ตนละฟากฟ้า - บทที่ 51
พราวพรายตื่นแต่เช้ามืดพร้อมสุนิสา ระหว่างที่เพื่อนเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เธอก็ทำแซนด์วิชหลายคู่และต้มน้ำใส่กระติก เพื่อเตรียมไว้ชงกาแฟให้อรรณพ เขตต์และสุนิสาได้รับประทานรองท้องก่อนออกเดินทาง ชายหนุ่มทั้งสองมาถึงก่อนเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง

“ทำไมมาเร็วจังล่ะคะ พี่ณพ เพิ่งจะตีสี่ครึ่งเอง” พราวพรายถามอย่างสงสัย

อรรณพบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มอีกคน “ท่านปลัดของเราน่ะสิ ใจร้อน เร่งผมใหญ่เลย สงสัยอยากจะมาเห็นหน้าคุณพราวก่อนออกเดินทาง” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “นี่คุณพราวจะไม่ไปด้วยกันจริงๆหรือ?”

พราวพรายมองเลยไปถึงเขตต์ที่ยืนอยู่เยื้องไปทางด้านหลังของอรรณพ เห็นสีหน้าเก้อๆเหมือนเด็กหนุ่มของเขา

“ไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะ พี่ณพ แอ๋วยังไม่เสร็จเลย ทานแซนด์วิชกับกาแฟกันก่อนนะคะ พราวเตรียมไว้ให้แล้ว”

ชายหนุ่มทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะอาหารที่มีแซนด์วิชจานใหญ่วางอยู่แล้ว ส่วนพราวพรายเข้าไปชงกาแฟให้แขกทั้งสองในครัวเล็กๆด้านใน เขตต์รีรออยู่ครู่หนึ่งแต่เมื่อเห็นท่าทางพยักเพยิดของอรรณพ ก็ลุกจากเก้าอี้ที่เพิ่งลงนั่งเดินเข้าไปหาพราวพราย พอหันมาเห็นเขาหญิงสาวก็ยิ้มให้

“รอเดี๋ยวนะคะ กำลังจะชงกาแฟให้”
“คุณพราวจำได้หรือครับว่ากาแฟผมใส่น้ำตาลกี่ก้อน?”
“โธ่ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ ฉันชงให้คุณตั้งหลายครั้งแล้ว เวลาที่คุณแวะมาเยี่ยมแอ๋วกับฉันที่นี่ น้ำตาลหนึ่งช้อนชาไม่ใช่หรือคะ?”

หน้าของเขตต์มีสีแดงเรื่อๆอย่างดีใจที่เธอจำเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับเขาได้ ทำให้พราวพรายมองเขาอย่างเอ็นดู อดนึกในใจไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้ชายน่ารักอย่างที่สุนิสาพูดเมื่อคืนนี้ นี่ถ้าไม่มีนิคเธอคงหนีชายหนุ่มคนนี้ไม่พ้นแน่ ความจริงก็น่าเสียดายเขาเหมือนกัน นานๆจะได้พบผู้ชายแบบนี้สักคน แต่พอนึกถึงผู้ชายอีกคนหนึ่งขึ้นมาได้ พราวพรายก็ต้องลอบถอนใจอย่างหนักอก ไม่รู้ว่าจะอดทนกับชีวิตคู่ที่ลุ่มๆดอนๆอย่างทุกวันนี้ไปได้อีกนานเท่าไร

“เสียดายที่คุณพราวไปด้วยไม่ได้ อยู่คนเดียวแบบนี้ตั้งหลายวันไม่กลัวหรือครับ”
“ไม่กลัวหรอกค่ะ ฉันกับแอ๋วอยู่บ้านนี้กันเป็นปีแล้ว ไม่เคยมีอะไร เพื่อนบ้านก็ดีด้วย”
“แต่ผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี” สีหน้าของเขตต์บอกว่าเขาเป็นห่วงเธอจริงๆ “ไม่อยากให้คุณพราวอยู่คนเดียวเลย”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ เที่ยวให้สนุกเถอะ”
“ผมไม่ได้ไปเที่ยวหรอกครับ ไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่น่ะ ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วกลัวท่านจะเป็นห่วง”

