คนละฟากฟ้า - บทที่ 68
เมื่อรู้ว่าพราวพรายจะมาอยู่กับเขาประมาณห้าหกวันนิคก็รู้สึกดีใจ แต่พอเห็นหน้าเธอที่สนามบิน ชายหนุ่มก็ทักทันทีอย่างแปลกใจ

“ไม่สบายหรือเปล่า พราวผอมไปเยอะนะ หน้าตาก็ไม่ค่อยดีเลย คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?”


พราวพรายยิ้มจืดๆขณะอ้อมแอ้มบอกเขาว่า “ตอนนี้แม่ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ ก็โรคคนแก่ทั่วๆไป ความดันแล้วก็เกี่ยวกับหัวใจนิดหน่อย หมอให้ยามากินและสั่งไม่ให้เครียด แม่ติดคุณพ่อมากก็เลยรู้สึกเหงา ต้องให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อน พ่อเดินทางบ่อยก็จริงแต่ไม่เคยนานเหมือนคราวนี้”

“ตกลงเรื่องของเราว่าไง คุณแม่โกรธมากหรือเปล่า วันนั้นที่คุณโทรมาบอกว่าพูดกันแล้ว ไม่เห็นบอกว่าผลเป็นอย่างไร อยู่ๆก็วางโทรศัพท์ไปเฉยๆ ผมร้อนใจจะตาย ติดต่อคุณก็ไม่ได้”

หญิงสาวอ้อมแอ้มแก้ตัวว่า “ฉันไม่ได้วางสายหรอกค่ะ อยู่ๆมันก็ขาดไปเฉยๆ ช่วงสองสามวันนั่นรู้สึกว่าสัญญาณโทรศัพท์แถวบ้านจะไม่ค่อยดี”

“แล้วสรุปว่าอย่างไรเรื่องของเราน่ะ”
“อย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลยค่ะ ไว้ถึงบ้านก่อนดีกว่า”

ระหว่างที่ขับรถมุ่งหน้าไปบ้านพัก ชายหนุ่มซึ่งนึกถึงกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมๆสองใบของเธอขึ้นมาได้ ถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมคราวนี้เอากระเป๋ามาตั้งสองใบ” แล้วสัพยอกต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆว่า “หรือจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับผมเลย”

หญิงสาวพยายามยิ้มให้เขาขณะฝืนใจพูดเล่นไปกับเขาด้วย

“อยากมาอยู่ด้วยเหมือนกันแหละ จะได้นั่งๆนอนๆตามสบายเป็นคุณนายเสียที กระเป๋าอีกใบนั่นเป็นพวกอาหารและเครื่องปรุงน่ะค่ะ ขนมาจากกรุงเทพฯ”

อีกฝ่ายยิ้มเผล่ทำท่าดีใจขึ้นมาทันที “สงสัยว่าผมคงได้กินอาหารฝีมือคุณทุกวันแล้วสิ”

“ค่ะ ตั้งใจว่าจะทำอาหารให้คุณทุกวัน แต่คงเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นนะคะ ปกติตอนเช้ากับกลางวันคุณกินที่สโมสรในค่ายไม่ใช่หรือ?”

“มื้อเย็นมื้อเดียวผมก็ดีใจตายแล้วละ อีกอย่างก็ไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไปด้วย แต่ความจริงไม่ต้องทำก็ได้นะ ไปทานข้างนอกหรือที่สโมสรนายทหารก็ได้”

พราวพรายเอียงแก้มไปแนบกับต้นแขนของนิคข้างที่อยู่ใกล้เธอ ซึ่งเป็นกิริยาที่เธอไม่ค่อยทำกับเขาบ่อยนัก ยกเว้นเวลาจะประจบเอาใจเขา

“แต่ฉันอยากทำให้คุณทานนี่คะ นิค อยู่ด้วยกันมาเป็นปีแล้ว ทำอาหารให้คุณทานแทบนับครั้งได้ หรือที่ไม่อยากให้ทำเพราะฉันทำไม่อร่อยถูกปากคุณ”

“โถ อาหารฝีมือคุณน่ะอร่อยทุกอย่างแหละ อีกหน่อยพอเราย้ายกลับไปอเมริกาแล้ว สงสัยคุณคงต้องทำอาหารไทยส่งไปให้พ่อแม่ผมบ่อยๆ”

“คุณพ่อคุณแม่คุณรู้จักอาหารไทยด้วยหรือคะ?”

นิคหัวเราะ “รู้จักน่ะน้อยไป พ่อแม่ผมชอบอาหารไทยมาก แม่บอกว่านอกจากอร่อยแล้ว ยังมีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย กินเท่าไรก็ไม่อ้วน พ่อผมก็เห็นด้วย”

พราวพรายฟังแล้วรู้สึกวาบในหัวใจ เธอน่ะหรือจะมีโอกาสได้ทำเช่นนั้นให้พ่อแม่เขา?

