระลอก ไปจนถึงคลื่มลมหรือคลื่นใต้น้ำขนาดใหญ่ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน ให้หมดรูปสิ้นฤทธิ์ลงไป ก่อนที่จะแปลงร่างกลายเป็นสึนามิ พัดกระหน่ำให้เรือต้องอับปางลงไปอีกครั้งหนึ่ง

คนทั้งสองต่างก็มุ่งมั่นที่จะปรับตัวเองเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข นิคนั้นไม่จำเป็นต้องปรับตัวเองมากมายนัก เพราะพื้นฐานอุปนิสัยและวัตรปฏิบัติส่วนตัวของเขาเป็นผู้มีระเบียบวินัย มีความสุขุมรอบคอบและจริยธรรมของผู้ครองเรือนครบถ้วน รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว ที่เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ ซื่อสัตย์และซื่อตรง หนักแน่นมั่นคงดั่งภูผา

ส่วนพราวพรายนั้นแม้จะต้องปรับตัวปรับใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เป็นการปรับตัวจากศูนย์ เพราะตอนนี้ไม่เหมือนตอนโน้น ตอนนี้เธอมีทุนสำรองที่สะสมมาเรื่อยๆจากประสบการณ์ชีวิตที่ยาวนานถึงสี่ปี ทุนที่ช่วยหล่อหลอมเธอจากสาวน้อยเจ้าอารมณ์ ผู้เรื่องมากและเอาแต่ใจตัวเองในสมัยก่อนมาเป็นเมียและแม่ที่สุขุมและใจเย็น รู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว เอาใจเขามาใส่ใจเรา เห็นความศักดิ์สิทธิสำคัญของสถาบันครอบครัว ที่ช่วยกันกอบกู้ขึ้นมาใหม่

แต่งงานกันได้เพียงปีเดียวนิคก็ต้องย้ายไปรับตำแหน่งสำคัญพร้อมด้วยยศที่สูงขึ้นในฐานทัพที่ฮาวาย พราวพรายลาออกจากงานที่บีบีซี ตามไปเป็นแม่บ้านอย่างเดียว กลางปีที่สองก็ได้ลูกเพิ่มอีกสองคนเป็นฝาแฝดชายหญิง ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของผู้ชายสองคนในบ้าน นิคนั้นพอรู้ว่าลูกคนสุดท้องเป็นผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพร าก็ตั้งท่าจะไว้หนวดไว้เคราทันที แต่พอถูกศรีภรรยาประท้วงว่าไว้หนวดเมื่อไหร่ก็ห้ามจูบเธอเมื่อนั้น เพราะเธอไม่ชอบถูกจูบโดยผู้ชายมีหนวด เขาก็เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนใจเพราะเขาชอบจูบเธอ

คุณจิตราซึ่งระยะหลังๆนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เดินทางมาช่วยลูกสาวคนเล็กเลี้ยงลูกฝาแฝดนานถึงสามเดือน โดยพาเด็กรับใช้ในบ้านที่ผ่านการฝึกฝนอย่างดีมาให้ด้วย เพื่อจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของบุตรี ในการดูแลบ้านและหลานๆ ของเธอหลังจากที่เธอกลับบ้านไปแล้ว

คุณจิตราชอบฮาวายเพราะอากาศดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป คุณพนัสเดินทางมาเป็นเพื่อนภรรยาซึ่งอ้างว่าต้องการให้เขามาด้วยเพราะเธอพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น สามีของเธอพักอยู่ด้วยไม่นานก็เดินทางกลับบ้านไปก่อน ตอนนี้พราวพรายกลายเป็นลูกคนโปรดไปแล้ว นิคเองก็กลายเป็นเหมือนลูกชายอีกคนหนึ่งไปด้วย แม่ยายคนไทยกับลูกเขยอเมริกัน ที่เคยเป็นเหมือนขมิ้นกับปูน เข้ากันได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ เจิดจรัสกับแฟรงค์มีลูกสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ซึ่งเกิดก่อนลูกฝาแฝดของพราวพรายหกเดือน ส่วนเจตน์ลูกชายคนโตและภรรยากับลูกสองคน พำนักอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภรรยาในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้

ตอนนี้คุณจิตราไม่ได้นั่งจับเจ่าเฝ้าแต่บ้านเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว เธอกลายเป็นนักเดินทางที่ตระเวณเดินทางไปที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ที่ลูกสามคนของเธอพำนักอาศัยอยู่กับครอบครัว ไปหาหลานๆ ไปพักอยู่กับพวกเขาระยะหนึ่ง ไปชื่นชมกับความสำเร็จในชีวิตครอบครัวของเขาเหล่านั้น แล้วก็กลับไปหาคุณพนัสผู้เป็นคู่ทุกข์คู่ยากของเธอ วนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป

ในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างสามีภรรยา ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี นิคนั้นหรือจะไปไหนรอดเมื่อพราวพรายผูกเขาไว้แน่นหนาด้วยเล่ห์เสน่หา เสน่ห์หญิงทั้งสิ้นทั้งปวงประดามีรวมถึง ’เรือนสามและน้ำสี่’ สำหรับหญิงผู้ครองเรือน ไม่ว่าจะน้ำคำ น้ำใจและน้ำมือ ถูกเธอนำมาใช้จนครบถ้วน ตั้งแต่ในห้องนอนไปจนถึงห้องครัว ไม่เว้นแม้แต่ในห้องรับแขก

ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าผู้ชายนั้นแม้จะเข้มแข็งแกร่งกล้า มีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตหรือยศศักดิ์สูงส่งน่าเกรงขามสักเพียงใด ก็ไม่เกินความสามารถของหญิงผู้เป็นภรรยาที่จะผูกใจเขาเอาไว้ ด้วยเล่ห์เสน่ห์หญิงที่มีลูกเล่นแพรวพราว รู้ว่าตอนไหนควรจะเล่นบทใด

ยามที่เขาเครียดจากเรื่องนอกบ้าน เธอก็มีหน้าที่คอยปลอบประโลมให้เขาหายเครียด เมื่อเขาร้อนมาเธอก็หาน้ำเย็นมาดับร้อนให้เขา ไม่ใช่พอเขาร้อนมาเธอก็ตอบโต้ด้วยการโยนไฟใส่เขาอีกกอง ทำให้ไฟกองเล็กๆ สองกองรวมตัวเป็นไฟกองเดียวกัน แล้วขยายตัวลุกลามไปเรื่อยๆจนกลายเป็นไฟกองใหญ่ ที่อาจจะทำให้บ้านทั้งหลังลุกไหม้วอดวายเป็นเถ้าถ่านลงไปได้ในพริบตา

พราวพรายได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆว่าผู้ชายนั้นต้องการเป็นคนสำคัญ ถ้าไม่สามารถจะเป็นคนสำคัญที่บ้านได้  อีโก้ที่สูงของเขาก็จะพาเขาไปหาความสำคัญจากที่อื่นหรือคนอื่น ถ้าเขาต้องการเป็น 'ผู้ยิ่งใหญ่' เธอก็มีหน้าที่ทำให้เขาสมปรารถนาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องรู้เลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อมี 'ผู้ยิ่งใหญ่' คนหนึ่งในบ้านได้ แล้วทำไมจะมี 'ผู้ยิ่งใหญ่กว่า' ในบ้านอีกคนไม่ได้

ผู้ยิ่งใหญ่กว่าคนนี้ มีหน้าที่สำคัญอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือทำให้ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นทำตามความต้องการของผู้ยิ่งใหญ่กว่าค นนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่หลงเข้าใจผิด คิดว่าไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าตัวเองอีกแล้ว จะสั่งใครให้ทำอะไรอย่างไรก็ได้ หารู้ไม่ว่าถูกผู้ยิ่งใหญ่ 'กว่า' ซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง ชี้นิ้วที่มองไม่เห็น สั่งให้เขาทำอะไรก็ได้อย่างที่ต้องการ

แม้จะยังงอนกับนิคอยู่บ้างเป็นครั้งคราวแต่พราวพรายก็ฉลาดพอที่จะเลือกงอนเฉพาะบางเรื่อง ที่จะช่วยกระตุ้นชีวิตสมรสให้สดชื่นมีชีวิตชีวา เป็นการงอนอย่างมีชั้นเชิงที่ทำให้ผู้ที่ถูกงอนต้องรีบง้อด้วยความเต็มใจ เพราะหลังการง้อเขาก็จะได้รับโบนัสพิเศษที่เขาชื่นชอบ

ถ้ามีใครถามเธอว่าโบนัสพิเศษที่นิคชื่นชอบคืออะไร พราวพรายก็คงจะทำหน้ายิ้มๆ แบบมีเลศนัยเหมือนสุนิสาในสมัยหนึ่งก่อนจะแย้มว่า

“ของอย่างนี้มันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวค่ะ ถ้าอยากรู้ต้องบอกฉันก่อนว่าคุณแต่งงานหรือยัง ถ้ายังก็คงต้องใจเย็นๆรอไปก่อน แต่ถ้าแต่งแล้วก็เอียงหูมาใกล้ๆ สิคะ พูดดังๆ ไม่ได้ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่อง...

‘ลับเฉพาะ’ !!!”


จบบริบูรณ์
ดอยสะเก็ด



ป.ล. ถ้าใครอ่านมาจนถึงบทสุดท้ายนี้แล้ว ช่วยกรุณาแสดงความเห็นด้วยได้ไหมคะ คนเขียนจะได้รู้ว่านิยายเรื่องนี้ดีหรือไม่ดีอย่างไร จะได้นำไปใช้กัยนิยายเรื่องต่อๆไปค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

ดอยสะเก็ด



 



Create Date : 31 สิงหาคม 2566
Last Update : 31 สิงหาคม 2566 14:49:13 น.
Counter : 705 Pageviews.