พราวพรายอมยิ้ม “คุณเขตต์เป็นลูกที่น่ารักจัง ไม่เหมือนฉันเลย” แล้วเธอก็ชวนเขาว่า “ออกไปทานกาแฟข้างนอกกันดีกว่าค่ะ จะได้เอากาแฟไปให้พี่ณพ คุณเขตต์เองก็จะได้ทานแซนด์วิชด้วย”

หลังจากที่คนทั้งสามออกเดินทางไปแล้วเมื่อประมาณตีห้า พราวพรายก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมที่จะออกไปใส่บาตรในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ที่บริเวณหน้าปากซอยในเวลาประมาณหกโมงเช้า เธอเตรียมของที่จะใส่บาตรพระสงฆ์สามรูปไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

หลังจากใส่บาตรเสร็จหญิงสาวก็กลับเข้าบ้าน ทำงานบ้านคอยนิคไปพลางๆ ด้วยความหวังว่าเขาจะแวะมาหา ก็เมื่อคืนนี้เขารู้แล้วไม่ใช่หรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ แม้จะไม่มีของขวัญมาให้เพราะไม่รู้ว่าเธอเกิดเมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยก็น่าจะมาอวยพรวันเกิดให้เธอตามประเพณีนิยม พราวพรายเดินไปเดินมารอนิคจนแปดโมงเช้าเขาก็ยังไม่มา

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจะไปหาเขาที่อพาร์ตเมนท์เอง เพราะคิดว่าที่ไม่มาก็เพราะเขาอาจจะยังไม่หายโกรธเธอเรื่องเมื่อคืนนี้ก็ได้ ที่นอกจากเธอจะทำท่าสนิทสนมกับเขตต์แล้วยังออกไปเต้นรำด้วยกันตั้งนาน แต่พราวพรายก็อดคิดต่อไปอีกหน่อยแบบเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่า ความจริงก็ไม่เห็นจะต้องมาทำท่าไม่พอใจใส่เธอเลย ก็เขาเองไม่ใช่หรือที่พายายคนนั้นออกไปเต้นรำกันตั้งนานสองนาน จะแอบซบกันตอนไหนบ้างก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำยังทำท่าอ่อนหวานเอาอกเอาใจแล้วแอบพาเจ้าหล่อนไปส่งบ้าน หรือไปไหนกันต่อใครจะไปรู้ ก็น่าจะหายกันแล้วนี่ จะมาทำโกรธเงียบหายไปแบบนี้ได้อย่างไร ก็รู้ไม่ใช่หรือว่าวันนี้เธอต้องอยู่บ้านคนเดียว สุนิสาไปกรุงเทพฯตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ วันนี้เป็นวันดีเป็นวันเกิดของเธอ ต้องพยายามทำใจไม่ให้ขุ่นมัว ไปหาเขาให้เขาดีใจดีกว่า

เมื่อถึงอพาร์ตเมนท์เธอเห็นรถของนิคจอดอยู่ที่ลานจอด ซึ่งแสดงว่าเขายังไม่ได้ออกไปไหน พราวพรายขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสี่ แม้จะมีกุญแจสำรองเข้าอพาร์ตเมนท์ที่นิคให้ไว้แต่เธอก็ไม่ได้ใช้ เพราะใจที่ยังหวาดระแวงอยู่กลัวว่าถ้าเขากำลังอยู่กับใครจะได้รู้ตัว ก่อนที่เธอจะโผล่เข้าไปแล้วจับได้คาหนังคาเขา จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา แต่เมื่อลองเคาะสองสามครั้งแล้วยังไม่มีเสียงตอบรับ ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆ หญิงสาวก็ไขกุญแจเปิดห้องเข้าไป นิคไม่อยู่ เธอไม่รู้ว่าเขาไปไหนตั้งแต่เช้า รถก็ไม่ได้เอาไป แต่ก็คิดว่าจะรอเขาอยู่ที่นี่แหละ