นิคถามต่ออย่างสงสัยว่า “คราวนี้ทำไมมาอยู่กับผมได้หลายวันล่ะ ลามานานๆยังงี้จอห์นไม่มีปัญหาหรือ?”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันลามาตามสิทธิ เอ๊ะ..หรือคุณคิดว่าฉันอยู่นานเกินไปหรือไงคะ?”

“โธ่ คิดถึงคุณจะแย่ อยากจะหนีงานไปหาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว อยากให้คุณลาออกจากงานมาอยู่ที่นี่กับผมตลอดไปด้วยซ้ำ”

มีน้ำตาจางๆคลออยู่ในดวงตาของพราวพรายแต่นิคไม่เห็น เพราะกำลังขับรถอยู่ ท่าทางมีความสุขของเขายิ่งทำให้เธอเศร้าหนักขึ้นไปอีก ถ้าเขารู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่เธอมาหาเขาในครั้งนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร

ก่อนจะกลับไปทำงานต่อนิคถามว่า “ตอนนี้จะบอกผมได้หรือยังว่าคุณแม่ว่ายังไงบ้าง”

หญิงสาวซึ่งเตรียมคำพูดไว้แล้วเดินเข้าไปกอดเขา “ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ คิดว่าคงเรียบร้อย ไว้คุณพ่อกลับจากเมืองนอกแล้วฉันจะพาคุณไปบ้าน จะได้พบคุณพ่อกับแม่พร้อมๆกันเลย ตอนนี้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันหลายวัน พักเรื่องนั้นไว้ก่อนดีกว่า”

ชายหนุ่มมีสีหน้าดีใจ หน้าตาของเขาสดชื่นแจ่มใส เห็นแล้วพราวพรายก็รู้สึกสงสาร ตอนนี้เขากำลังมีความสุขคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อย แต่เมื่อรู้ความจริงเขาจะเป็นอย่างไร เธอต้องหลอกเขาไปก่อน เพื่อไม่ให้วันเวลาแสนสั้นที่จะได้อยู่ด้วยกัน กลายเป็นความทุกข์ของทั้งสองคน ตอนนี้ปล่อยให้เขามีความสุขไปก่อน ให้เธอเป็นฝ่ายทุกข์ไปคนเดียวโดยที่เขาไม่ต้องรับรู้

หลังจากนิคออกจากบ้านไปแล้ว พราวพรายก็เอาของฝากสำหรับเขาที่ซื้อจากกรุงเทพฯ ใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอน นำกล่องพลาสติคบรรจุอาหารสำเร็จสองสามอย่างที่เก็บไว้ได้นาน ที่เธอทำมาจากบ้านพักที่อุบลฯ ออกจากกระเป๋าอีกใบเข้าไปเก็บไว้ในตู้เย็นในห้องครัว ส่วนพวกอาหารแห้งและเครื่องปรุงต่างๆรวม ทั้งเครื่องแกงบรรจุซองหลายชนิดที่ซื้อมาจากกรุงเทพ ก็นำไปเก็บไว้ในตู้ลอย

หลังจากนั้นพราวพรายก็ทำความสะอาดบ้าน ซึ่งก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนักเพราะค่อนข้างสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว ต่อจากงานบ้านหญิงสาวเตรียมทำอาหารกลางวันให้นิค เธอบอกเขาแล้วว่าให้กลับมากินอาหารกลางวันที่บ้าน เที่ยงสิบนาทีนิคก็เดินขึ้นมาบนบ้าน มีพลทหารแม็กซ์คนเดิมเดินตามหลังมาด้วย หอบของมาเต็มสองมือ

“เอาอะไรมาเยอะแยะคะ นิค” พราวพรายถามเมื่อเห็นแม็กซ์วางถุงกระดาษสีน้ำตาลสองสามถุงลงบนโต๊ะอาหาร แล้วเดินกลับไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

“เห็นคุณว่าจะทำกับข้าวทุกวัน ผมก็เลยซื้อพวกเนื้อสัตว์แล้วก็ผักมาให้ จะได้ไม่ต้องออกไปซื้อที่ตลาดข้างนอก"

หญิงสาวเดินเข้าไปเปิดถุงออกสำรวจของข้างใน “ทำไมซื้อมาเยอะนักล่ะคะ มีทั้งไก่ หมู เนื้อ อ้าว เบคอน ใส้กรอก แฮมก็มีด้วย ฉันอยู่แค่ห้าหกวันเอง ซื้อมายังกับว่าฉันจะอยู่สักเดือนแน่ะ”

ชายหนุ่มหน้าเสียไปหน่อย “ไม่รู้นี่ ผมกะไม่ถูกหรอก แต่ของพวกนี้อยู่ในแพค ถ้าไม่ใช้ก็เก็บไว้ในตู้แช่ก็ได้นะ อยู่ได้เป็นเดือนเลย ถ้าเหลือก็เก็บไว้ให้คุณทำอาหารคราวหน้าเวลาคุณมาหาผมไง”

พราวพรายหน้าเจื่อนไปหน่อย คราวหน้างั้นหรือ?

