คนละฟากฟ้า - บทที่ 56
 

คืนนั้นหนุ่มสาวทั้งสองกลับจากรับประทานอาหารค่ำ ที่สโมสรนายทหารในบริเวณค่าย เข้าถึงบ้านพักประมาณสามทุ่ม พราวพรายเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน ส่วนนิคซึ่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงและเสื้อนอนหลวมๆก่อนหน้านั้นแล้ว ออกมานั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างนอก เขาเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเธอเดินเข้ามาหา เห็นใบหน้าสะอาดสะอ้านงามผุดผาดจับตา ที่ล้อมรอบด้วยผมดกยาวสีน้ำตาลไหม้หยักโศกเล็กน้อย เธอสวมเสื้อคลุมนอนสีขาวทับเสื้อนอนสีเดียวกัน ซึ่งเขาคิดว่าก็คงไอ้ชุดนักเรียนประจำรุ่มร่ามแบบเดิมนั่นแหละ

“เงียบจังเลยนะคะนิค เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง คนที่นี่เขานอนกันแต่หัวค่ำหรือไง”
“ทำไม มาถึงไม่กี่ชั่วโมงก็เบื่อแล้วหรือ?”
“เปล่า แค่เห็นว่ามันเงียบเท่านั้นเอง” พอนึกขึ้นได้เธอก็รีบตั้งคำถาม “ในค่ายนี่มีผู้หญิงด้วยหรือ ฉันเห็นตั้งหลายคน ตอนแรกนึกว่ามีแต่ผู้ชายเสียอีก”
“ก็พวกลูกเมียทหารน่ะแหละ ไม่มีคนอื่นหรอก”

พอได้ยินคำตอบ พราวพรายก็ถามต่อทันทีว่า “เอ๊ะ..คุณเคยบอกว่าเขาไม่ให้เอาครอบครัวมาอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ แต่อนุญาตให้มาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราว ทีละไม่กี่วัน แต่ถ้าเหตุการณ์ไม่ค่อยปกติก็ห้ามไม่ให้เข้าทั้งนั้น ไม่ว่าลูกเมียใคร ที่คุณเห็นก็แค่ไม่กี่คน ทหารที่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่ลูกเมียอยู่ในอเมริกา ไม่งั้นก็เช่าบ้านอยู่หน้าค่าย”

“แล้วคุณล่ะ มีเมียคอยอยู่ที่อเมริกาหรือเปล่า ตอนจดทะเบียนฉันก็ลืมถาม”
“อะไรอีกล่ะจะหาเรื่องอีกหรือไง”
“เปล่าแค่อยากรู้ ถามไม่ได้หรือไง”

“มาถามอะไรเอาป่านนี้ล่ะ ตอนจดทะเบียนสมรสผมก็มีหนังสือรับรองสถานภาพที่ขอจากสถานทูตฯ มายื่นเป็นหลักฐานไว้กับเจ้าหน้าที่ทะเบียนฯแล้วนี่ ถ้าผมไม่มีหลักฐานรับรองว่าเป็นพลเมืองอเมริกันและยังโสด เขาก็คงไม่รับจดทะเบียนให้หรอก ตอบแค่นี้พอใจหรือยังล่ะ”

พราวพรายทำปากยื่น “ไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนรออยู่ที่โน่น แต่อาจจะมีกิ๊กก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

“อย่ามาไล่ต้อน ไม่สำเร็จหรอก ผมไม่ใช่อรรณพจะได้มีทั้งเมียมีทั้งกิ๊ก”
“อย่ามาว่าเพื่อนฉันเป็นกิ๊กนะ คนบ้า”
“อ้าว หรือไม่จริง แล้วเรื่องนี้คุณก็เริ่มก่อนนะ”

นิคมองพราวพรายอย่างขันๆกับหน้าตาท่าทางของเธอ อดคิดไม่ได้ว่าเธอยังเหมือนเด็กอยู่แท้ๆ เขาหลอกเด็กมาแต่งงานด้วยหรือเปล่าหนอ ก็เพราะเธอยังเหมือนเด็กอยู่น่ะสิที่ทำให้เขาพยายามที่จะไม่คิดมาก แต่บางเรื่องมันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องคิดไม่ใช่หรือ?