พราวพรายเดินสำรวจไปทั่วอพาร์ตเมนท์ เห็นข้าวของส่วนตัวของนิคยังวางอยู่ตามที่ต่างๆ เมื่อเห็นเตียงนอนที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงยังไม่ได้จัดเก็บให้เรียบร้อย ผ้าห่มที่เขาคงใช้ห่มนอนกองขยุกขยุยอยู่ปลายเตียง พราวพรายก็จัดเก็บจนเรียบร้อยแล้วคลุมเตียงด้วยผ้าคลุมเตียงผืนสวย ที่เขาคงเลิกออกแล้วโยนไปกองอยู่บนพื้นหน้าเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน เห็นที่เขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมีก้นบุหรี่สุมอยู่เกือบเต็ม เธอก็ขมวดคิ้วแน่ใจว่าก้นบุหรี่เหล่านี้คงเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เพราะเขาเพิ่งมาถึงเมื่อวาน ปกติแม่บ้านจะเข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม หลังจากที่นิคกลับไปเวียตนาม แสดงว่าเมื่อคืนนี้เขาคงสูบบุหรี่หนัก หรือว่าเขาเครียดมากกับเรื่องเมื่อคืนจนต้องสูบบุหรี่มากขนาดนั้น

ยืนมองอยู่อึดใจเต็มพราวพรายก็จัดการเอาก้นบุหรี่ไปทิ้ง ล้างที่เขี่ยบุหรี่จนสะอาดหมดจดแล้วนำกลับมาวางตรงที่เดิม ต่อจากนั้นก็เก็บกางเกงนอนที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งไปวางไว้ในที่ในทางของมัน รวมทั้งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ยังหมาดชื้น ที่เขากองไว้บนขอบอ่างอาบน้ำ ขณะที่พราวพรายกำลังทำงานง่วนอยู่นั้นเอง นิคก็ไขกุญแจห้องเข้ามาในชุดกางเกงวอร์มขาสั้นและเสื้อยืดตัวหลวมยาว มีผ้าขนหนูผืนเล็กคล้องอยู่ที่คอ หน้าตาเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาเลิกคิ้วเหมือนประหลาดใจที่เห็นเธอ

หญิงสาววางมือจากงานที่กำลังทำอยู่ ยิ้มหวานให้เขาก่อนจะบอกเขาว่า “ฉันมารอคุณตั้งนานแล้ว ขี้เกียจนั่งเฉยๆเลยทำความสะอาดห้องให้ ไปไหนมาหรือคะ?”

นิคทำหน้าเฉย “ผมออกไปจ้อกกิ้งแล้วก็แวะกินอาหารเช้าแถวนั้น” คำพูดต่อไปของเขาทำให้พราวพรายอึ้งไปทันที “ยังอยู่ที่นี่อีกหรือ ผมนึกว่าคุณไปกรุงเทพฯกับพวกนั้นแล้วเสียอีก หรือว่าเลื่อนเวลาออกไป มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า? ถ้ามีอะไรจะพูดกับผมก็รอเดี๋ยว ขอผมอาบน้ำก่อน เหงื่อโชกไปทั้งตัว”

พูดจบเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้เธอยืนงงอยู่คนเดียวกลางห้อง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำท่าหมางเมิน พูดจาด้วยอย่างห่างเหิน ราวกับเธอเป็นแขกแปลกหน้าที่เขาไม่ยินดีจะต้อนรับ ไม่มีแม้แต่จูบทักทายที่เขาเคยทำอยู่เป็นประจำทุกครั้งที่พบหน้ากัน

นิคออกจากห้องน้ำในอีกสิบนาทีต่อมา เดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า แต่งตัวใหม่ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีขาวและกางเกงลายพราง เสร็จแล้วก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่งมาเปิดฝาออกยกขึ้นดื่ม แล้วเดินเข้ามาหาพราวพราย ที่ตอนนี้นั่งเงียบทำตัวไม่ถูกอยู่บนเก้าอี้นวมตัวหนึ่ง

“คุณไม่ได้ไปกรุงเทพฯกับเพื่อนคุณหรอกหรือ” เขาถามก่อนจะหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ
“เปล่า ไม่ได้ไป”
“คุณมีวันหยุดหลายวันไม่ใช่หรือ ไม่เบื่อแย่หรือ เพื่อนคุณก็ไม่อยู่”

พราวพรายเริ่มสงสัยว่าเขาหมายความว่าอย่างไร นิคพูดราวกับว่าเธอจะต้องอยู่คนเดียวตลอดวันหยุดยาวสี่วันนี่อย่างนั้นแหละ เอ๊ะ...หรือเขากำลังจะกลับเวียตนาม ก็เขาเพิ่งมาถึงเมื่อวานตอนเย็นไม่ใช่หรือ ตามที่เธอได้ยินอรรณพเล่าให้จันทนาฟัง