“ซื้อมาจากไหนคะเนี่ย? คงไม่ใช่จากตลาดสดแน่”
“ผมให้แม็กซ์ไปซื้อให้ที่พีเอ๊กซ์”

ความจริงหญิงสาวอยากจะบอกเขาว่าเนื้อสัตว์ที่แล่ขายในตลาดสด จะใหม่และสดกว่าของที่ขายในพีเอ๊กซ์ ที่ต้องใช้เวลาในการขนส่งจากนอกประเทศ แต่เมื่อเห็นความหวังดีของนิค ที่ไม่อยากให้เธอต้องลำบากออกไปหาซื้อนอกค่าย เธอก็เลยไม่พูดอะไรให้เขาเสียน้ำใจ พราวพรายตั้งใจเอาไว้แล้วว่าตลอดเวลาห้าหกวันที่อยู่กับเขาที่นี่ เธอจะเอาใจตามใจเขาทุกอย่าง เพื่อที่เขาจะได้เก็บความทรงจำดีดีที่มีค่า ในช่วงสุดท้ายนี้เอาไว้ตลอดชีวิต

นิครับประทานอาหารกลางวันที่พราวพรายเตรียมไว้ให้อย่างเอร่ดอร่อย มื้อเย็นก็เช่นกัน ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ที่เธอเอาอกเอาใจเขา ไม่ตระแหน่แง่งอนเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา เธอชวนเขาพูดคุย ยิ้มแย้มให้เขาอย่างอ่อนหวานน่ารัก มีหลายครั้งที่เธอเดินเข้ามากอดเขา ปรนนิบัติดูแลเขาทุกอย่างๆที่เขาเคยอยากให้เธอทำมาตลอดแต่ไม่ค่อยจะสำเร็จ

คืนนั้นพราวพรายสวมชุดนอนแพรบางสีชมพูอ่อนเกือบขาวแสนเซ็กซี่ ที่เขาซื้อมาฝากจากอเมริกา แล้วคืนนั้นเมื่อเข้านอนด้วยกัน เธอก็ทำสิ่งที่นิคไม่เคยหวังว่าเธอจะทำ พอเขาล้มตัวลงนอนใกล้เธอ หญิงสาวก็ซุกตัวเข้าหาเขาแล้วจูบเขาแผ่วๆที่ปลายคาง ที่ทำให้เขาแปลกใจจนอดถามอย่างสงสัยไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้น วันนี้จูบผมก่อนได้ ทุกทีไม่ค่อยจะยอมจูบเลยนี่”
“จูบขอบคุณไงคะ”
“ขอบคุณผม? ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ที่คุณรักฉันมาก”
“เพิ่งจะรู้หรือไง?”
“รู้มานานแล้วละ”

พูดจบพราวพรายก็กอดนิคแนบแน่น กอดของเธอทำให้ชายหนุ่มแปลกใจ เธอทำเหมือนเป็นฝ่ายเริ่มต้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไป แต่เขาก็มีความสุขอย่างล้นเหลือที่รู้ว่าเธอต้องการเขา นิคจูบพราวพรายอย่างดูดดื่มหลายครั้ง ซึ่งเธอก็สนองตอบจูบของเขาอย่างอ่อนหวานซาบซึ้งและเต็มอกเต็มใจ

เมื่อเขารุกเธอต่อไปและหนักหน่วงขึ้นไปเรื่อยๆ เธอก็ไม่ปัดป้องเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา บอกตัวเองว่าทำไมจะต้องต่อต้านการแสดงความรักของเขา เขาเป็นสามีของเธอไม่ใช่หรือ ที่ผ่านมาเธอมัวแต่กลัวโน่นกลัวนี่ มีข้ออ้างต่างๆมากมาย ที่สืบเนื่องมาจากความกลัวมารดาและสำนึกว่ากระทำความผิด จนทำให้เธอไม่สามารถมีความสุขกับคนที่เธอรักได้เต็มที่เหมือนผู้หญิงคนอื่น

