ครละฟากฟ้า - บทที่ 62
วันนึ้พราวพรายออกไปที่อพาร์ตเม้นท์ของนิคตั้งแต่เช้า เพราะเขาจะกลับจากสหรัฐฯ ตอนบ่าย  หลังเสร็จสิ้นภารกิจการเข้ารับการฝึกอาวุธสงครามรุ่นใหม่ของกองทัพเป็นเวลาเกือบเดือน 

หญิงสาวลงมือทำความสะอาดอพาร์ตเม้นท์จนสะอาดหมดจด รวมทั้งเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ฯลฯ  เสร็จแล้วก็สำรวจของในตู้เย็นว่ามีอะไรขาดไปบ้าง หลังจากนั้นก็ออกไปจ่ายตลาด หาซื้อของสดของแห้งและผลไม้ มาเตรียมไว้ทำอาหารให้เขา เพราะเขาจะยังอยู่ในอุบลฯอีกสองสามวัน

ระหว่างที่เธอกำลังเตรียมอาหารกลางวันง่ายๆสำหรับตัวเอง ซึ่งยืดเยื้อมาถึงบ่ายสองโมง นิคก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง พอวางกระเป๋าเดินทางใบย่อมๆและของอื่นที่ถืออยู่ในมือลงได้ ก็เดินเข้ามากอดพราวพรายจากทางด้านหลัง 

"ทำอาหารให้ผมอยู่หรือ ผมยังอิ่มอยู่เลย เพิ่งกินมื้อกลางวันบนเครื่องไปหยกๆนี่เอง”

“ทำให้ตัวเองค่ะ เพราะรู้ว่าคุณคงทานมาแล้ว”

นิคขมวดคิ้ว ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “บ่ายสองโมงกว่าแล้วยังไม่ได้กินอาหารกลางวันอีกหรือ?”

“ฉันออกไปซื้อของ เพิ่งกลับเข้ามาก่อนคุณไม่นาน ตั้งใจว่าเย็นนี้จะทำอาหารไทยให้คุณทาน ชอบไม่ใช่หรือคะ?”

“ชอบ แต่เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า เย็นนี้ไม่อยากกินข้าวบ้าน อยากพาคุณไปดินเนอร์ข้างนอกแล้วไปฟังเพลงกันต่อ ดีไหม?”

“ก็ได้ค่ะ”

พราวพรายปิดไฟในเตาแก๊สแล้วเดินตามหลังนิค ที่หอบกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องนอน

“เหนื่อยไหมคะ? ถ้าเหนื่อยก็อาบน้ำนอนพักสักหน่อยดีไหม กว่าจะออกไปข้างนอกก็อีกหลายชั่วโมง”

“ได้หลับสักหน่อยก็น่าจะดี” ชายหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องกำมะหยี่แบนๆสีแดงออกมาส่งให้เธอ

“ผมมีของมาฝากคุณ ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า เปิดดูสิ”

หญิงสาวรับกล่องมาเปิดออกดู" “ต๊าย น่ารักจัง”

ของที่นิคซื้อมาฝากคือกำไลทองคำขาวก้านแข็งแบบเรียบๆ มีทับทิมสีแดงเม็ดเล็กๆฝังเป็นระยะอยู่ห่างๆ เขารู้ว่าพราวพรายชอบกำไลข้อมือซึ่งเขาเห็นเธอใส่สับเปลี่ยนกันอยู่หลายอัน บางอันก็เป็นของที่เขาซื้อให้เธอเนื่องในโอกาสต่างๆ

อาบน้ำเปลี่ยนเสิ้อผ้าเป็นกางเกงนอนหลวมๆเสร็จ ชายหนุ่มก็ล้มตัวลงบนเตียง ทำท่าเหมือนจะหลับ แต่พอพราวพรายเดินเฉียดเข้ามาใกล้ เพื่อหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง เขาก็ฉุดเธอจนเสียหลักล้มลงไปหาเขา หญิงสาวผลักไสอย่างไม่จริงจังนัก ตอนนี้รู้แล้วว่าควรอนุโลมตามใจเขาบ้าง

เย็นนั้นหญิงสาวแต่งตัวสวยเป็นพิเศษในชุดราตรีสั้น ที่ตัดจากผ้าลูกไม้สีขาว คอตั้งแขนล้ำอวดความผุดผ่องของผิวพรรณตรงช่วงไหล่และแขน เธอถือโอกาสสวมกำไลก้านแข็ง ที่นิคซื้อมาฝากจากอเมริกาเพื่อเอาใจเขา เห็นถึงค่าน้ำใจเขา แม้จะเป็นแค่กำไลวงเดียวก็ตาม

ห้องอาหารที่นิคพาพราวพรายไปดินเนอร์ เป็นห้องอาหารหรูในคลับกึ่งสโมสร ที่เคยมากับเฟรดและคู่หมั้นของเขา โดยชายหนุ่มมีแผนที่จะพาเธอไปเต้นรำฟังเพลงกันต่อ ในส่วนที่จัดเป็นคลับเล็กๆแสนโรแมนติคด้านใน หญิงสาวที่กำลังมีความสุขจากบรรยากาศในห้องอาหารซึ่งเป็นแบบที่เธอชอบ และการเอาอกเอาใจของผู้ชายน่ารักที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไม่ได้เหลือบแลไปที่มุมห้องด้านหนึ่ง จึงไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาคู่หนึ่ง ที่เขม็งมองมาอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึง เขตต์นั่งอยู่ตรงมุมห้องกับชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง!!!