เห็นเธอหาวหวอดๆ หลายครั้งติดๆกัน ชายหนุ่มก็เลยบอกว่า “ง่วงก็เข้าไปนอนเถอะ ดึกแล้ว”
“แล้วคุณล่ะ ยังไม่ง่วงหรือไง? หรือมีอะไรต้องทำอีก?”
“มีนิดหน่อย คุณไปนอนก่อนเถอะ”

ชายหนุ่มตอบไม่เต็มคำแล้วลุกขึ้นยืน จูงมือพราวพรายให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน เมื่อเธอลงนอนเรียบร้อยเขาก็คลี่ผ้าห่มออกคลุมให้ ก้มลงจูบหน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง

“ห้ามออกไปไหนนะ” หญิงสาวลืมตาขึ้นมาร้องสั่งทั้งๆที่ง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว “ต้องอยู่ในบ้านนะ ฉันกลัว”
“กลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย”

พราวพรายเบิกตามองไปรอบห้องนอน ไฟสลัวตรงหัวเตียงยิ่งทำให้เธอหวาดมากขึ้น
“บ้านมันเก่าๆ มืดๆ ชอบกล บ้านเก่าแบบนี้มีใครตายมั่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วแถวนี้ก็เงียบอีกต่างหาก อย่าออกไปข้างนอกนะ”

“กลัวอะไรเป็นเด็กๆไปได้ ไม่มีอะไรหรอกน่า หรือว่ากลัวผี”
“ก็ใช่น่ะสิ ห้ามปิดไฟนะ เปิดทิ้งไว้ก่อน ไว้เวลาคุณเข้ามานอนค่อยปิด” เธอสั่ง

นิคส่ายหน้ากับความกลัวของพราวพราย ยืนมองเธออยู่ครู่หนึ่งก็เดินออกไปจากห้อง ไปนั่งสูบบุหรี่อยู่เงียบๆคนเดียว เขาไม่ได้มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษหรอก แต่ไม่อยากเข้ามานอนเพราะไม่ไว้ใจตัวเองว่าจะไม่ทำให้เธอขุ่นเคืองขึ้นมาอีก คำพูดคืนนั้นของเธอทำให้เขาคิดหนัก และยังคิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพราวพรายฝืนใจ เกือบทุกครั้งที่เขาใช้สิทธิความเป็นสามี แล้วเขาก็ยังรู้ด้วยว่าเธอพยายามฝืนความรู้สึกของตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้ตอบรับการเล้าโลมของเขา ดูเหมือนเธอพยายามที่จะบล็อคอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เย็นชาทางเพศ แต่เขาเชื่อว่าเป็นเพราะความขัดแย้งในใจเธอ เรื่องข้อห้ามต่างๆของทางบ้านมากกว่า จิตใจของเธอจึงสั่งร่างกายให้ต่อต้านเขาทุกครั้ง เพราะความรู้สึกผิดต่อบิดามารดา และขนบ ธรรมเนียมประเพณีที่ซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก

ส่วนพราวพรายนั้นก็เริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วกับความผิดปกติของนิค เป็นไปได้อย่างไรที่เขาไม่แตะต้องเธอมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เธอเริ่มรู้จักเขามากขึ้นกว่าเก่า รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายไฟฟ้าแรงสูง คอยแต่จะวุ่นวายกับเนื้อตัวเธออยู่เป็นประจำทุกครั้งที่พบกัน ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเขากับเธอกว่าจะได้เจอกันแต่ละทีก็นานเป็นเดือน ก่อนหน้าจะแต่งงานกันเขาอาจจะมีผู้หญิงบ้างตามประสาหนุ่มโสด แต่พราวพรายเชื่อว่าหลังจากมีเธอ เขาไม่เคยไปวุ่นวายกับใคร

แม้จะคิดในแง่เชื่อใจเขา แต่ความหวาดระแวงตามประสาผู้หญิงยังมีอยู่ ที่มาหาเขาถึงที่นี่ก็เพราะอยากจะมาพิสูจน์ด้วย ว่าเขามีอะไรอยู่ทางนี้บ้างหรือเปล่า ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยู่แบบฤาษีได้นานเป็นเดือนๆ เธอกับเขาไม่ได้พบกันเกือบสองเดือนแล้ว คืนนี้เขาก็ทำท่าแปลกๆ หญิงสาวนอนคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับนิคแต่ก็ยังคิดไม่ออก จะว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่หรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะท่าทางเขายังรักใคร่ใส่ใจต่อทุกข์สุขของเธอเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าจะมีก็คงเรื่องความสัมพันธ์ในแง่สามีภรรยาเท่านั้น