ขณะนี้ความกลัวทั้งมวลสูญสลายไปหมดสิ้น เพราะเธอได้ตัดสินใจใช้หนี้ชีวิตให้มารดาไปแล้ว เมื่อหนี้สินได้รับการชำระ ข้อห้ามต่างๆก็พลอยหมดข้อผูกพันไปด้วย ขณะนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายแสนดีแสนน่ารัก ที่เป็นสามีของเธอโดยถูกต้องในสายตาของกฏหมาย แม้จะเป็นโมฆะในสายตาของมารดาก็ตาม ตอนนี้มีแต่เขากับเธอเพียงสองคนเท่านั้น เขาเป็นของเธอและเธอก็เป็นของเขา แม้จะเป็นได้เพียงอีกไม่กี่วันเท่านั้นก็ตาม ทั้งนี้แม้หัวใจจะเป็นของเขาคนนี้แต่ร่างกายยังต้องเป็นของบิดามารดา ยังมีหน้าที่ของลูกในการต้องตอบแทนพระคุณต่อไป

การยื่นคำขาดของคุณจิตรา คือสิ่งที่ทะลายกำแพงบางๆแต่แน่นหนาและแน่นเหนียว ที่ขวางกั้นระหว่างนิคกับพราวพราย ตลอดช่วงเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาให้พังทะลายลงไป เมื่อหัวใจที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ พ้นจากการบังคับบัญชาของมารดา ทำหน้าที่ปลดปล่อยร่างกายของเธอ ให้โลดแล่นไปกับทุกสัมผัสของนิค ไม่ต่อต้านไม่ขัดขืน ไม่ลังเลที่จะผนึกทั้งกายและใจ เข้าไปรวมกับใจและกายของเขาจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ยอมให้เขาพาเธอล่องลอยไปตามท่วงทำนองของเพลงรัก

แล้วในที่สุดพราวพรายก็สัมผัสได้เป็นครั้งแรก ถึงความสุขแบบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต จดทะเบียนแต่งงานกับนิคมาปีกว่า หญิงสาวเพิ่งจะตระหนักได้ในคืนนี้เอง ว่าความสุขอย่างถึงที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาเป็นอย่างไร ไม่เห็นมีอะไรน่าเกลียดน่ากลัว น่าเบื่อน่ารำคาญหรือครึ่งๆกลางๆ เหมือนครั้งก่อนๆเลย ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเรื่องทุกเรื่องขึ้นอยู่กับใจอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าใจยอมรับได้ทุกอย่างก็หมดปัญหา มันเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ที่งดงามอ่อนหวานและน่ายินดี แต่ในขณะเดียวกันมันก็น่าเศร้ายิ่งนัก เพราะมันจะมีอายุยืนยาวอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

หลังจากนั้นนิคก็กอดพราวพรายไว้แนบอกอย่างมีความสุขที่สุด จูบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่ามิรู้หน่าย พิษจากคำพูดโพล่งๆโดยไม่คิดของพราวพราย ที่เคยบอกว่าไม่ชอบมีเซ็กส์กับเขา ที่ทำให้เขาเสียใจเหมือนความเป็นชายถูกหมิ่นหยาม จนเขาต้องคิดหนักเกือบทุกครั้งที่จะแตะต้องเธอ มลายหายวับไปหมดสิ้น มีแต่ความสุขที่รู้ว่าเธอยอมรับเขาได้แล้ว เธอตอบสนองเขาแล้ว ไม่มีการปิดกั้นตัวเองอีกต่อไป ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะหวานได้ถึงเพียงนี้ หลงคิดว่าเธอเย็นชาไร้อารมณ์เสียอีก

ตลอดสี่คืนที่อยู่ด้วยกัน พราวพรายมอบทั้งกายและใจให้นิคอย่างเต็มที่ และเขาก็มีความสุขอย่างที่สุด ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าความสุขของเขาช่างมีอายุแสนสั้น อีกไม่กี่วันมันก็จะสูญสลายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ราวกับสายหมอกในยามเช้าตรู่ ที่ค่อยๆสลายตัวหายไปโดยไร้ร่องรอย เหมือนไม่เคยมีตัวตนยามเมื่อต้องแสงอาทิตย์

ก่อนกำหนดกลับหนึ่งวันพราวพรายก็บอกนิคว่า “นิคคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณค่ะ”

“มีอะไรสำคัญมากเลยหรือ” ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มๆล้อเธอเล่น “ มิน่าล่ะ หน้าซีเรียสจนผมชักจะกลัวแล้วนะ”