เขตต์กำลังมีปัญหาหัวใจ เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพราวพราย ระยะหลังๆนี้เธอทำตัวเหินห่างกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่เขาอุตส่าห์ขับรถจากโขงเจียมมาหาเธอที่บ้านพัก แต่เธอไม่อยู่แม้จะเป็นวันหยุด บ้านหลังน้อยปิดเงียบเชียบที่แสดงว่าเจ้าของบ้านทั้งสองไม่อยู่ เขตต์เดาได้ไม่ยากว่าสุนิสาไปไหน แต่พราวพรายล่ะไปไหน จะว่ากลับบ้านที่กรุงเทพฯก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว

แม้แต่บางครั้งที่ได้เจอเธอแล้วชวนเธอออกไปทานข้าวนอกบ้าน พราวพรายก็มักจะปฏิเสธ อ้างโน่นอ้างนี่อยู่บ่อยๆ หลายครั้งเขารู้สึกว่าเธอทำท่ากระอักกระอ่วนเมื่อเขาไปหา ถ้าสุนิสาไม่อยู่เธอก็จะยิ่งทำท่าอึดอัดมากขึ้น แล้วบอกเขาว่าเธอจะออกไปธุระข้างนอก แต่เมื่อเขาเสนอตัวจะไปส่งหรือไปเป็นเพื่อน พราวพรายกลับทำหน้าตกใจและไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา

แล้ววันหนึ่งเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว เขตต์ได้รับคำสั่งจากหน่วยงานของเขา ให้ไปเข้าหลักสูตรพิเศษอบรมผู้บริหารส่วนภูมิภาค ที่กรุงเทพฯเป็นเวลาสองเดือน พอรับทราบคำสั่งเสร็จชายหนุ่มก็ขับรถจากโขงเจียมไปหาพราวพราย ตัดสินใจที่จะขอคุยกับเธอเรื่องที่เคยตกลงกันเอาไว้ ความจริงกำหนดเวลาหกเดือนผ่านไปแล้ว โดยที่เขตต์ไม่กล้าทวงเอาคำตอบเพราะท่าทางแปลกๆของเธอในระยะหลัง ทำให้เขตต์ไม่แน่ใจและกลัวว่าคำตอบที่ได้รับจะทำให้เขาต้องเสียใจ

แต่ตอนนี้เวลาก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว เธอก็น่าจะตัดสินใจได้แล้วว่าคิดอย่างไรกับเขา ถ้าเธอตกลงยอมรับเขา ชายหนุ่มก็จะถือโอกาสช่วงที่ไปอบรมที่กรุงเทพฯ พุดคุยกับบิดามารดาให้ไปเจรจากับคุณพนัสและคุณจิตราต่อไป ตอนนี้เขตต์ซึ่งเสียความมั่นใจไปมากแล้วคิดว่าอยากจะหมั้นพราวพรายเอาไว้ก่อน เรื่องแต่งงานค่อยว่ากันทีหลัง ถ้าเธออยากจะยืดออกไปอีกพักหนึ่งเพื่อศึกษาเขาให้มากขึ้นเขาก็ไม่ขัดข้อง อย่างน้อยเขาก็จะมีหลักประกันว่าเธอเป็นของเขาแล้วครึ่งหนึ่ง

เขตต์จำได้ว่าทันทีที่เห็นเขาพราวพรายก็ทำหน้าเจื่อนๆ แต่เขาก็พยายามไม่คิดมาก เขากับเธอควรจะพูดกันให้รู้เรื่องได้แล้ว ไม่งั้นเวลาสองเดือนที่ต้องอยู่กรุงเทพฯเพื่อเข้าอบรม เขาคงจะพะวักพะวนไม่เป็นอันจรดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ปกติเขตต์เป็นคนที่จริงจังกับชีวิต เขาทำทุกอย่างๆมีระบบและระเบียบ มีขั้นตอนที่เหมาะสม ใช้สมองมากกว่าหัวใจ แต่ตอนนี้แม้สมองจะบอกเขาว่าพราวพรายมีท่าทีเหมือนยังไม่พร้อม ซึ่งเขาไม่ควรรุกเธอมากเกินไป แต่หัวใจที่กำลังดิ้นรนและหวาดระแวงไม่แน่ใจ ดื้อดึงสั่งเขาให้ลอง อย่างน้อยก็ลองเลียบเคียงดูเผื่อจะได้คำตอบที่ต้องการ