เอ๊ะ..หรือว่าเขาจะเบื่อเธอเพราะแต่งงานกันมาหลายเดือนแล้ว หรือตอนนี้เธอกลายเป็นของเก่าไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ยิ่งสงสัยก็ยิ่งโมโห เพราะคิดว่าตัวเองยอมเสียสละตั้งมากมาย ที่ยอมจดทะเบียนสมรสด้วย ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าบิดามารดารู้เข้าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน เธอทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้เขายังไม่เห็นใจเธออีกหรือ พราวพรายยังอ่อนประสพการณ์อยู่มาก จึงไม่รู้ว่าคำพูดโพล่งๆโดยไม่คิดของตัวเอง ทำร้ายความรู้สึกของเขาอย่างสาหัส

เมื่อเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่แต่เขาก็ยังไม่เข้ามานอน พราวพรายก็ตัดสินใจที่จะทดสอบนิค เธอรีรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกไปเปลี่ยนชุดนอน จากชุดนักเรียนประจำที่เขาชอบค่อนขอด มาเป็นชุดนอนแพรที่แม้จะไม่บางนัก แต่ก็บางพอที่จะมองเห็นทรวดทรงองค์เอววับๆแวมๆ หยิบเสื้อคลุมตัวเดิมมาสวมทับเอาไว้ แล้วผูกสายคาดเอวแต่เพียงหลวมๆ หยุดชั่งใจคิดถึงความเหมาะสมอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยักไหล่ บอกตัวเองว่าจะลองยั่วผู้ชายคนที่เป็นสามีดูสักทีจะเป็นไรไป ดูสิว่าเขาจะทนไปได้สักกี่น้ำ

เธอเดินออกไปหานิคที่ตอนนี้นั่งเอนๆ กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาร์ยาวตัวหนึ่ง ในมือมีบุหรี่เหมือนเคย

“อ้าว ยังไม่หลับอีกหรือ? นึกว่าหลับไปนานแล้ว”

นิคขยับตัวไปกดบุหรี่ให้ดับลงในที่เขี่ยบุหรี่ใกล้ตัวเมื่อเห็นเธอ แล้วก็ชะงักกึกใจเต้นแรงขึ้น เมื่อเห็นชุดนอนบางเบาที่โผล่ออกมาจากเสื้อคลุม ที่ด้านหน้าเผยอออกเล็กน้อย หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งลงบนตักเขา เอนตัวลงพิงอกแล้วดึงแขนเขาให้โอบรอบตัวเธอ

“ฉันนอนไม่หลับ”
“ทำไมนอนไม่หลับ เมื่อกี้เห็นง่วงจะตายไม่ใช่หรือ?”
เธอยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมแต่เขาไม่เห็น
“ก็บอกแล้วไงว่ากลัวผี หมอนข้างก็ไม่มี จะอาศัยใครให้ช่วยเป็นหมอนข้างให้หน่อย ก็เกิดจะแอบมานั่งคิดถึงใครก็ไม่รู้อยู่คนเดียว”

นิคชักงง ไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน แล้วยิ่งงงหนักขึ้นไปอีกเมื่อพราวพรายเงยหน้าขึ้นมาหาเขา แล้วดึงคางเขาลงมาจนริมฝีปากของเขาสัมผัสเข้ากับแก้มข้างหนึ่งของเธอ

“บอกมานะว่ากำลังคิดถึงสาวที่ไหนอยู่”

“ไม่มีหรอกน่า” พูดจบเขาก็กอดเธอแน่นเข้า แต่ก็ยังทำอะไรไม่ถูกเหมือนเดิม อยากจะจูบกอดเธอให้สมกับความรักและห่างเหินกันมาเป็นเดือน แต่ก็ยังไม่กล้า เพราะเสียความมั่นใจไปมากกับคำพูดในวันนั้นของเธอ