พราวพรายอึ้ง ยังพูดไม่ออกแม้จะเตรียมตัว เตรียมใจและเตรียมคำพูดมาหลายวันแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆกลับพูดไม่ออก เพราะรู้ดีว่าผลจากคำพูดของเธอ จะทำให้ชายผู้เป็นที่รักต้องเจ็บปวดอย่างที่สุด เธอรู้ว่าเขาต้องเจ็บปวดแน่ เพราะเขารักเธอมาก และยิ่งตอนนี้เขารู้แล้วจากทั้งคำพูดและการแสดงออกของเธอ ว่าเธอเองก็รักเขามากเช่นเดียวกัน เขากำลังมีความสุข แล้วอยู่ๆโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเธอก็ส่งเขาให้พ้นออกไปจากชีวิต

“มีคนส่งสำเนาทะเบียนสมรสของเราไปให้แม่ฉัน”

ชายหนุ่มที่นั่งเอนๆอยู่ใกล้เธอ ตกใจจนต้องผลุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองหน้าเธอเขม็งเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

“ว่าไงนะ?”
“ใครก็ไม่รู้ถ่ายสำเนาทะเบียนสมรสของฉันกับคุณส่งไปที่บ้าน จ่าหน้าซองถึงแม่ฉัน”

นิคอึ้งพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขตต์พูดวันสุดท้ายที่พบกัน

“อย่างน้อยก็ต้องมีชื่อคนส่งไม่ใช่หรือ?”

“ไม่มีหรอกค่ะ ไม่มีจดหมายหรือโน๊ตอะไรแนบมาด้วย ส่งมาแต่กระดาษแผ่นเดียว บนซองไม่มีตราไปรษณีย์ประทับ แสดงว่าไม่ได้ส่งทางไปรษณีย์ คงเอามาหย่อนไว้ในตู้รับจดหมายหน้าบ้าน หน้าซองก็พิมพ์แต่ชื่อแม่ ไม่มีนามสกุล”

นิคนิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เป็นไปได้ยังไง ใบทะเบียนอยู่กับคุณไม่ใช่หรือ? คุณเอาให้สุนิสาหรือใครดูมั่งหรือเปล่า”

“ไม่เคยให้ใครดูทั้งนั้น ฉันเก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน กลับมานี่ก็ตรวจดูแล้ว ยังอยู่ครบทั้งสองใบ ฉันไม่สงสัยแอ๋วหรอกค่ะ นิค แอ๋วไม่รู้ว่าฉันเก็บอะไรไว้ที่ไหน และถึงรู้ฉันก็เชื่อว่าแอ๋วจะไม่ทำร้ายฉันแบบนั้น จะต้องเป็นใครสักคนที่เจตนาไม่ดีกับฉันหรือคุณ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเท่านั้น”

“แต่ความจริงไม่มีใครรู้เรื่องการจดทะเบียนของเราไม่ใช่หรือ?”
“นั่นสิคะ”

ช่วยไม่ได้ที่นิคแวบนึกไปถึงเขตต์อีกแล้ว “ต้องมีใครสักคนที่รู้เรื่องนี้ แล้วแม่คุณว่าไง โกรธหรือเปล่า”

“พอเห็นทะเบียนนั่นแม่ฉันก็ความดันพุ่งพรวดจนช็อคไปเลย ต้องส่งโรงพยาบาล”

นิคตกใจ “โธ่ ไม่น่าเลย ผมเสียใจจริงๆที่เรื่องของเราทำให้ท่านต้องล้มป่วย”

“ค่ะ แม่เป็นโรคความดันสูงกับหลอดเลือดหัวใจตีบอยู่แล้ว พอมีเรื่องสะเทือนใจโดยกระทันหัน อาการก็เลยกำเริบจนช็อคไป ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน”

“แล้วตอนนี้เป็นยังไง ทำไมคุณไม่อยู่ดูแลท่านไปก่อนล่ะ”
“แม่กลับบ้านแล้วละค่ะ แต่ก็ยังไม่แข็งแรงเหมือนเก่า”

“แต่ตอนนี้แม่คุณรับได้แล้วไม่ใช่หรือเรื่องที่เราจดทะเบียนกัน” นิคถาม อย่างกระตือรือร้น

“วันแรกที่มานี่คุณบอกว่าเรียบร้อยแล้ว รอให้คุณพ่อกลับมาก่อนจะพาผมไปพบพวกท่าน ไปเสียตอนนี้เลยไม่ดีหรือ พบคุณแม่คนเดียวก่อนก็ได้คราวหลังค่อยพบคุณพ่อ ไหนๆคุณแม่ก็รู้เรื่องหมดแล้ว เราก็มีหน้าที่ต้องไปขอโทษท่านโดยเร็วที่สุด อย่ารอต่อไปเลย ผมว่าตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจแล้ว ว่าใครเป็นคนส่งเอกสารนั่นไปให้ท่าน ท่านรู้แล้วก็ดีเหมือนกัน จะได้จบเรื่องกันเสียที ไม่ต้องมาคอยปิดๆบังๆ กลัวใครจะรู้”