“คุณเขตต์มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

พราวพรายถามโดยหวังว่าเขาจะตอบเหมือนที่เคยตอบ ว่าไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษ แค่แวะมาเยี่ยมเยียนเท่านั้น ซึ่งจะง่ายขึ้นสำหรับเธอที่จะอ้างธุระข้างนอกเหมือนที่ผ่านมา แต่ผิดคาดเพราะเขตต์เตรียมตัวมาพร้อม

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพราว หวังว่าคงจะพอเจียดเวลาให้ผมได้บ้าง สักสิบนาทีก็ยังดี”

หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความน้อยใจของเขาจากคำพูดนั้น เธอฝืนยิ้มทั้งๆที่ใจเต้นระทึก คิดว่าเดาไม่ผิดว่าเขาจะพูดเรื่องอะไร

“งั้นเชิญคุณเขตต์นั่งก่อนแล้วกัน ให้เวลาฉันหาน้ำให้คุณก่อน คงไม่ช้าเกินไปนะคะ”

“ครับ ช้าไม่ช้าผมก็รอได้ โชคดีเท่าไรแล้วที่วันนี้คุณพราวอยู่บ้าน”

พราวพรายหน้าเจื่อน รู้ว่าเขาประชด เธอวางแก้วน้ำเย็นให้ตรงหน้าเขตต์ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่วบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา เมื่อเขามองหน้าเธอหญิงสาวก็ไม่กล้าสบตาเขา นึกละอายใจที่ทำเหมือนหลอกลวงเขามาตลอด

“ต้นเดือนหน้าผมต้องไปเข้าอบรมหลักสูตรพิเศษที่กรุงเทพฯ”
“หรือคะ ไปนานแค่ไหนคะ?”
“ประมาณสองเดือน”

“นานเหมือนกันนะคะ สงสัยถ้าพี่ณพรู้คงมีรายการเลี้ยงส่งแน่” หญิงสาวพยายามพูดเล่น เพราะเห็นสีหน้าเขาค่อนข้างเครียด

“ความจริงผมไม่อยากไปหรอก นานเกินไป”

“ติดใจอุบลฯแล้วหรือคะถึงไม่อยากไป มีแต่คนเขาอยากไปกรุงเทพฯกันทั้งนั้น อุบลฯก้แค่จังหวัดชายแดนไกลปืนเที่ยงเท่านั้น”

แต่ชายหนุ่มที่กำลังมีปัญหาหนักอก ไม่ยอมพูดเล่นกับเธอ เขาตั้งคำถามจู่โจมแบบไม่ให้เวลาเธอได้ตั้งตัว

“คุณพราวครับ เราเคยตกลงกันเอาไว้เรื่องหกเดือน ตอนนี้ก็เกินหกเดือนไปนานแล้ว ความจริงผมก็อยากจะชะลอเวลาเอาคำตอบจากคุณพราวออกไปเรื่อยๆ เพื่อที่คุณพราวจะได้รู้จักผมมากขึ้นแต่คราวนี้ผมต้องไปอบรมที่กรุงเทพฯนานมาก จึงอยากจะถามคุณพราวว่าหลายเดือนที่เรารู้จักกันมา นานพอหรือยังที่จะให้คำตอบผม”

หญิงสาวใจหายวาบ แม้จะพอเดาออกถึงจุดประสงค์ที่เขามาขอพบเธอวันนี้ แต่ก็อดตกใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะบอกอะไรเขาได้มากน้อยแค่ไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกเขาเรื่องจดทะเบียนสมรสกับนิค เพราะไม่แน่ใจว่าเรื่องจะรู้ไปถึงหูบิดามารดาหรือไม่ ถ้าพวกท่านจำเป็นต้องรู้ ก็ควรรู้จากปากเธอไม่ใช่จากคนอื่น

“เอ้อ หมายความว่าตอนนี้คุณเขตต์ต้องการคำตอบแล้วใช่ไหมคะ?” เธอยังพยายามถ่วงเวลาออกไปอีกหน่อย

“ครับ ถ้าเป็นไปได้”

“เขตต์คะ ความจริงฉันก็ลำบากใจเหมือนกันที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ตลอดเวลาตั้งแต่รู้จักกันมาคุณดีกับฉันมาก คุณเป็นผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยน ให้เกียรติผู้หญิง..” พราวพรายอ้ำอึ้งไปครู่หนี่งกว่าจะตอบออกมาได้

ตอนนี้เขตต์จ้องหน้าพราวพรายเขม็ง ใจของเขาเริ่มเสีย เขาไม่โง่จนไม่รู้ว่าคำพูดในแนวนี้ของเธอมีความหมายอย่างไร

ชายหนุ่มรีบรวบรัดกล่าวว่า “ขอบคุณที่มองผมแบบนั้น แต่โปรดอย่าอ้อมค้อมต่อไปเลย ให้ผมถามตรงๆเลยดีกว่า ว่าตอนนี้คุณพราวก็รู้จักตัวตนของผมมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว คิดว่าจะยอมรับผมเป็นเพื่อนคู่ใจได้หรือยัง ผมรู้ว่าผมใจร้อนไปหน่อย น่าจะให้เวลาคุณพราวไปเรื่อยๆ แต่เห็นว่านี่ก็หลายเดือนแล้ว อีกอย่างผมก็จะไม่อยู่ตั้งเกือบสองเดือน ถ้าคุณพราวจะกรุณาให้คำตอบผมวันนี้ ผมก็จะได้จากไปอย่างสบายใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลกับอะไรต่ออะไร”

หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้นกับการรุกของเขา แต่เมื่อไม่มีทางเลือกเธอก็ตัดสินใจบอกเขาว่า “ถ้าคุณต้องการอย่างนั้น ฉันก็คงต้องบอกว่าฉันรักคุณ นับถือคุณแบบพี่ชายหรือเพื่อนค่ะ เขตต์ ไม่ได้รักแบบอื่น”

สิ้นคำพูดของเธอเขตต์ก็นิ่งอั้น หน้าของเขาแดงแล้วกลับเผือดขาว ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นคล้ำหมองด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรง

เงียบกันไปครู่หนึ่งพราวพรายก็กล่าวต่อว่า “ฉันเสียใจนะคะ เขตต์ ฉันได้พยายามเต็มที่แล้วที่จะรักคุณแบบที่คุณต้องการ แต่ก็ทำไม่ได้ ความจริงฉันอยากจะบอกคุณหลายเดือนแล้ว แต่ก็พูดไม่ออก”

ชายหนุ่มถอนใจยืดยาว ท่าทางหมดกำลังใจไปทันที อึ้งไปอึดใจหนึ่งก็ถามว่า “ที่คุณพราวปฏิเสธผมนี่เพราะมีคนอื่นอยู่แล้วหรือเปล่า?”

พราวพรายเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจะตอบเขาได้หรือว่าเพราะเธอมีนิคอยู่แล้ว ไม่มีทางที่เธอจะปริปากบอกเขาหรือใครหรอก ถ้าจะต้องบอก บิดามารดาจะเป็นสองคนแรกที่เธอจะบอก

“ไม่มีหรอกค่ะ” จำเป็นที่เธอต้องปฏิเสธ

อีกฝ่ายมีสีหน้าดีขึ้นทันที “ถ้าคุณพราวยังไม่มีใคร ผมก็คงต้องขอหวังต่อไป ผมขอรอไปเรื่อยๆได้ไหมครับ? ถ้าคุณพราวไม่ขัดข้องผมก็จะรอไปเรื่อยๆจนกว่าคุณพราวจะรักผม และถ้าระหว่างรอ คุณพราวเกิดพบใครที่คิดว่ารักเขา ผมก็จะไม่มาวุ่นวายกับคุณพราวอีก”

หญิงสาวรู้สึกอัดอั้นตันใจ แม้จะสงสารเขามากแต่เธอก็ไม่อยากจะให้ความหวังลมๆแล้งๆกับเขาอีกต่อไป เขตต์เป็นคนดี เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม เขาควรจะได้รักได้แต่งงานกับผู้หญิงดีดีที่ไม่มีมลทินติดตัวอย่างเธอ

“อย่ารอเลยค่ะ เขตต์ เสียเวลาของคุณเปล่าๆ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ดีงามอะไรนักหนา ไม่สมควรที่คุณจะมาปักใจอยู่กับฉัน”

เขตต์ลุกขึ้นยืนเหมือนพร้อมที่จะกลับ ทั้งๆที่ความจริงยังไม่อยากกลับ แต่ที่ต้องกลับก็เพื่อไม่ให้เธอหาเหตุผล มาริดรอนความหวังของเขาอีกเท่านั้น

“เรื่องนั้นให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองแล้วกันนะครับ วันนี้ผมคงต้องกลับไปก่อน ไม่อยากรบกวนคุณพราวมากเกินไป แต่ขอให้ทราบว่าความตั้งใจของผมต่อคุณพราวยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากว่าคุณพราวจะบอกผม ว่ามีคนอื่นอยู่ในใจของคุณพราวแล้วเท่านั้น”

เขตต์กลับไปนานแล้วแต่พราวพรายยังนั่งจมจ่อมอยู่ที่เดิม รู้สึกสงสารชายหนุ่มคนนั้นมาก ถ้าไม่มีนิคเธอคงไม่ปฏิเสธผู้ชายแสนดีเช่นเขา แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้วและเธอเองก็ได้ตัดสินใจเรื่องนิคไปนานแล้ว หญิงสาวตั้งใจว่าแม้เขตต์จะยังไม่ยอมราข้อ ยังพยายามที่จะเข้ามาใกล้ชิดเธออีก เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตัวเป็นแค่เพื่อนที่ดีของเขาเท่านั้น