“ถ้าจำเป็นต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ฉันก็คงหาอะไรทำไม่ให้เบื่อ”

หญิงสาวฝืนใจโต้ตอบกับเขาด้วยเสียงและสีหน้า ที่พยายามบังคับให้เป็นปกติ ทั้งๆที่เริ่มน้อยใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ที่นิคไม่พูดเรื่องวันเกิดของเธอเลย เปล่าหรอก..เธอไม่ได้จะทวงของขวัญวันเกิด เธอทำใจได้แล้วว่าเขาไม่ได้เตรียมของขวัญให้เธอเพราะเขาไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน สิ่งที่เธอต้องการจากเขาตอนนี้ก็แค่คำอวยพรเท่านั้น

นิคมองพราวพรายอยู่อึดใจหนึ่งก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ เดินหายเข้าไปในห้องนอนแล้วกลับออกมาภายในสองนาที เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอ ก้มลงประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากตามธรรมเนียมปฎิบัติ ก่อนจะยื่นกล่องกำมะหยี่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินเข้มให้

“สุขสันต์วันเกิด”

ใจของพราวพรายโลดขึ้นด้วยความดีใจ เปล่า..ไม่ได้ดีใจเพราะได้ของขวัญจากเขา แต่ดีใจที่เขาคงจะสืบเสาะจนรู้วันเกิดเธอ ทั้งๆที่เธอไม่เคยบอกเขาและเขาก็ไม่เคยสนใจไต่ถาม งั้นที่เขามาจากเวียตนามนอกกำหนดการก็เพื่อจะเอาของขวัญมาให้เธอน่ะสิ เอ๊ะ..หรือว่าเขาเพิ่งรู้เมื่อคืน เลยรีบไปหาซื้อของขวัญจากร้านในเมืองนี้มาให้เธอ? ไม่ใช่ของขวัญที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า

แต่แล้วเธอก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาพูดต่อว่า “ของขวัญชิ้นนี้ผมซื้อมาจากที่โน่น ลองเปิดดูสิ”

พราวพรายยิ้มหวานให้เขาอย่างซาบซึ้ง ที่เขาอุตส่าห์ไปเที่ยวหาของขวัญให้เธอ เขารู้วันเกิดเธอโดยที่เธอไม่ต้องบอกก็แสดงว่าเขาแคร์เธอมากน่ะสิ หญิงสาวรีบเปิดกล่องออกดูของข้างในแล้วก็เห็นของขวัญของเขา มันคือกำไลข้อมือทำจากงาช้างออกสีเหลืองนวล งาช้างนั้นถูกเจียรจนเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ละแผ่นกว้างประมาณสองนิ้ว สลับระหว่างงาช้างแต่ละแผ่นมีแผ่นทองขนาดเดียวกับงาช้าง ฉลุลวดลายศิลปะแบบเวียตนามโปร่งๆแต่ละเอียดยิบงามตาขั้นเป็นระยะ หญิงสาวรู้สึกชอบมันทันทีที่ได้เห็น นอกจากกำไลข้อมือแล้วในกล่องยังมีสร้อยคอเข้าชุดกัน ลวดลายเดียวกันสวยงามจับตา เธอรู้ทันทีว่าเป็นงานฝีมือแบบเก่าของเวียตนาม ซึ่งคงจะหายากและมีราคาสูงพอควร

“นิคคะ ขอบคุณมากค่ะ สวยจริงๆ ฉันชอบมากเลย”

เธอบอกเขาอย่างตื่นเต้นดีใจ ซาบซึ้งกับน้ำใจของเขาที่แม้งานจะยุ่งแค่ไหน ก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาไปหาซื้อของมีค่าสองชิ้นนี้ให้เธอ ตอนนี้ความเสียใจน้อยใจของพราวพรายหายไปหมดสิ้น แต่ความดีใจของเธออยู่ได้ไม่นานเมื่อนิคถามด้วยเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉยแต่มีนัยสำคัญว่า