“นิคคะ” พราวพรายรู้สึกปวดร้าวกับการมองโลกในแง่ดีของเขาจนทนฟังต่อไปไม่ไหว

“แม่ฉันไม่ยอมรักษาตัวเลย ยาที่หมอให้มาและกำชับว่าต้องกินทุกมื้อ ขาดไม่ได้ แม่ก็กินมั่งไม่กินมั่ง อาหารก็เหมือนกัน แม่ผอมและทรุดโทรมไปมาก ยิ่งกว่านั้นแม่อาจจะต้องเข้าผ่าตัดทำบายพาสหัวใจเร็วๆนี้ แต่แม่ก็พูดคล้ายๆจะไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น แม่นอนร้องไห้ทุกวัน ฉัน..ฉัน”

คราวนี้ชายหนุ่มเริ่มสงสัยกับคำพูดและสีหน้าท่าทางของพราวพรายขึ้นมาบ้างแล้ว “พราว ตกลงว่าอย่างไรกันแน่ ไหนคุณบอกว่าเรียบร้อยหมดแล้ว”

“นิคคะ อย่าโกรธเลยนะ ตอนนั้นฉันไม่ได้บอกความจริงคุณ เพราะอยากจะลืมทุกอย่างให้หมด อยากอยู่กับคุณที่นี่สักสามสี่วันอย่างมีความสุข ไม่ต้องคิดถึงใครหรือเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ถึงยังไงก่อนกลับฉันก็ต้องเล่าทุกอย่างให้คุณฟังอยู่ดี”

“พราว บอกความจริงผมมาเดี๋ยวนี้ แม่คุณโกรธมากใช่ไหม สรุปว่าที่ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลก็เพราะเรื่องของเราใช่หรือเปล่า” หน้าของเขาเครียดขึ้นมาทันที

“ค่ะ แม่ช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล เร็วๆนี้ก็อาจจะต้องทำบายพาสหัวใจ” เธอย้ำอีกครั้ง

“ตกลงคุณจะเล่าให้ผมฟังไหม ว่านอกจากเสียใจจนล้มป่วยแล้ว คุณแม่มีความเห็นเรื่องของเราว่าอย่างไร” นิคเริ่มรู้สึกว่าพราวพรายมีเรื่องสำคัญมากกว่านั้น ที่ยังไม่ยอมบอกเขา

หญิงสาวละล้าละลัง เจ็บปวดกับสิ่งที่จะต้องพูดออกมา รู้อยู่เต็มอกว่าคนฟังจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่า แล้วในที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่สามารถจะยืดเวลาได้อีกต่อไป เธอก็บอกเขาว่า “แม่รับไม่ได้ ขอให้เราเลิกกัน”

สิ้นสุดคำพูดของเธอ นิคก็ทำท่าเหมือนสะดุ้ง หน้าของเขาซีดขาวราวแผ่น กระดาษ แล้วต่อมามันก็แดงก่ำ เขาจ้องมองเธอนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง แต่แม้จะไม่เชื่อ ชายหนุ่มก็ยังหวัง หวังว่าไม่เธอพูดผิดเขาก็คงฟังผิด

“อะไรนะ แม่คุณขอให้เราเลิกกัน?”

พราวพรายน้ำตาปริ่มเมื่อบอกเขาด้วยเสียงเศร้าๆว่า “ค่ะ นิค แม่ขอให้ฉันถอนทะเบียนกับคุณ”

นิคนิ่งไปนาน จนหญิงสาวเริ่มตกใจว่าเขาเป็นอะไรไป “นิคคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า แต่ผมได้ยินที่คุณบอกผมแล้ว” เขาอึ้งไปอีกอึดใจหนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเรียบๆว่า “แม่คุณขอให้เราเลิกกัน ผมคงไม่ถามถึงเหตุผลว่าเพราะอะไร ผมไม่อยากรู้เพราะมันไม่สำคัญสำหรับผม แต่ที่สำคัญที่สุดและผมอยากรู้มากที่สุด คือคำตอบที่คุณตอบคุณแม่”

เห็นท่าทางของนิคแล้วพราวพรายก็ใจหาย แม้สีหน้าวาจาของเขาจะสงบราบเรียบ แต่เธอก็รู้ว่าเป็นเพราะเขายังหวังว่าคำตอบของเธอจะไม่ทำร้ายเขา เขารักเธอและรู้ว่าเธอก็รักเขา เขาหวังว่าเธอจะยืนเคียงข้างเขา จับมือกันอย่างมั่นคงแล้วเดินฝ่าลมมรสุมไปด้วยกัน จะล้มลุกคลุกคลานก็ล้มลงไปด้วยกัน จะไม่ยอมพลัดพรากจากกันด้วยฝีมือของใคร