แล้ววันนี้หลังจากกลับจากการอบรมที่กรุงเทพฯได้ไม่นาน เขตต์ก็นัดกินเหล้ากับเพื่อนเก่าชื่อพิษณุ ที่เคยเรียนหนังสือมาด้วยกันที่คณะรัฐศาสตร์ สนิทสนมกันพอสมควร เพิ่งจะห่างกันไปก็ตอนที่เขาไปทำปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาตร์ที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เมื่อโคจรมาพบกันในระหว่างการฝึกอบรมที่กรุงเทพฯ ก็เลยติดต่อคบหากันใหม่ พิษณุเป็นคนอุบลฯโดยกำเนิด แต่หลังจากที่มารดาของเขาเสียชีวิตไม่นาน บิดาก็แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่ลำปางกับภรรยาคนใหม่ โดยปล่อยให้เขาซึ่งตอนนั้นรุ่นหนุ่มแล้ว อยู่กับครอบครัวของน้าสาวต่อไปในอุบลฯ ขณะนี้พิษณุรับราชการอยู่ในจังหวัดแถบอีสาน

วันนี้เขตต์ซึ่งกำลังกลุ้มใจเพราะมาหาพราวพราย แล้วพบว่าเจ้าของบ้านทั้งสองไม่อยู่บ้านตามเคย เขาก็เลยโทรศัพท์ไปหาพิษณุ ชวนกันไปกินเหล้าที่ห้องอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่ง ระหว่างที่กำลังกินเหล้ากันอยู่เขตต์ก็เห็นพราวพราย เธอมากับหนุ่มต่างชาติคนหนึ่ง ที่ตอนแรกเขาจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ความสวยงามสะดุดตาของเธอ ทำให้ผู้ชายหลายคนในที่นั้นมองเธอเป็นตาเดียวกัน รวมทั้งพิษณุด้วย

พราวพรายไม่เห็นเขา เพราะโต๊ะที่เขานั่งอยู่ตั้งอยู่ด้านในสุด เขตต์เห็นคนทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งห่างออกไปตรงกลางห้อง เขาเขม้นมองอยู่อีกครู่หนึ่งจึงนึกออกว่าชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นเป็นใคร

“สวยจริงๆเลยนะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ” พิษณุพูดเบาๆพร้อมกับพะยักเพยิด ให้เขตต์ดูพราวพราย

ชายหนุ่มที่กำลังหูอื้อตาลายแทบไม่ได้ยินว่าเพื่อนพูดอะไร เพราะใจกำลังเดือดปุดๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนุ่มสาวสองคนนี้จึงมาด้วยกันได้ เท่าที่เขารู้จากอรรณพ หญิงชายคู่นี้ศรศิลป์ไม่กินกันไม่ใช่หรือ หรือว่าพราวพรายจะมีธุระกับผู้ชายที่ตอนนี้เขตต์จำได้แล้วว่าชื่อนิค ที่เคยพบกันเพียงสองสามครั้งและมีโอกาสได้พูดกันน้อยมาก

เพื่อนของเขตต์ยังจ้องมองหญิงชายคู่นั้นไม่วางตาโดยไม่กลัวเสียมารยาท ในขณะที่เขตต์พยายามระงับความหึงหวงด้วยการยกเหล้าขึ้นดื่ม ตอนนั้นเขายังไม่ถึงกับระแวงอะไร ยังคิดในแง่ดีอยู่ แล้วยังกำลังชั่งใจด้วยว่าควรจะเข้าไปทักทายคนทั้งสองหรือไม่

“เอ ข้าว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆนะ” อยู่ๆพิษณุก็พูดขึ้นมาลอยๆ
“เอ็งรู้จักเขาหรือ?” เขตต์ถาม ไม่คิดจะบอกเพื่อนหรอกว่าเขารู้จักเธอผู้นั้นดี

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่รู้จักหรอก แต่หน้าคุ้นมาก อาจจะเคยเจอกันมาก่อน แต่ความจริงข้าน่าจะจำได้นะ เพราะสวยขนาดนี้ข้าเคยเห็นไม่กี่คน เห็นครั้งเดียวก็จำได้ติดตา”

“เมาหรือเปล่าวะ” เขตต์ทำเป็นเย้าเพื่อน “เมาเลยหูตาลายจำคนผิด”

พิษณุเลยหัวเราะ “คงจะจริงของเอ็ง หน้าตาเหมือนนางงามยังงี้ คนอย่างข้าจะไปเคยเห็นเขาได้ที่ไหน เขาคงไม่มาเดินอยู่ตามถนนหรอก ว่าแต่เสียดายฉิบหายเลย หนุ่มไทยหล่อๆรวยๆเดินกันให้เต็มเมืองดันไปควงไอ้หรั่ง” แล้วเขาก็เสริมอีกหน่อยว่า “แต่เจ้าฝรั่งคนนี้มันก็มาดเข้มไม่เบานะเอ็ง สมกันดีเหมือนกันนะ”

เขตต์ฟังแล้วชักขัดหู “เอ็งคิดว่าเขาเป็นแฟนกันหรือไง เขาอาจจะแค่ติดต่องานกันก็ได้นี่หว่า"

“ไม่รู้สิ แต่เอ็งไม่เห็นหรือว่าไอ้หรั่งนั่นทำท่าเอาใจน่าดูเลย คงไม่ใช่แค่ติดต่อเรื่องงานกันเท่านั้นหรอก ข้าว่านะ”