ในที่สุดนิคก็ทำได้เพียงบอกเธอว่า “งั้นก็ไปนอนกันดีกว่า ดึกแล้ว”

ชายหนุ่มคลายแขนที่โอบอยู่รอบเอวพราวพรายออก ดึงตัวเธอให้ลุกจากตัก เมื่อยืนขึ้นมาด้วยกันได้เขาก็คว้ามือเธอ ตั้งใจจะจูงไปเข้าห้องนอน แต่อีกฝ่ายโยเยทันที

“เรื่องอะไรจะเดินให้โง่ คุณต้องอุ้มฉันไปสิ โทษฐานปล่อยให้ฉันนอนกลัวผีอยู่ตั้งนาน”

ขาดคำอ้อนของเธอนิคก็ก้มลงอุ้มพราวพรายไว้ในวงแขน เดินไปไม่ถึงสิบก้าวก็ถึงห้องนอน วางตัวเธอลงบนเตียง ยังไม่แน่ใจว่าเธอคิดอย่างไร ในขณะที่รู้ตัวเองว่าคิดอย่างไรและต้องการอะไร พอเขานอนลงตรงที่ของเขาพราวพรายก็กลิ้งตัวไปซุกอกและกอดเขาไว้ทันที ทำท่าเหมือนเขาเป็นหมอนข้างอย่างที่เธอพูดไว้อย่างไรอย่างนั้น คราวนี้ชายหนุ่มไม่รั้งรออีกต่อไป แม้จะยังกลัวว่าเธออาจจะปฏิเสธเขาอีก โธ่..ใครจะทนไหวล่ะ เมื่อเมียสาวแสนสวยในชุดนอนเบาบางสุดเซ็กซี่นอนซุกอยู่แนบอก สบตาเขาอย่างทั้งอ่อนหวานและท้าทายแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“พราว..พราว”

เขาพึมพำได้แค่นั้นก็เริ่มกอดจูบเธออย่างที่ใจต้องการ พราวพรายนอนหลับตานิ่ง แม้ใจจะไม่ได้ต้องการให้เขาทำแบบนั้น แต่ก็รู้ว่าต้องผ่อนปรนให้เขาบ้างตามควร ตอนนี้เธอพอจะรู้บ้างแล้ว ว่าผู้ชายมีความต้องการเรื่องแบบนี้สูงกว่าผู้หญิง ซึ่งอาจจะเป็นธรรมชาติของผู้ชายทุกคน ที่จะทนอยู่โดยปราศ จากเรื่องนี้ไม่ได้นานนัก แต่คืนนี้เธอก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะฝืนใจให้เขาได้ใช้สิทธิของเขา คราวนี้นอกจากจะไม่ปฏิเสธเขาแล้ว หญิงสาวยังคิดเอาไว้ล่วงหน้าด้วย ว่าจะเสแสร้งทำเป็นมีความสุขไปกับเขาด้วย

แต่ระหว่างที่นิคกำลังกอดจูบพราวพรายอยู่อย่างมีความสุข เพราะคราวนี้เธอให้ความร่วมมือกับเขาอย่างดีผิดไปกว่าเคย แล้วทันใดนั้นเสียงวิทยุติดตามตัว ที่เขาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขัดจังหวะขึ้น ชายหนุ่มผละจากพราวพรายลุกขึ้นนั่งทันที คว้าวิทยุติตต่อบนโต๊ะข้างเตียงมากดพูดโต้ตอบกับอีกฝ่ายหนึ่ง หญิงสาวนอนตัวแข็ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงโต้ตอบที่ได้ยินนั้น ส่วนใหญ่เป็นระหัสที่เธอไม่เข้าใจ พอพูดจบนิคก็ลุกขึ้นแต่งเครื่องแบบสนามอย่างรวดเร็ว ฉวยปืนได้ก็เผ่นโผนจะออกไปจากห้อง

แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ก็ชะงักหยุด หันมาสั่งเธอด้วยเสียงที่เด็ดขาดว่า“อยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปข้างนอก ล็อคห้องนอนเสียด้วย เดี๋ยวผมจะล็อคประตูนอกเอง ไม่ต้องกลัวนะ ในค่ายนี่ปลอดภัยไม่มีอะไรหรอก นอนเสียไม่ต้องรอ ผมมีกุญแจ”