“นิคคะ เห็นใจฉันบ้างเถิด ฉันไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของแม่ได้ แม่ป่วยหนักเพราะเครียดเรื่องนี้จนต้องเข้าโรงพยาบาลสองครั้ง ฉัน..ฉัน”

หญิงสาวไม่สามารถจะพูดจนจบได้ เพราะก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาเสียก่อน

นิคมองผู้หญิงที่กำลังใช้สองมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเจียนใจจะขาดอยู่ตรงหน้า อ้ำอึงตะลึงตะไลกับคำพูดที่มาพร้อมกับคมมีดของเธอ

แล้วในที่สุดเมื่อรู้สึกตัวเขาก็ถามว่า “หมายความว่าคุณจะเลิกกับผมยังงั้นหรือ?”

พราวพรายไม่ตอบ ยังร้องไห้คร่ำครวญอยู่เหมือนเดิม มองเธออยู่พักหนึ่งชายหนุ่มก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินไปหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารมาจุดสูบ เหมือนกำลังพยายามระงับอารมณ์ หน้าของเขาหมองคล้ำขึ้นมาทันตาเห็น

สูบบุหรี่หมดมวนนิคก็เดินกลับมานั่งตรงที่เดิม

“พราว พาผมไปหาแม่คุณได้ไหม ผมจะพูดกับท่านเอง จะขอร้องท่านให้ยกโทษให้เรา คุณแม่จะลงโทษอย่างไรก็ได้ ขอแต่อย่าให้เราต้องเลิกกันเท่านั้น”

“โธ่ นิค..นิค”

พราวพรายคร่ำครวญเรียกชื่อเขาแล้วลุกจากเก้าอี้ โผเข้ากอดเขาแนบแน่น ชายหนุ่มกอดตอบ ซบหน้าลงบนเส้นผมที่ตอนนี้กระจัดกระจายปรกหน้าปรกตาเธอ

“ได้ไหม? พาผมไปพบท่านได้ไหม?”

พราวพรายสะอื้นไห้ กระท่อนกระแท่นบอกเขาว่า “ฉันบอกแม่แล้วว่าขอพาคุณไปพบ แต่แม่ปฏิเสธเด็ดขาด ฉันพยายามทุกอย่างแล้วแต่แม่ใจแข็งมาก ไม่ยอมอะไรเลย แล้วยังห้ามขาดไม่ให้พูดเรื่องนี้กับคุณพ่อด้วย”

"แล้วถ้าผมจะไปพบท่านโดยไม่ขออนุญาตล่วงหน้าล่ะ?"

อีกฝ่ายตกใจจนหน้าซีด เพราะรู้จักมารดาดีกว่าเขา
"อย่าเลยค่ะ นิค ไม่ได้ผลหรอก"

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว "ทำไมถึงจะไม่ได้ผล อย่างน้อยท่านก็ต้องเห็นความจริงใจของผมที่จะไปกราบขอโทษท่าน"

"โธ่..นิคคะ" พราวพรายกลุ้มใจหนักขึ้นไปอีก แสนสงสารเขายิ่งนัก "คุณยังไม่รู้จักแม่ฉัน"

"ทำไม ถ้าผมเดินเข้าไปในบ้านไปขอพบแม่คุณแล้วจะเป็นยังไง?" อีกฝ่ายไม่เข้าใจอยู่ดี

"แม่ฉันก้อ..ก้ออาจจะให้คนมาไล่คุณออกจากบ้านก็ได้ แม่พูดไว้ก่อนแล้วว่าถ้าฉันดื้อดึงพาคุณเข้าบ้าน แม่ก็จะไล่คุณออกไป"

"ไม่เป็นไร ผมจะพยายามทนก็แล้วกัน จะยอมทนจนกว่าท่านจะใจอ่อน"

"นิคคะ คิดว่าจะทนได้หรือคะถ้าถูกไล่เหมือน..เหมือน..ไม่ใช่คน"

ความจริงคำที่เธอพูดออกมาไม่ได้คือ 'เหมือนหมูเหมือนหมา' เหมือนกับที่สามีของเจิดจรัสเคยโดนมาแล้ว

คราวนี้ชายหนุ่มอึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นว่า "ถ้าจำเป็นต้องทนผมก็ทนได้"

"ถึงคุณจะทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้ค่ะ ฉันทนเห็นแม่ฉันทำแบบนั้นกับคุณไม่ได้เด็ดขาด"