พิษณุยกเหล้าขึ้นดื่มก่อนจะแสดงความเห็นต่อว่า “แล้วเอ็งไม่ได้สังเกตหรือวะ ว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงไทยชอบควงฝรั่ง แต่งงานไปกับฝรั่งก็เยอะ ข้าหมายถึงคนดีดีนะ ไม่ได้พูดถึงพวกเมียเช่า นั่นเป็นอีกกรณีนึง ไม่เกี่ยวกัน”

อีกฝ่ายชักหงุดหงิดไม่อยากฟัง เขตต์พยายามที่จะเลิกมองหญิงชายคู่นั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ ใจที่ระแวงว่าพราวพรายปฎิเสธเขา อาจจะเพราะเจ้าหนุ่มต่างชาติคนนี้ก็ได้ สั่งให้เขาสังเกตท่าทางของคนทั้งสองต่อไป และเมื่อนิคกับพราวพรายรับประทานอาหารเสร็จแล้วเดินต่อเข้าไปในคลับ เขาก็รีบชวนเพื่อนให้ลุกจากโต๊ะเข้าไปดื่มกันต่อในคลับ เขตต์เลือกโต๊ะที่อยู่มุมห้องไม่ไกลจากที่คนทั้งคู่นั่งอยู่

ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงในสถานที่แห่งนั้น เขตต์เฝ้าจับตาดูอยู่เงียบๆ เห็นคนทั้งคู่ออกไปเต้นรำกันหลายเพลง เมื่อกลับเข้ามาที่โต๊ะก็นั่งเบียดกันแจแทบจะเกยกัน แม้ในคลับจะค่อนข้างมืด แต่เมื่อตั้งใจเพ่งมองอย่างจริงจังก็พอจะมองเห็นได้ ท่าทางสนิทชิดเชื้อเกินคนรู้จักธรรมดา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพิษณุนั้นเลิกสนใจคนคู่นั้นไปนานแล้ว เพราะมีพาร์ตเนอร์สาวสวยนั่งกระแซะอยู่ข้างๆ บางครั้งก็ออกไปเต้นรำกัน ดื่มเหล้าเคล้านารีไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางทั้งร้อนรนและกระสับกระส่ายของเพื่อนที่มาด้วยเลย

อีกพักใหญ่ต่อมาเขตต์ก็เห็นนิคเรียกบ๋อยมาเช็คบิล หลังจากนั้นก็เดินคู่กับพราวพรายออกไปจากบาร์ ชายหนุ่มรีบขอตัวบอกเพื่อนว่าจะกลับก่อน เพราะต่างคนต่างเอารถมา เขาเดาว่าพิษณุคงจะหิ้วพาร์ตเนอร์สาวนางนั้นออกไปด้วย หลังจากวางเงินจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าบาร์ค่าเหล้าแล้ว เขตต์ก็รีบร้อนออกไปที่รถ

เขตต์ขับรถตามรถของนิคไปเรื่อยๆ ในระยะที่ไม่ใกล้กันเกินไปจนเป็นที่สงสัยของรถคันหน้า เขาสังเกตเห็นว่ารถคันนั้นไม่ได้มุ่งไปตามเส้นทาง ที่จะนำไปสู่บ้านเช่าของพราวพรายกับสุนิสา ชายหนุ่มคิดอย่างร้อนใจว่า ดึกดื่นป่านนี้แล้วหนุ่มสาวสองคนจะไปไหนกันต่อ ทั้งๆที่ไม่อยากจะคิดในแง่อกุศลเลยแต่ใจของเขาก็วาบหายขึ้นมาเฉยๆ เมื่อแล่นตามกันมาหลายถนนในระยะห่างพอประมาณ แล้วอยู่ๆรถคันนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยคอนกรีตเล็กๆ ห่างจากย่านชุมชน เขตต์เลี้ยวตามไปช้าๆ เข้าซอยไปได้ประมาณร้อยเมตรรถคันหน้าก็เลี้ยวซ้ายอีกครั้งหนึ่ง แล้วแล่นเข้าไปจอดในลานกว้างหน้าอาคารสูงสี่ชั้น ที่มีไฟนีออนสลับสีตรงป้ายบอกชื่ออพาร์ตเมนท์

ชายหนุ่มจอดรถตรงด้านหนึ่งห่างออกไปบนลาน แต่สามารถมองเห็นรถคันนั้นได้ ครู่เดียวเขตต์ก็เห็นนิคกับพราวพรายลงจากรถ เดินคู่กันเข้าไปในบริเวณล้อบบี้ของอาคาร รออยู่อีกประมาณสิบนาทีเขาก็ลงจากรถเดินเข้าไปที่หน้าอาคารหรืออพาร์ตเมนท์ ที่มองจากสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวก ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นอพาร์ตเมนท์หรือห้องชุดชั้นดี เป็นที่อยู่อาศัยที่สงบเงียบไม่มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน และคนเช่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนต่างชาติ