7 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5**, คุณSweet_pills, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse

  
จบแบบแฮปปี้
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 สิงหาคม 2566 เวลา:20:46:46 น.
  
เป็นนวนิยายสอนหญิงที่ดีมากค่ะคุณตุ้ย
ใครได้อ่านน่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตสมรสได้ดีค่ะ

โดย: หอมกร วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:7:36:24 น.
  
ก่อนอื่นขอบคุณคุณตุ้ยที่นำมาลงให้อ่านนะคะ

โดยรวมดีค่ะ แต่ค่อนข้างเยิ่นเย้อ ไม่กระชับ
แล้วก็ลงไม่ค่อยต่อเนื่อง คือทิ้งช่วงไปนาน เพิ่งจะมาช่วงหลังที่เร็วหน่อย
คือบางครั้งนานจนจำความเดิมแทบไม่ได้

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:8:36:33 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:13:57:33 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

ในที่สุดก็จบแบบ สุขนาฏกรรม ถึงจะไม่ได้อ่านตั้งแต่ต้น มาอ่านเอา
กลาง ๆ เรื่อง ก็พอสรุปได้ว่า มีการผูกปมเรื่องให้ชวนติดตาม อยากรู้
เรื่องตอนต่อไป เนื้อหา มีการสอดแทรกข้อคิดต่าง ๆ ไว้ ให้คนอ่านได้
คิดตาม ในเรื่องความรักของแม่ บางครั้ง รักมาก ห่วงมากเกินไป ก็ทำ
ให้ลูกเป็นทุกข์มากมาย ในแง่ความรักระหว่างหนุ่มสาว ถ้าชาย หญิง
มีความรักที่มั่นคง ซื้อสัตย์ ต่อกัน ปัญหาครอบครัวก็จะลดน้อยลงได้
มากมาย ปัญหาที่จะส่งกระทบต่อลูกที่จะเกิดขึ้นก็ลดน้อยลงไป

โดยสรุป อ่านเพลิน จ้ะ ถึงจะมีการบรรยายที่ไม่ค่อยกระชับนัก
ก็ตาม ขอบใจจ้ะ ที่มาชวนครูไปอ่าน นะจ๊ะ

พรุ่งนี้จะมาโหวดตอนอวสานบล็อกนี้จ้ะ วันนี้แวะไปอ่านตอน 91
ไปโหวดตอน 91 ซึ่งเธอไม่ได้มาบอก บล็อกนี้เลยไม่ให้โหวด พรุ่งนี้
มาให้กำลังใจใหม่ นะจ๊ะ

โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:15:02:17 น.
  

บอกกล่าวค่ะ


นิยายเรื่องนี้จบไปแล้ว อยากทราบว่ามีใครอยากอ่านเรื่องอื่นอีกไหมเอ่ย ยังเหลืออีกสามเรื่อง แต่เป็นเรื่องเก่าที่หลายคนอาจจะเคยอ่านเมื่อหลายปีที่แล้ว ทุกเรื่องก็มึคนติดตามอ่านกันมากพอสมควร

ใครอยากอ่านบ้างคะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 2 กันยายน 2566 เวลา:10:16:02 น.
  
ประเด็นสำคัญในเรื่อง
การที่บุพการี..หัวโบราญ
ซึ่งก็เป็นไปได้ในยุคนั้น .
ทำให้ความรักจองพระนางมีปัญหา
ทำให้ผูกเป็นเรื่องเป็นราวยาวไปๆ

แต่ในที่สุดก็กลับมาHappy Ending .
อ่านสนุกลุ้นๆไปมนแต่ละตอนของเรื่องค่ะ

ผู้ประพันธ์บรรยากาศรายละเอียดของอารมณ์
สถานที่ .
สภาพแวดล้อมในท้องเรืีองได้ละเ ียด
ทำให้เกิดภาพเข้าใจ
าอดคล้องกับเนื้อเรื่องในขณะนั้นๆ

ไม่ได้อ่านนิยายในบล็อกมานาน
ปกติเคยอ่านแต่ของน้องนุ่น .Lovereason
นามปากกา .พิมมาศ

และอ่านเรื่องแปล .ของ.แฟนพี่หนูหล่อ
ผู้อาวถโสแห่งบล็อกปกงค์..
แต่ด้วยวัยและปัญหาทางสายตา
เธอไม่ค่อยได้เขียนบล็อกแล้ว

การได้อ่านนิยายเป็นตอนๆของ ดอยสะเก็ต
เป็นเรื่องที่ 3 ที่อ่านแบบจุใจ
จบเล่ม .
ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ


จะรอติดตามเรื่องต่อไป .
สวัสดีค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 กันยายน 2566 เวลา:19:34:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
สิงหาคม 2566

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
12
13
14
15
17
18
19
21
23
24
26
28
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com