สั่งเสร็จเขาก็วิ่งอย่างรวดเร็วออกจากห้อง เปิดประตูหน้าบ้านออกไป พราวพรายซึ่งยังตกตะลึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ได้สติก็รีบลุกออกจากเตียงวิ่งตามเขาออกไปนอกบ้าน แต่ไม่มีทั้งนิคและรถอยู่แถวนั้นแล้ว พอนึกถึงคำสั่งของเขาขึ้นมาได้ หญิงสาวก็รีบล็อคประตูหน้า แล้วลงนั่งเงียบกริบอย่างอกสั่นขวัญหายบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดไฟในห้องนั้น

พราวพรายนั่งรอนิคอย่างกระสับกระส่าย หวาดวิตกไปหมด ต้องมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นแน่นิคถึงรีบร้อนขนาดนั้น เอ๊ะ..หรือว่าพวกเวียตกงยกกำลังเข้าโจมตีค่าย แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงปืน ระเบิดหรือเสียงอะไรเลยล่ะ แล้วนี่เขาออกไปไหน ไปที่กองบัญชาการหรือออกไปนอกค่าย ไปสู้รบกับพวกเวียตกงข้างนอกโน่นหรือเปล่า แล้ว..แล้วถ้าเขาพลาดท่าถูกฆ่าตายล่ะ พอคิดมาถึงตรงนี้พราวพรายก็ใจสั่นหวั่นไหว สะท้านเยือกไปทั้งกาย ถ้า..ถ้าเขาตายก้หมายความว่าเธอจะไม่ได้เห็นเขาอีกแล้ว จะไม่มีอ้อมอกแข็งแรง อบอุ่น ให้เธอได้ซุกนอนอีกต่อไป โอย..นิค อย่าเพิ่งตายนะ คุณต้องกลับมาหาฉัน ฉันอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้ พราวพรายนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หลายชั่วโมงจนน้ำตาแห้ง แต่นิคก็ยังไม่กลับมา

หญิงสาวเดินเข้าไปหยิบนาฬิกาข้อมือ ที่ถอดวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูเวลา นิคออกไปตั้งแต่ห้าทุ่ม ตอนนี้ก็เกือบตีสามแล้ว ทำไมยังไม่กลับมาเสียที หรือว่าเขากลับมาไม่ได้เพราะ..เพราะ ทันทีพราวพรายก็สั่งตัวเองให้หยุดคิด ถ้าจะคิดก็ต้องคิดอย่างเชื่อมั่นว่านิคจะต้องกลับมาหาเธอ ก็เขาเคยบอกว่าจะดูแลเธอไม่ใช่หรือ เขาจะไม่กลับมาได้อย่างไร เขาไม่เคยผิดคำพูดกับเธอ คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน เขาจะต้องรักษาสัญญาแล้วกลับมาหาเธอ แม้จะบาดเจ็บสาหัสก็ต้องกลับมา เธอยอมรับได้ทั้งนั้น ขอเพียงอย่างเดียว..อย่าตาย ห้ามตายนะนิค

แล้วในที่สุดเขาก็กลับมาเมื่อเกือบสี่นาฬิกาของวันใหม่ พอนิคผ่านประตุหน้าบ้านด้วยหน้าตาอิดโรยเข้ามา พราวพรายก็วิ่งถลาจากเก้าอี้ที่นั่งจมจ่อมรอเขาอยู่ โผเข้ากอดคอเขาน้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจอย่างที่สุด ปากก็คร่ำครวญเรียกชื่อเขา ชายหนุ่มกอดตอบเธอ

“ทำไมยังไม่นอน บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องรอผม”
“โธ่..นิค ใครจะนอนได้ล่ะ ฉันเป็นห่วงคุณแทบตายอยู่แล้ว นึกว่า..” เสียงของเธอยังสั่นอยู่
“นึกว่าผมตายแล้วหรือไง” แล้วเขาก็หัวเราะ “ห่วงผมเหมือนกันหรือ”
"ทำไมจะไม่ห่วง ฉันไม่รู้ว่าคุณออกไปต่อสู้กับพวกเวียตกงข้างนอกโน่นหรือเปล่า"
"ปกติผมมักจะออกไป แต่คราวนี้ไม่ได้ไป ผมรักษาการค่ายอยู่ ต้องอยู่ในที่ตั้ง คอยติดต่อและสั่งการอยู่ในห้องวิทยุตลอด เพิ่งจบเรื่องเมื่อสักครู่นี้เอง"