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี ที่นั่งอยู่ตรงเคาเตอร์กำลังมองเขาอยู่ เขตต์ก็เดินเข้าไปหา หลังจากเหลียวดูรอบๆแล้วเห็นลิฟต์สองตัวทางด้านซ้ายมือที่อยู่ลึกเข้าไป และแน่ใจว่าคนทั้งสองคงขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนแล้ว

“มาหาใครหรือเปล่าครับ?” เป็นคำถามของเด็กหนุ่มคนนั้นซึ่งคงเป็นพนักงานดูแลอพาร์ตเมนต์

“ได้ข่าวว่าเพื่อนผมพักอยู่ที่นี่ ก็เลยแวะมาหา แต่ไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือเปล่า”

“คนไทยหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นคนไทยที่นี่ไม่มีหรอกครับ มีแต่คนต่างชาติทั้งนั้น”

“งั้นหรือ งั้นผมคงจำผิด”

เขตต์พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อทำเป็นเลียบเคียงว่า “มิน่าเมื่อกี้ผมเห็นฝรั่งเดินเข้ามาก่อนหน้าผม แต่ผู้หญิงนั่นไม่ใช่แหม่มนี่ น่าจะเป็นคนไทยมากกว่า ไหนคุณว่าไม่มีคนไทยพักที่นี่”

“อ๋อ มิสเตอร์นิคหรือครับ? แกพักที่นี่ ผู้หญิงที่คุณเห็นก็มากับแก คงเป็นแฟนแกน่ะครับ ไม่ได้พักที่นี่หรอก แต่ก็มาที่นี่บ่อยๆ” พนักงานหนุ่มน้อยผู้นั้นอธิบายตามซื่อ

“ที่นี่อนุญาตให้คนอื่นมาค้างหรือมาพักด้วยได้หรือ?” เขตต์ทำเป็นถามเหมือนไม่รู้ เพื่อจะเข้าเรื่องที่สงสัย

อีกฝ่ายทำหน้างงๆ “ไม่เป็นไรนี่ครับ ผู้เช่าของเราจะพาใครมาก็ได้ เมื่อเช่าแล้วก็เป็นสิทธิของเขา"

“ผู้หญิงคนเมื่อกี้สวยนะ คุณบอกว่าเขาเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ รู้ได้ยังไงล่ะ เขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนฝูงหรือมาติดต่องานกันก็ได้ไมใช่หรือ” เขตต์ทำเป็นชวนคุยไปเรื่อยๆ แบบไม่จริงไม่จังนัก

คราวนี้เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อตอบว่า “คงเป็นแฟนกันมากกว่า เขามาค้างด้วยกันหลายครั้งแล้วนี่ครับ”

หัวใจของเขตต์กระตุกวาบแล้วต่อมาก็รู้สึกราวกับมันกำลังจะระเบิด ด้วยความแค้นที่เหมือนถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกเสียสนิท ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว พราวพรายปฏิเสธเขาเพราะเธอมีคนอื่น ยังไม่เสียใจเจ็บใจเท่าที่ได้รู้ได้เห็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของเธอ แอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับหนุ่มต่างชาติอย่างน่าบัดสี ยอมตัวเป็นคู่นอนกับเขา โดยไม่นึกถึงศักดิ์ศรีของตัวเองและเกียรติยศชื่อเสียงของพ่อแม่ เสียแรงรักเธอ ชื่นชมเธอว่าเป็นกุลสตรีที่หาไม่ได้ง่ายๆ แต่เธอกลับทำตัวต่ำเสียขนาดนี้ พ่อแม่ของเธอรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวมีพฤติกรรมอย่างไร

วูบแรกชายหนุ่มคิดว่าจะไปดักรอดูพราวพรายแถวบ้านพักของเธอ ว่าเธอจะกลับบ้านหรือนอนค้างกับเจ้าหนุ่มคนนั้น แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไร พฤติกรรมของเธอเท่าที่เขาเห็นในคืนนี้ บวกกับคำบอกเล่าของเด็กหนุ่มคนนั้น มันชัดเจนจนไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกแล้ว ไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าพราวพรายที่ดูท่าทางเป็นเด็กสาวซื่อๆบริสุทธิ์ ท่าทางเรียบร้อยอยู่ในโอวาทของบิดามารดา จะมีพฤติกรรมลับๆล่อๆลึกลับซับซ้อนเช่นนี้ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เขารังเกียจ

ที่แค้นใจที่สุดคือไม่เข้าใจว่าเธอทำได้อย่างไร ที่หลอกล่อให้เขารอคำตอบเธอตั้งไม่รู้กี่เดือน ทั้งๆที่ระหว่างนั้นเธอก็คงไปหลับนอนกับไอ้หนุ่มคนนั้นอยู่เป็นประจำ เธอทำเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว เธอเห็นเขาเป็นอะไร เป็นตัวสำรองอย่างนั้นหรือ หรือเธอคิดว่าพอเจ้าผู้ชายคนนั้นทิ้งเธอ หรือเธอเบื่อมันแล้วเธอจะกลับมาหาเขา ดีที่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ประเภทต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก เขาไม่มีทางยอมให้เธอเอาตัวใส่ตะกร้าไปล้างน้ำ แล้วกลับมาทำหน้าซื่อแต่งงานกับเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