“ชอบมากเท่ากับสร้อยไข่มุกด์เมื่อคืนนี้หรือเปล่า?”
หญิงสาวอึ้งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะถามเขาว่า “หมายความว่ายังไงคะ?”
เขายักไหล่ “ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก”

พราวพรายเก็บเครื่องประดับสองชิ้นนั้นลงกล่อง หมดความตื่นเต้นยินดีไปโดยพลัน ถามตัวเองว่าเขาเป็นอะไรไปอีกล่ะ อยู่ๆก็มาพูดเหมือนประชดประชัน เขาก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเธอคืนสร้อยไข่มุกด์เส้นนั้นให้เขตต์ไปแล้ว

“คราวนี้ทำไมมาได้ล่ะคะ นิค เพิ่งกลับไปได้สองอาทิตย์เอง”

เธอพยายามชวนคุยให้ห่างออกไปจากเรื่องสร้อยไข่มุกด์เส้นนั้น รู้ว่าเขาคงไม่พอใจที่ชายอื่นทำท่าสนิทชิดเชื้อกับเธอถึงขั้นจะให้ของขวัญราคาแพง

“ผมมีธุระ” นิคตอบสั้นๆแค่นั้น

ความจริงธุระของเขาคือมาให้ของขวัญ พาเธอไปเลี้ยงฉลองวันเกิดและใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอ ไม่อยากให้พราวพรายเข้าใจผิดคิดว่าเขาสนใจแต่งานอย่างเดียว ไม่สนใจเธอเลยเหมือนที่เธอชอบกล่าวหาเขาอยู่บ่อยๆ แต่ภาพเมื่อคืนที่เธอกับปลัดอำเภอคนนั้นนั่งเคียงคู่กัน กระซิบกระซาบกัน ออกไปเต้นรำด้วยกันโดยไม่เกรงใจเขาเลย ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกบาดทั้งตาบาดทั้งใจ จนไม่อยากจะบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ลางานมาครั้งนี้ ให้เธอนึกกระหยิ่มมากขึ้นไปอีกว่าเขาแคร์เธอมาก

นิคยอมรับว่าเขาหวงพราวพราย บอกตัวเองว่าทำไมจะหวงไม่ได้ ก็เธอไม่ใช่เมียเขาหรอกหรือ ลึกลงไปในหัวใจของนิค เขาไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่เลยว่าเธอรักเขา แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าถึงพราวพรายจะรักเขาน้อยไปหน่อยแต่เขาก็รับได้ หวังแต่เพียงว่าเมื่อได้ใช้ชีวิตร่วมกันไปพักหนึ่ง รู้จักกันมากขึ้นเธอก็คงจะรักเขาได้มากขึ้น ความรู้สึกไม่มั่นใจนี้ทำให้เขาหึงผู้ชายคนนั้นและอาจจะผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอก็ได้ เพราะเขาอยู่ไกล โอกาสที่จะได้อยู่กับเธอเหมือนสามีภรรยาทั่วไปก็มีน้อยเหลือเกิน แถมเธอก็อายุยังน้อย จะทนความเหงาความว้าเหว่ได้นานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย

เขาอยากให้เธอเล่าถึงปลัดอำเภอคนนั้นให้เขาฟัง ว่ายังมาหาเธอบ่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า ออกไปกินข้าวไปเต้นรำกันบ่อยแค่ไหน ถึงจะมีคนอื่นร่วมทางไปด้วยก็เถิด แล้วที่พวกนั้นชวนเธอไปกรุงเทพฯน่ะ ถ้าบังเอิญไม่ได้พบเขาเมื่อคืนนี้ เธอคิดจะไปกับพวกเขาโดยไม่บอกไม่กล่าวเขาหรือเปล่า แม้จะอยากรู้แต่ก้ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างเขา ที่จะมานั่งซักนั่งถามผู้หญิงคนไหนเรื่องผู้ชายคนอื่น แม้แต่กับผู้หญิงสองสามคนที่เคยคบกันเขาก็ไม่เคยทำ ลืมคิดไปว่าผู้หญิงสองสามคนนั้นต่างจากพราวพราย ตรงที่พวกเธอไม่ได้เป็นเมียเขาเหมือนที่พราวพรายเป็น