นิคเล่าให้ฟังแต่เพียงคร่าวๆ ก่อนจะโอบเอวพราวพรายให้เดินตามเขาเข้าไปในห้องนอน ส่งเธอให้นอนลงบนเตียง

“นอนเถอะ ผมขออาบน้ำก่อน เหนียวไปหมดทั้งตัว”

พราวพรายยังไม่ยอมนอน ลุกขึ้นนั่งรอเขาอยู่ริมเตียง เมื่อนิคอาบน้ำเสร็จเดินออกมา มีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวพันร่างกายท่อนล่างเอาไว้ หยาดน้ำยังเกาะพราวอยู่บริเวณอก หญิงสาวก็ลุกจากเตียงโผเข้ากอดเขาไว้อีก ราวกับกลัวว่าเขาจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ถ้าเธอไม่กอดเขาเอาไว้ เธอโน้มคอเขาลงมาจนหน้าสัมผัสกัน จูบเขาอย่างซาบซึ้งดื่มด่ำ ขอบคุณที่เขากลับมาหาเธอ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปอย่างที่กลัว

พอขึ้นไปนอนบนเตียงเคียงข้างกัน พราวพรายก็ซุกตัวเข้าหาอกเขา นิคลืมตาแดงก่ำขึ้นมองเธอเหมือนสงสัย แล้วซุกหน้าเข้ามาจูบเธอเบาๆ หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเขาคิดจะทำอะไรต่อไปหรือไม่

แต่เธอก็กอดเขาไว้แล้วบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “นอนเถอะค่ะ นิค คุณเหนื่อยมากแล้ว เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน”

ชายหนุ่มที่กำลังพยายามจะปลุกตัวเองให้ตื่น ทั้งๆที่ตาจะปิดอยู่แล้ว ยิ้มให้เธอเหมือนขอบใจที่เธอเข้าใจเขา กอดเธอเอาไว้แล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว พราวพรายนอนมองหน้านิคในความสลัวของห้องอย่างสงสาร ตอนนี้เมื่อได้อยู่ในอ้อมอกของเขา เธอก็ลืมความกลัวจนอกสั่นขวัญหายเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วมาไปหมดสิ้น สัมผัสได้แต่ความปลอดภัยและความอบอุ่นที่เขานำมาให้ แล้วหลับตามเขาไปได้ในที่สุด

เช้าวันรุ่งขึ้นพราวพรายตื่นขึ้นมาก็ไม่พบนิคแล้ว เธอคิดว่าเขาคงออกไปที่กองบัญชาการตั้งแต่เช้ามืด เมื่อดูนาฬิกาเห็นว่าเพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเธอก็ทอดถอนใจ ไม่เข้าใจเลยว่าเขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ยังต้องตื่นแต่เช้ารีบออกไปทำงานต่ออีก นึกแล้วก็รู้สึกสงสารและเห็นใจเขา ไม่เคยรู้เลยว่าเขาต้องทำงานหนักขนาดนี้ แล้วยังเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายอีกด้วย เขาเคยบอกเธอครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เธอต่อว่าต่อขานเขาที่มาหาเธอน้อยเกินไป แล้วเขาบอกว่างานของเขาไม่เคยมีวันหยุด ที่มาหาเธอได้เดือนละครั้งก็เป็นการเข้ามาติดต่อประสานงานที่อุบลฯ จะมาโดยพลการโดยไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้องไม่ได้

หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาที่ห้องด้านนอก เห็นกากาแฟเสียบปลั๊กเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้เธอกดใส่ถ้วยที่วางอยู่ข้างๆเอามาดื่มก็ยิ้มให้กับตัวเอง รู้ทันทีว่านิคเตรียมไว้ให้เธอ เขารู้ว่าอาหารเช้าของเธอมีแค่กาแฟถ้วยเดียวกับแซนด์วิชหรือบิสกิตเท่านั้น บนโต๊ะอาหารมีโถเล็กๆบรรจุน้ำตาลและครีมวางอยู่ใกล้กับกล่องขนมปังแครกเกอร์ การดูแลเล็กๆน้อยๆของเขาทำให้พราวพรายมีความสุข เธอผสมน้ำตาลและครีมลงในถ้วยกาแฟ แล้วถือเดินไปนั่งจิบอยู่ที่เก้าอี้โยก รู้สึกสบายใจกับความเงียบที่แวดล้อมอยู่รอบกาย หัวสมองโล่งเปล่าปราศจากความเครียดที่เกิดจากงาน สภาพแวดล้อมเดิมๆในวันเสาร์อาทิตย์ที่ต้องอยู่คนเดียว และที่สำคัญคือไม่ต้องมานั่งหวาดระแวง กลัวว่าจะมีใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนิค

ตอนเที่ยงขณะที่พราวพรายนอนเล่นอยู่ที่เก้าอี้โยก หลังจากทำความสะอาดบ้านเป็นการใหญ่ ซึ่งรวมถึงขนเอาอุปกรณ์ทำครัวทั้งหลายที่มีอยู่ในตู้ครัว ถ้วยจานชาม ช้อนและแก้วชนิดต่างๆ ออกมาล้างจนสะอาดเอี่ยมผิดหูผิดตา เพราะเบื่อที่ต้องอยู่เฉยๆ ก็มีทหารผิวดำหนุ่มน้อยนายหนึ่งมาเคาะประตูบ้าน เมื่อเธอเดินออกมาดูว่าใครมาเขาก็ถามเธออย่างสุภาพว่า

“มิสซิสแบรดเลย์ ใช่ไหมครับ?”

ตอนแรกพราวพรายมองเขางงๆ เพราะไม่เคยถูกใครเรียกแบบนั้นมาก่อน ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอควรจะใช้นามสกุลนี้ แต่เมื่อนึกขึ้นได้เธอก็พยักหน้ารับ ด้วยสีหน้าที่เจื่อนจางเหมือนกำลังทำผิด

พลทหารผู้นั้นยื่นซองจดหมายให้เธอ “ผู้พันให้เอาจดหมายกับอาหารมาให้ครับ”

พราวพรายขอบใจเขา รอดูจนเห็นเขาขึ้นรถจิ๊บขับหายไปแล้วจึงเดินเข้าบ้าน วางกล่องอาหารกลางวัน ที่นิคคงให้ลูกน้องไปซื้อมาให้เธอลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน

นิคเขียนเป็นโน๊ตมาเพียงสั้นๆว่า “พราว แต่งตัวเตรียมไว้นะ เย็นนี้จะพาไปดินเนอร์ข้างนอก จะมีเพื่อนผมไปด้วยคนหนึ่ง นิค”

อ่านจบหญิงสาวก็ทำหน้าเซ็ง อะไรอีกล่ะ กำลังรู้สึกสบายใจอารมณ์ดีอยู่เชียว ทำไมจะต้องพาเพื่อนไปด้วย ยิ่งไม่อยากเจอใครอยู่ด้วย เอ๊ะ..เมื่อกี้ทหารคนนั้นเรียกเธอว่ามิสซิสแบรดเลย์ งั้นก็แปลว่าใครต่อใครที่นี่คงรู้กันหมดแล้วสิว่าเธอเป็นเมียเขา อ้าว..แล้วเพื่อนคนที่ว่านี่ล่ะ รู้หรือปล่า คงจะรู้เหมือนกันสิ ความไม่พอใจแล่นปราดขึ้นมาทันที นิคทำอย่างนี้ได้ยังไง สัญญาไม่เป็นสัญญา สงสัยเดี๋ยวจะต้องต่อว่าเสียหน่อยแล้ว

นับแต่นาทีนั้นพราวพรายก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า รู้สึกเซ็งจนอยากจะขอยกเลิกการออกไปกินข้าวข้างนอก แต่ในที่สุดเมื่อนาฬิกาบอกเวลาสี่โมงครึ่ง หญิงสาวก็จำใจต้องลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะหลังๆนี่เริ่มรู้จักนิคมากขึ้นว่าเขาตามใจเธอก็จริง แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาจะไม่ยอมเธอง่ายๆ ต่อให้เธออาละวาดจนหมดแรง เขาก็จะยังยืนกรานไม่ยอมอยู่ดี