เขตต์คิดฟุ้งซ่านอยู่อย่างนี้ตลอดทาง ที่หุนหันขับรถกลับไปโขงเจียมในตอนดึกคืนนั้น เมื่อถึงที่พักชายหนุ่มซึ่งกำลังคลั่งเพราะพิษรักบวกกับความเจ็บแค้น ที่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งทรยศหักหลังหลอกล่อให้หลงรัก ก็ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เพราะมัวแต่นั่งกรอกเหล้าเข้าปากจนเมาพับหลับไปเมื่อรุ่งสาง

เขตต์เมาทุกคืนอยู่หนึ่งสัปดาห์เต็ม ระหว่างที่ดื่มเหล้าก็คิดแต่เรื่องพราวพรายกับหนุ่มต่างชาติคนนั้นกลับไปกลับมา บางครั้งก็ไม่เชื่อว่าเธอผู้นั้นจะทำตัวเสื่อมเสียได้ขนาดนั้น พยายามปลอบใจตัวเองว่า เป็นไปได้ไหมว่าเธอไปที่อพาร์ตเมนท์ของเจ้านิคนั่นเพราะมีธุระเท่านั้น คำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เหมือนกัน เขาอาจจะเข้าใจผิดหรือจำผิดคนก็ได้

เมื่อพยายามคิดเช่นนี้ชายหนุ่มก็รู้สึกสบายใจขึ้น แต่พอนึกแว่บขึ้นมาได้ถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่บาร์วิมานทองเมื่อหลายเดือนมาแล้ว ที่พราวพรายไปแอบยืนคุยกับนิคใกล้ห้องน้ำ และที่เจ้าหนุ่มคนนั้นจูบเธอบนฟลอร์เต้นรำ เขตต์ก็หวนแค้นขึ้นมาใหม่ จะไม่เป็นเรื่องจริงได้อย่างไร ต้องจริงแน่ นึกไปนึกมาแล้วก็สงสัยว่าคนทั้งคู่คงมีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว อย่างน้อยก็ตั้งแต่คืนนั้น เขากลายเป็นไอ้โง่ให้เธอหลอกเล่นมานานขนาดนั้นเลยหรือ

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจนอยากจะแล่นไปถามเธอถึงบ้าน ว่าประพฤติตนเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่นึกอับอายบ้างหรอกหรือถ้ามีใครรู้เห็น ว่าเธอไปมั่วกับผู้ชายต่างชาติที่คงไม่ได้คิดจะจริงจังกับเธอ ก็เขารู้นี่นาว่าพวกทหารอเมริกันที่มาประจำอยู่แถบเอเซีย มักจะมีคู่นอนเป็นผู้หญิงในท้องถิ่น อาจจะโดยการเสียเงินเช่ามาให้บริการแบบเหมาจ่ายเป็นรายเดือน หรือไม่ก็พวกพาร์ตเนอร์ที่จะต้องจ่ายค่าตัวเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน เป็นการแก้ขัดชั่วคราวระหว่างที่อยู่ไกลบ้านไกลเมีย พราวพรายอยู่ในประเภทไหนกันเล่า?

เมื่อยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ชายหนุ่มก็เมาต่อไปทุกค่ำคืน ทั้งรักทั้งแค้นแน่นหัวอกจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ถึงจะบอกตัวเองให้ตัดใจลืมพราวพรายเสีย แต่เขตต์ก็ยังต้องการที่จะหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยอะไรให้ผ่านไปง่ายๆ โดยที่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน!!



Create Date : 08 เมษายน 2566
Last Update : 8 เมษายน 2566 10:11:31 น.
Counter : 577 Pageviews.

7 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเนินน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณRain_sk, คุณหอมกร, คุณเริงฤดีนะ, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา

  
มาทักทายและส่งกำลังใจค่ะ
ต้องกลับไปอ่านย้อนหลังเยอะเลยค่ะ ^__^
โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:11:08:03 น.
  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ช่วงนี้มาเร็วต่อเนื่อง ดีจังค่ะ
ขออ่านก่อนนะคะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:11:25:32 น.
  
ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
อ่านเพลินเลยค่ะ อินเลย
โดย: สมาชิกหมายเลข 3661152 (สมาชิกหมายเลข 3661152 ) วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:12:17:08 น.
  
แหมตอนนี้มาเร้ซจังค่ะคุณตุ้ย
ผู้ชายนี่ก็แปลกนะคะ ผู้หญิงเขาก็
พูดชัดๆ ว่าไม่รักยังจะตื้ออยู่ได้

โดย: หอมกร วันที่: 8 เมษายน 2566 เวลา:18:21:34 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับผม
โดย: Rain_sk วันที่: 12 เมษายน 2566 เวลา:5:30:32 น.
  
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
โดย: **mp5** วันที่: 13 เมษายน 2566 เวลา:9:29:31 น.
  
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 13 เมษายน 2566 เวลา:12:31:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
เมษายน 2566

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com