ขณะที่หญิงสาวนั่งอ้ำอึ้งหน้าเสียอยู่กับท่าทีหมางเมินของเขา นิคซึ่งรอให้พราวพรายเล่าแจ้งแถลงไข เรื่องเมื่อคืนนี้ให้เขาหายเคลือบแคลงใจ แต่เธอกลับนั่งนิ่งไม่ยอมเปิดปาก ก็เกิดมุทะลุขึ้นมาด้วยความน้อยใจ คิดว่าเธอไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเลย

“คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็กลับบ้านเถอะ ผมไปส่งคุณแล้วก็จะไปสนามบินเลย ผมจะกลับค่ายที่โน่น มีงานรอผมอยู่

พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปเอาของในห้องนอน เมื่อกลับออกมาเขาก็บอกเธอโดยไม่มองหน้าว่า “ไปเถอะ ผมจะไปส่งคุณก่อน”

พราวพรายซึ่งกำลังงุนงงกับวาจาท่าทางของเขา ค่อยๆลุกจากเก้าอี้เดินตามนิคออกจากห้องไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ในลานจอด ความหวังว่าจะไม่ต้องอยู่คนเดียวในวันหยุดยาวตั้งสี่วันหมดสิ้นไป พร้อมๆกับแผนการที่จะอ้อนให้เขาพาไปฉลองวันเกิด เล็กๆน้อยๆด้วยกันเพียงสองคน ในห้องอาหารเงียบๆบรรยากาศดีๆสักแห่งหนึ่ง

เธอขึ้นนั่งรถคู่ไปกับเขาทั้งๆที่หมดกำลังใจ ไม่นึกอยากร่วมทางไปด้วยแล้ว แต่ก็ไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับเขาให้เสียความรู้สึกมากไปกว่านี้ หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้จนสุดความสามารถ ในขณะที่อีกฝ่ายก็หยิบแว่นดำที่มีประจำอยู่ในรถขึ้นมาสวม ไม่ต้องการให้เธอเห็นความรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นที่ฉายชัดอยู่ในแววตาเขา

ทันทีที่นิคจอดรถตรงหน้าบ้านเช่าหลังน้อย พราวพรายก็รีบร้อนกระโดดลง จนลืมกล่องของขวัญของเขาที่เธอวางไว้ข้างตัว

“พราว ลืมของขวัญหรือเปล่า หรือไม่อยากได้” เขาถามเสียงแข็งขณะส่งกล่องเครื่องประดับให้เธอ

หญิงสาวหันกลับมารับกล่องใบนั้นจากมือเขา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้านอย่างรีบร้อน กลัวว่าน้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจจะไหลออกมาให้เขาหัวเราะเยาะความอ่อนแอของเธอ ส่วนนิคก็กระชากรถพรืดจากไป แต่ละฝ่ายต่างก็รับรู้แต่ความรู้สึกน้อยใจของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้นึกถึงอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย

เข้าบ้านได้พราวพรายก็รีบล็อคประตูราวกับกลัวว่าเขาจะตามเข้ามา ทั้งๆที่ได้ยินเสียงรถแล่นออกไปแล้ว วางกล่องของขวัญของเขาลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง หมดอารมณ์อยากได้ไปเสียแล้ว น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตลอดทางหลั่งไหลออกมาอาบแก้มด้วยความอัดอั้น บอกตัวเองว่านิคมาอย่างเสียไม่ได้ มาตามหน้าที่เท่านั้น เขาเคยบอกว่าเขารักเธอมากซึ่งเธอก็เคยเชื่อเขามาตลอด แต่ตอนนี้คงไม่เชื่ออีกแล้ว เขาไม่ได้รักเธอหรอก รักแต่งานบ้าๆของเขาอย่างเดียวเท่านั้น