พราวพรายค้นกระเป๋าหาเสื้อผ้าที่จะใส่ ก็พบแต่กางเกงยีนส์ เสื้อเชิร์ตและเสื้อยืด ไม่มีกระโปรงหรือเสื้อแบบหวานๆสมเป็นผู้หญิงสักตัว เพราะไม่รู้ว่าจะมีรายการออกแขก หมุนไปหมุนมาแล้วก็เลยโมโหนิคขึ้นมาอีกจนได้ ไม่รู้หรือไงว่าผู้หญิงน่ะ อยากจะทำตัวให้สวยทั้งนั้นแหละ ถ้าจะต้องมีคนอื่นมาร่วมวงกินข้าวด้วย แต่เมื่อไม่มีเสื้อผ้าสวยๆเสียอย่าง ทำอย่างไรก็คงไม่สวยขึ้นมาได้หรอก

ในที่สุดเมื่อไม่มีทางเลือก พราวพรายก็จำใจคว้ากางเกงยีนส์สีขาวเนื้อหนา มาใส่กับเสื้อเชิร์ตแขนแค่ศอกสีชมพูแกมม่วงอ่อนๆ เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกง โชคดีที่เสื้อตัวนี้แม้จะตัดแบบเชิร์ต แต่รอบปกเสื้อและสาบอกก็ตกแต่งด้วยระบายเล็กๆน่ารัก สีชมพูแกมม่วงหวานแหววและระบายเล็กๆ ทำให้คนใส่ดูเป็นผู้หญิงหวานๆขึ้นมาได้หน่อย

หญิงสาวมองตัวเองในกระจกแล้วทำหน้าบูด ไม่ชอบใจเลยสักนิด แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ เพราะเอาเสื้อผ้าติดตัวมาไม่กี่ชิ้น ก็ไม่ได้กะว่าจะออกไปไหนสักหน่อย นึกว่าคงต้องอยู่แต่ในบ้านพัก บิดซ้ายบิดขวามองไปมองมาอยู่สักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าความจริงชุดนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน แต่แล้วพอมองหน้าตัวเองที่ไม่มีแม้แต่แป้ง ก็นึกเซ็งขึ้นมาอีก กระเป๋าเครื่องสำอางก็ไม่ได้เอามาเสียด้วย จะพาหน้าตาล่อนจ้อนจืดชืดราวกับไก่ต้มแบบนี้ไปให้ใครดูได้อย่างไร ลำพังนิคคนเดียวก็ไม่มีปัญหาหรอก เขาชอบเสียด้วยซ้ำเวลาที่ไม่มีสีสันต่างๆอยู่บนหน้าเธอ แต่จะมีเพื่อนของเขามาด้วยน่ะสิที่เป็นปัญหา ถ้าเห็นหน้าเปลือยๆของเธอ เขาคงจะคิดว่าแฟนของนิคหน้าตาดูไม่ได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้สักอย่างพราวพรายก็ถอนใจดังเฮ้อ ลงนั่งหน้าบูดอยู่บนเก้าอี้ปลายเตียง รอนิคมารับไปดินเนอร์




 




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2566
Last Update : 8 มีนาคม 2566 10:17:55 น.
Counter : 595 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณSweet_pills, คุณกิ่งฟ้า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณสองแผ่นดิน, คุณkatoy, คุณhaiku, คุณ**mp5**

  
สวัสดีค่ะ ดีใจจังที่ไปทักทายที่บล็อกนะคะ ขอบคุณกำลังใจที่ให้ค่ะ
พรุ่งนี้มาอ่านนะคะคืนนี่ไม่ไหวแล้วค่ะ

Literature Blog

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:2:43:22 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณตุ้ย รู้สึกความสัมพันธ์จะไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ


โดย: หอมกร วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:7:50:28 น.
  
ความสัมพันธ์เริ่มดีขึ้นแล้ว
อยากรู้ว่า "เพื่อน" คนไหนจะไปร่วมทานข้าวด้วยค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปนะคะ
ไม่งั้นไม่รู้เลยว่าอัพตอนใหม่แล้ว

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:10:11:17 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:9:54:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
กุมภาพันธ์ 2566

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
16 กุมภาพันธ์ 2566
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com