ขณะที่นิคนิ่งอั้นไปเสียงวิทยุติดตามตัวก็ดังขึ้น ชายหนุ่มดึงวิทยุที่ยังเสียบอยู่แถวเอวขึ้นมาตอบรับ พูดโต้ตอบกันสองสามประโยค เขาก็ดึงตัวพราวพรายให้ยืนขึ้น บอกเธอด้วยสีหน้าที่แห้งแล้ง

“ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ผมต้องรีบไป ผู้การฯเรียกประชุมด่วน”

นิคซึ่งยังอยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อน เพราะเพิ่งเลิกงานกลับมาถึงบ้านพักไม่นาน เดินไปคว้าเสื้อเครื่องแบบที่วางพาดอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง มาสวมอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปที่ประตูหน้า

“นิคคะ คุณยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย” พราวพรายเดินตามไปท้วง

“ไม่เป็นไร ผมยังไม่หิว คุณทานก่อนได้เลย ไม่ต้องรอผม ไม่รู้ว่าจะประชุมกันนานแค่ไหน ผมไปก่อนละ”

หญิงสาวมองตามหลังเขาไปอย่างมึนงง ทั้งสมองและหัวใจของเธอทำงานอย่างหนักจนรู้สึกเปลี้ยไปหมด เมื่อนิคขับรถจากไปแล้ว เธอก็โซเซกลับมานั่งจมจ่อมอยู่ตรงที่เดิม อยู่กับปัญหาชีวิตที่ต้องตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่

 



Create Date : 14 พฤษภาคม 2566
Last Update : 23 พฤษภาคม 2566 16:18:09 น.
Counter : 612 Pageviews.

13 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณสองแผ่นดิน, คุณ**mp5**, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณอุ้มสี, คุณปัญญา Dh, คุณเนินน้ำ, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณJohnV, คุณฝากความคิดถึงไปกับสายฝน, คุณกิ่งฟ้า, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว

  
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 14 พฤษภาคม 2566 เวลา:7:57:59 น.
  
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม วันนี้อย่าลืมไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนะ
โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2566 เวลา:8:42:41 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 14 พฤษภาคม 2566 เวลา:14:40:36 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้อง ดอยสะเก็ด

ขอบใจจ้ะที่ไปบอกที่บล็อกครู ว่า แพรวพราย ตอนใหม่มาแล้ว
กลับจากเลือกตั้ง บ่าย ๆ นั่งอ่านต่อ อ่านไปแล้ว ก็สงสาร นิค มาก ๆ
เลยเนาะ เขาไม่มีความผิดเลยที่แพรวพรายจะตัดสินใจทำร้ายเขา
เช่นนั้น น่าจะลองเสี่ยงให้นิคไปพูดกับยายจิตรา นะ อิอิ สงสัยยาย
จิตรา ไม่เข้าใจคำว่า "ความรัก" และการเลี้ยงลูก เลี้ยงได้แต่ตัว แก
ไม่ได้รักลูกจริง รักแต่ตัวเอง รักหน้าตัวเอง กลัวคนนิทรา มีลูกเขย
เป็นฝรั่งผมแดง จีไอ มั้ง เนาะ อิอิ

โหวดหมวด งานเขียนฯ

รออ่านต่อ นะจ๊ะ ว่า ทั้งคู่จะทำอย่างไร ต่อไป จ้ะ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 14 พฤษภาคม 2566 เวลา:15:48:11 น.
  
นี่แหละโทษของการโกหกค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 14 พฤษภาคม 2566 เวลา:21:08:58 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยมากค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:0:21:51 น.
  


หากเป็นเรา
ไม่ใช่พราว เราคงเลือกนิค
ไม่ใช่เพราะอกตัญญู
แต่เพราะชีวิตเป็นของเรา
แล้วค่อยๆ..แก้ไขปัญหากับครอบครัว

แต่ลุ้นๆๆกันต่อไปนะคะ
เรื่องเริ่มตึงเครียดสงสารนิค
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 15 พฤษภาคม 2566 เวลา:4:46:16 น.
  
มาอ่านค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:8:23:17 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:9:57:17 น.
  
มาอ่านงานเขียนครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 16 พฤษภาคม 2566 เวลา:10:44:19 น.
  
มาทักทายและส่งกำลังใจค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 17 พฤษภาคม 2566 เวลา:11:46:38 น.
  
ขอบคุณที่เข้าไปเยี่ยมชมบล็อคค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 23 พฤษภาคม 2566 เวลา:9:35:00 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกนะครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 พฤษภาคม 2566 เวลา:15:09:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤษภาคม 2566

 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com