ถ้าเขารักเธอเขาก็ต้องรู้สิว่าเธออยากจะอยู่กับเขา เหมือนสามีภรรยาทั่วๆไป หรือไม่เขาก็ควรจะให้เวลากับเธอมากขึ้น เขาควรจะใส่ใจกับเรื่องสำคัญบางเรื่องของเธอบ้าง อย่างเช่นวันนี้ที่เป็นวันเกิดของเธอ เขาก็แวะมาแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแล้วก็กลับ ถ้าเธอไม่ไปหาเขาที่อพาร์ตเมนต์เขาก็คงกลับไปเวียตนามแล้ว ก็ดูสิเธอเพิ่งนึกออกตอนนี้เองว่านิคเตรียมตัวพร้อมที่จะกลับไปค่าย ก็เขาสวมกางเกงลายพรางกับเสื้อยืด ที่เป็นคล้ายเครื่องแบบครึ่งท่อนไม่ใช่หรือ มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่งี่เง่า อุตส่าห์ตามไปหาเขาให้เขาไล่กลับอย่างไม่แยแส ถ้ารู้ว่าเขาจะทำกับเธอแบบนี้ เธอก็น่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯกับเขตต์เมื่อเช้านี้แล้ว อย่างน้อยก็ยังจะได้อยู่บ้านกับพ่อแม่ตั้งหลายวัน ไม่ต้องมานั่งเงียบเหงาเศร้าใจอยู่คนเดียวตั้งสี่วัน ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ พราวพรายร้องไห้ไม่หยุดอยู่เกือบชั่วโมง ในที่สุดก็หยุดร้องไห้ไปเองโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีน้ำตาให้ไหลอีกแล้ว

เมื่อร้องไห้จนรู้สึกหายอัดอั้นไปมากแล้ว หญิงสาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวออกไปหาอาหารกลางวันนอกบ้านรับประทาน ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย หลังจากนั้นเธอก็เดินดูร้านค้าสองข้างถนนไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง เดินคนเดียวก็ได้ไม่เห็นแปลกอะไรเลย เจอร้านหนังสือค่อนข้างใหญ่ ก็แวะเข้าไปเลือกหนังสืออยู่นาน ซื้อหนังสือสองสามเล่นที่กะว่าจะใช้อ่านฆ่าเวลาในช่วงวันหยุด ผ่านร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสตรีสวยๆที่สั่งมาจากกรุงเทพฯ เธอก็เข้าไปลอง เลือกชุดสวยๆราคาแพงได้สองชุดที่ยังไม่รู้ว่าจะใส่ไปไหน เพราะส่วนใหญ่เธอนุ่งกางเกงอยู่เป็นประจำ บอกตัวเองว่าซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองก็แล้วกัน เอาใจตัวเองเสียหน่อยเพราะไม่มีใครคอยมาเอาใจ เมื่อผ่านร้านขายเสื้อผ้าเครื่องใช้ของผู้ชาย พราวพรายก็หยุดดูเสื้อยืดสปอร์ตสีดำราคาแพงแบบสุภาพแต่เก๋ที่โชว์อยู่ในหุ่นหน้าร้าน แวบแรกคิดไปถึงนิค อยากจะซื้อให้เขาสักตัว เธอรู้ว่าเขาชอบเสื้อยืดสีดำแบบนี้ แต่อึดใจต่อมาหญิงสาวก็เบือนหน้าหนีแล้วเดินเลยผ่านไป

ดูนาฬิกาเห็นเพิ่งบ่ายสองโมงเย็น เธอยังไม่อยากกลับไปอยู่อย่างเงียบเหงาคนเดียวที่บ้าน พอนึกถึงอมราขึ้นมาได้ก็คิดว่าน่าจะไปคุยด้วย เพื่อฆ่าเวลาจนกว่าจะค่ำค่อยกลับบ้าน ถึงจะเจอสุรเดชก้ไม่เป็นไร เพราะหนุ่มใหญ่คนนั้นเป็นคนง่ายๆเงียบๆ ไม่สนใจกับเรื่องอะไรของใคร อมราเคยเล่าให้เธอกับสุนิสาฟังว่าเขาเป็นคนใจเย็น ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร เสียอย่างเดียวคือชอบกินเหล้า ซึ่งสุนิสาก็ยังบอกว่ากินเหล้าอย่างเดียวแต่ไม่เจ้าชู้ก็ดีถมเถแล้ว

พราวพรายเลือกซื้อผลไม้สองสามอย่างไปฝากเพื่อน แล้วนั่งสามล้อไปบ้านอมรา

“แหม..พราว ใจตรงกันเลย กำลังคิดว่าอีกสักพักจะไปรับที่บ้านอยู่เชียว” อมราทักทายอย่างดีใจ
“มีอะไรเหรอ?”
“เย็นนี้จะชวนกินข้าวที่บ้านน่ะสิ กินกันธรรมดาน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”
“กินกันสองคนหรือไง?”
“ก็มีพี่เดช” เธอหมายถึงสุรเดช “พราว แล้วก็พี่จันท์ เขามาตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว พี่เดชก็ว่าจะชวนเพื่อนมาด้วยสักคนสองคน แต่ก็ยังไม่แน่ หยุดหลายวันยังงี้ไม่ค่อยมีใครอยู่ติดบ้านหรอก”
“แล้วอาหารล่ะ จะทำยังไง?”
“สั่งไว้แล้วละ ภัตตาคารใกล้ๆนี่แหละ อาหารเขาอร่อย วันนี้แม่ครัวไม่อยู่หรอก ตามแม่เราไปค้างบ้านน้าที่เดชอุดม กว่าจะกลับก็คงพรุ่งนี้เย็น”
“พี่เดชจะกลับไปแพร่เมื่อไหร่ล่ะ”
“อีกสองวัน”

พอเข้าไปในบ้าน พราวพรายก็เจอสุรเดชที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“อ้าว..คุณพราว นึกว่าเปลี่ยนใจตามพวกนั้นไปกรุงเทพฯแล้วเสียอีก” เขาเงยหน้าขึ้นทักทายเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างอารมณ์ดี “ไปกันหลายคนก็สนุกดีนะ”

หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆให้เขา เธอชอบเขามากกว่าชลธิศ นอกจากนี้ยังรู้สึกนับถือน้ำใจของสุรเดชที่ไม่ถือสาเรื่องที่อมราเคยทิ้งเขาไปหาชลธิศ เธอรู้จากอมราก่อนหน้านี้แล้วว่าสุรเดชมีพื้นเพเป้นคนอุบลฯโดยกำเนิด เขากับอมรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของเขากับของอมรารู้จักสนิทสนมกันดีแม้ฐานะจะแตกต่างกันก็ตาม ครอบครัวของสุรเดชมีฐานะปานกลาง ในขณะที่ครอบครัวอมรามีฐานะเหยียบขั้นเศรษฐี

“เผอิญพราวมีธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ พี่เดช” เธออ้อมแอ้มแก้ตัว

จันทนาที่เพิ่งเดินอออกมาจากห้องด้านใน เห็นพราวพรายก็ยิ้มให้ “อ้อ..พราว มาคนเดียวหรือคะ?” แล้วเธอก็ทำหน้ายิ้มๆ “ลืมไป ไม่น่าถามเลย อีกคนหนีไปเที่ยวกรุงเทพฯเสียแล้วนี่ ป่านนี้ขับรถถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”

พราวพรายหน้าร้อนวาบ จันทนาคงคิดว่าเธอกับเขตต์เป็นคู่หมายกัน คิดไปคิดมาแล้วก็อดนึกเคืองชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้ ที่อยู่ๆก็เอาของขวัญราคาแพงมาให้ ทำให้เธอต้องมีปัญหากับนิค และแม้แต่เพื่อนของอมราก็คิดเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเช่นสุนิสา อมรา อรรณพและสุรเดชจะคิดเหมือนกันกับจันทนาหรือเปล่า ถ้าเธอไม่เปิดของขวัญชิ้นนั้นต่อหน้าธารกำนัลตามคำเรียกร้องของเพื่อนฝูง นิคกับเธอก็อาจจะไม่มีเรื่องต้องขุ่นใจกันก็ได้







 



Create Date : 04 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2565 13:33:59 น.
Counter : 507 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร

  
มาอ่านบทที่ 50 และ 51 ครับ

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 6 พฤศจิกายน 2565 เวลา:22:32:28 น.
  
เนี่ยคือตัวอย่างของเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ที่มัวแต่ตั้งแง่ไม่คุยกันให้รู้เรื่องค่ะ
เป้นเรื่องสะท้อนชีวิตจริงของคู่รักหลายคู่เลยจริงๆ

โดย: หอมกร วันที่: 7 พฤศจิกายน 2565 เวลา:9:22:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
พฤศจิกายน 2565

 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
4 พฤศจิกายน 2565
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com